บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 941

บทที่ 941 โพธิจิต*[1] ของจักรพรรดิภูตผี

บทที่ 941 โพธิจิต*[1] ของจักรพรรดิภูตผี

เงาดำที่บดบังท้องฟ้าเคลื่อนตัวด้วยความเร็วที่สูงมาก และมาถึงที่นี่ในพริบตา

น่าตกใจนัก! มันเป็นโลงศพสีดำสนิทที่มีความยาวราวสามสิบหกจั้งและเต็มไปด้วยไอเย็นยะเยือก ส่องแสงแวววาวดุจโลหะ แต่รอบ ๆ โลงศพใบนี้ในขณะนี้กลับเต็มไปด้วยหมอกสีดำที่น่าสยดสยอง!

ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง เมื่อเขาตระหนักได้ทันทีว่าตนเองเคยเห็นโลงศพนี้ในอดีต ในตอนนั้น…เขาได้เห็นปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่เรียกว่าเก้าวิญญาณแบกโลง!

จากการคาดคะเนของชายหนุ่ม วิญญาณในโลงศพนั้นคงอยู่ราวขอบเขตเซียนปฐพีระดับสี่เป็นอย่างน้อย

‘เหตุใดโลงศพนี้ถึงมาปรากฏตัวที่นี่?’

เมื่อความคิดนี้แวบเข้ามาในใจของชายหนุ่ม เสียงคำรามที่หยาบกระด้างและแหลมคมพลันดังขึ้นในท้องฟ้า “เป้ยหลิง!! นี่เจ้ากำลังพยายามทำลายการข้ามขอบเขตของข้ารึ!?”

เสียงตวาดเหมือนฟ้าผ่าที่สั่นสะเทือนท้องฟ้าในยามค่ำคืน

มันเป็นเสียงชัดถ้อยชัดคำที่เปล่งออกมาจากโครงกระดูกขนาดมหึมา ดวงตาของสิ่งนั้นลุกโชนด้วยเปลวเพลิงวิญญาณสีเขียวเข้ม ซึ่งขับเน้นให้อีกฝ่ายดูน่ากลัวเป็นพิเศษ

เฉินซีเข้าใจทันทีว่า เจ้าของโลงศพนี้อาจตั้งใจที่จะทำลายวาสนาของโครงกระดูกที่กำลังจะบรรลุการบ่มเพาะ

เมื่อพยัคฆ์สองตัวสู้กัน ตัวหนึ่งก็ต้องบาดเจ็บ

เมื่อรู้เรื่องนี้แล้ว เฉินซีจึงรั้งตัวเองไว้ชั่วคราวและเฝ้าดูอย่างเย็นชาจากทางด้านข้าง

ในขณะเดียวกัน โลงศพได้หยุดอยู่กลางอากาศอย่างกะทันหัน และเปิดออกมาเงียบ ๆ สิ่งแรกที่ปรากฏออกมาคือมือขาวเรียวคู่หนึ่งที่ดูราวกับแกะสลักมาจากหยก และมันก็สวยงามไร้ที่ติ

เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเพียงมือคู่หนึ่งเท่านั้น แต่มันกลับปล่อยสิ่งล่อใจที่ถึงตายออกมา

“เซวี่ยคง ทั้งที่เจ้าฉวยโอกาสตอนที่ข้าอยู่ในการปิดด่านบ่มเพาะ เพื่อขโมยไข่มุกโลหิตยมโลกของข้าไป แต่เจ้ายังกล้าเพ้อฝันที่จะบรรลุเป็นราชาวิญญาณอีกหรือ? ถ้าเจ้าไม่ทำให้เกิดความวุ่นวายขนาดนี้ เจ้าอาจทำสำเร็จจริง ๆ ก็เป็นได้!”

เสียงทุ้มต่ำที่แฝงไปด้วยความรู้สึกแหบแห้งแว่วออกมาจากภายในโลงศพ และพร้อมกับเสียงนี้คือ สตรีที่ถูกอาบด้วยเปลวเพลิงสีน้ำเงินเข้ม นางเหยียดร่างที่สง่างาม และยืนขึ้นจากภายในโลงศพ

ผมสีดำสนิทที่ละเมียดละไมของหญิงสาวถูกปล่อยลงมาถึงเอว นางสวมชุดกระโปรงสีน้ำเงินเข้มที่มีลวดลายกระดิ่ง รูปโฉมของคนผู้นี้งดงามราวกับภาพวาด ถึงดูเย็นชา แต่ก็งดงามอย่างไม่มีใครเทียบได้

มีเพียงริมฝีปากสีแดงเข้มคู่นั้นของนางที่ซีดเซียว และไม่มีร่องรอยของเลือดแม้แต่น้อย

สตรีผู้นี้งดงามยิ่งนัก นางเย็นชาดุจน้ำแข็งและมีกลิ่นอายอันสูงส่ง ทุกอิริยาบถที่นางกระทำจะเผยให้กลิ่นอายอันสง่างามที่ดึงดูดสายตา ดูราวกับคุณหนูที่มาจากตระกูลขุนนาง

หากไม่ใช่เพราะนางออกมาจากโลงศพที่เย็นยะเยือกและดำสนิท เฉินซีคงไม่กล้ายืนยันว่านางเป็นวิญญาณจริง ๆ!

“ฮึ่ม! ไข่มุกโลหิตยมโลกนับเป็นสมบัติล้ำค่าของฟ้าดิน ผู้มีวาสนาเท่านั้นที่จะได้ครอบครองมัน ดังนั้นมันจะเป็นของเจ้าได้อย่างไรกัน? เป้ยหลิง เจ้าจงรีบจากไปซะ ราชาผู้นี้จะออกจากดินแดนอ่างโลหิต และจะไม่ถือสากับเรื่องนี้หากข้าสามารถบรรลุได้ …เจ้าคิดเช่นไร?” โครงกระดูกที่เรียกว่าเซวี่ยคงแค่นเสียงเย็น ในขณะที่กล่าว ร่างกายของเจ้าตัวก็ลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิงภูตผีสีแดงเข้มที่พลุ่งพล่าน คล้ายกำลังพยายามขัดเกลาพลังปราณจากฝูงวิญญาณที่ถูกสังเวย

“ช่างโง่เขลา! ทุกสิ่งทุกอย่างในดินแดนอ่างโลหิตนี้เป็นของข้า ดังนั้นข้าจึงไม่อาจมิสนใจเจ้าได้ …โดยเฉพาะเมื่อเจ้าใช้ดินแดนอันมีค่าของข้าเพื่อบ่มเพาะยังไม่พอ แต่ยังกล้ายึดครองสิ่งที่ไม่ควรเป็นของเจ้าอีก เห็นทีข้าคงต้องลงมือเสียแล้ว!!!” ใบหน้าของเป้ยหลิงเย็นชา ในขณะที่คำพูดของนางเหมือนใบมีดเย็นยะเยียบ และหญิงสาวก็ลงมือทันทีที่กล่าวจบ

ฟู่! ฟู่!

เปลวเพลิงสีน้ำเงินเข้มที่ดูเหมือนมังกรเพลิงอันปราดเปรียว พุ่งทะยานจากกลางฝ่ามือของหญิงสาว ฉีกทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าเข้าปกคลุมเซวี่ยคง

“เป้ยหลิง! หัดรู้ขีดจำกัดของเจ้าเสียบ้าง! เจ้าคิดว่าราชาองค์นี้จะกลัวเจ้าหรือ?” เซวี่ยคงอดไม่ได้ที่จะเดือดดาล เมื่อเห็นนางลงมือ

ครืน!

เขาเปลี่ยนร่างเป็นชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเขียวที่มีสีหน้าเศร้าหมอง และเงื้อมือขึ้นไปในอากาศ ทำให้เกิดประกายกระบี่ที่ก่อตัวขึ้นจากเปลวไฟสีเขียวเข้มเพื่อฟันออกปะทะกับเป้ยหลิง!

ครืนนน!

ทั้งคู่เปิดฉากการต่อสู้อันดุเดือด เปลวเพลิงวิญญาณสีเขียวเข้มและสีน้ำเงินเข้มที่ไร้คู่เปรียบได้ผสานเข้าด้วยกัน ก่อนระเบิดเป็นคลื่นพลังที่มีอานุภาพน่าสะพรึงกลัว กวาดไปยังบริเวณโดยรอบและทำลายชั้นเมฆบนท้องฟ้าจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ

ท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ มีคลื่นเสียงคร่ำครวญที่แหลมคม ดุร้าย และน่าสยดสยองของวิญญาณดังขึ้น ทำให้ฟ้าดินทั้งหมดราวกับปกคลุมไปด้วยวิญญาณร้ายมากมาย

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นวิญญาณ แต่พลังของทั้งสองก็อยู่ที่ราว ๆ ขอบเขตเซียนปฐพี ดังนั้นอำนาจทำลายล้างที่เกิดจากการปะทะกันของพวกเขา จึงกวาดล้างทุกสิ่งภายในรัศมีสองพันห้าร้อยลี้ในบริเวณโดยรอบ ทำให้หินแตกเป็นเสี่ยง ๆ และภูเขาก็พังทลาย

ความแข็งแกร่งของสตรีคนนั้นนับว่าไม่เลว พลังของนางอยู่ที่ขอบเขตเซียนปฐพีระดับสี่เท่านั้น แต่แท้จริงแล้ว นางสามารถกดดันอีกฝ่ายที่มีการบ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีระดับหก จนถึงขั้นที่เขาไม่สามารถยืนหยัดได้ ดังนั้นพรสวรรค์และเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่หญิงสาวฝึกฝน ต้องเหนือกว่าโครงกระดูกเป็นแน่!

ประกอบกับโครงกระดูกนั้นกำลังใกล้จะบรรลุอย่างเห็นได้ชัด ความแข็งแกร่งของเจ้าตัวจึงลดลงอย่างมากจากการถูกรบกวน และเขาอาจพินาศในที่สุด

เฉินซีซ่อนตัวอยู่ในระยะไกล เฝ้าดูการต่อสู้ที่ดุเดือด ซึ่งเขาก็ตัดสินได้ทันทีว่าใครแข็งแกร่งกว่ากันระหว่างสองคนนี้

ชายหนุ่มหายใจเข้าลึก ๆ และตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่า ตนจะฉวยโอกาสสยบเป้ยหลิงหากนางชนะ จากนั้นเขาจะรวบรวมปราณยมโลกที่มีอยู่ในฟ้าดินของที่นี่เสีย!

ผ่านไปราวหนึ่งถ้วยชาต่อมา แขนข้างหนึ่งของเซวี่ยคงก็ขาดออก ทำให้เจ้าตัวเจ็บปวดเสียจนคำรามอย่างดุดัน “เป้ยหลิง! นี่เจ้าคิดจะฆ่าข้าจริง ๆ หรือ!?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]