บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 940

บทที่ 940 วิญญาณสักการะจันทรา

บทที่ 940 วิญญาณสักการะจันทรา

หนึ่งเดือนต่อมา

บนที่ราบกว้างใหญ่ซึ่งปกคลุมไปด้วยดินไหม้เกรียม โลหิตได้ย้อมที่ราบอันไร้ขอบเขตนี้เป็นสีแดง

ตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว และดวงอาทิตย์สีม่วงสลัวก็ค่อย ๆ ดิ่งลงจากเบื้องบนท่ามกลางหมู่เมฆ มีเพียงลมเย็นยะเยือกและมืดมนที่พัดผ่านที่ราบสีแดงเลือด เป็นความเงียบงันที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต

กู่เทียนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นจึงสั่งให้เหล่าผู้คุ้มกันเริ่มตั้งค่ายและพักผ่อน ณ จุดนั้น

พวกผู้คุ้มกันเริ่มทำงานอย่างเป็นระเบียบ ส่วนเฉินซีกลับเลือกพื้นที่ว่างเพื่อนั่งขัดสมาธิและบ่มเพาะแทน

เมื่อไม่มีใครกล่าวอะไร บรรยากาศจึงดูจะกดดันเล็กน้อย

สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อไปอีกราวหนึ่งเดือน เนื่องจากพวกเขาเผชิญกับการลอบสังหารของชิงเซียวในวันนั้น ชุยชิงหนิงจึงเอาแต่อยู่ในรถม้าตลอดเวลาและไม่โผล่หน้าออกมาเลย

หลังจากกู่เทียนล้มเหลวในการเกลี้ยกล่อมเฉินซีให้จากไปอีกครั้ง เขาก็เลิกเกลี้ยกล่อมอีกฝ่าย และมุ่งความสนใจไปที่การเดินทางแทน

แต่สิ่งที่ทำให้กู่เทียนและคนอื่น ๆ งุนงงสับสนก็คือ บนตลอดเส้นทางที่ผ่านมานี้ พวกเขาไม่พบเจอสิ่งกีดขวางหรือการลอบจู่โจมใด และผู้ไล่ล่าเหล่านั้นก็ดูเหมือนจะหายไปในกลีบเมฆ ดังนั้นมันจึงเกิดเป็นสถานการณ์ที่แปลกประหลาดมาก

แต่กู่เทียนก็รู้ดีว่าศัตรูของพวกเขาจะไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน

บางทีศัตรูของพวกเขาอาจอดทนรออยู่เงียบ ๆ เพื่อเลือกโอกาสที่ดีที่สุดในการจัดการคนทั้งหมด!

“เรามาถึงชายแดนของอ่างโลหิตแล้ว และเราจะเข้าสู่เมืองหน้าผาทมิฬในอีกสามวัน ถ้าไอ้สารเลวพวกนั้นจะลงมือละก็ พวกมันคงจะลงมือในอีกไม่กี่วันข้างหน้ากระมัง?”

กู่เทียนขมวดคิ้ว รู้สึกหนักอึ้งในใจ เขากวาดสายตามองทุกคนก่อนจะกล่าวเสียงเบาว่า “คืนนี้ทุกคนระวังตัวให้มากขึ้น หากมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น จงจำไว้ว่าต้องปกป้องคุณหนูทันทีที่เป็นไปได้”

ผู้คุ้มกันคนอื่น ๆ ต่างรู้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์เป็นอย่างดี และพวกเขาก็พยักหน้ารับอย่างเคร่งขรึม

มีเพียงเฉินซีเท่านั้นที่ยังคงนิ่งเงียบดุจรูปปั้น และเขาก็ใช้เวลาในการบ่มเพาะอย่างเต็มที่

“เด็กคนนี้ไม่ปล่อยให้เวลาในการบ่มเพาะเสียเปล่าเลย น่าเสียดาย ขอบเขตการบ่มเพาะของเขายังต่ำเกินไป เขาอ่อนแอมาก การมาเร่งบ่มเพาะตอนนี้คงช่วยอะไรไม่ค่อยได้…”

กู่เทียนมองไปทางเฉินซีและถอนหายใจ

เขารู้ดีว่า เหตุผลที่เฉินซีปฏิเสธที่จะจากไปหลายต่อหลายครั้ง เป็นเพราะชายหนุ่มต้องการมุ่งหน้าไปยังนรกใต้พิภพด้วย แต่ที่สำคัญที่สุดคือ เฉินซีต้องการจะช่วยเหลือพวกเขา!

เขารู้สึกขอบคุณมากสำหรับความตั้งใจของชายหนุ่ม เพราะถึงอย่างไร คนอย่างเฉินซีก็หาได้ยากในโลกทุกวันนี้

แต่กู่เทียนก็ทราบอย่างชัดเจนว่า เฉินซียังเด็กเกินไป การมีจิตสำนึกในความยุติธรรมอย่างแรงกล้าและพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อ่อนแอนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าพลังอ่อนแอเกินไป อีกฝ่ายไม่เพียงจะไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้มากนัก แต่เขาจะกลายเป็นภาระแทน

ลองคิดดูว่า หากเฉินซีประสบกับอันตราย พวกเขาจะช่วยชายหนุ่มได้หรือไม่?

คำตอบนั้นชัดเจน พวกเขาต้องช่วย!

แม้ว่าจะเป็นเพียงความโชคดีที่ทำให้เฉินซีช่วยชีวิตชุยชิงหนิงจากชิงเซียวในวันนั้นไว้ได้ แต่สิ่งนี้ก็นับเป็นหนี้น้ำใจติดค้าง ดังนั้นหากชายหนุ่มพบเข้ากับอันตราย แล้วพวกเขาจะนิ่งเฉยรอดูอีกฝ่ายตายได้อย่างไร?

‘หากเราสามารถอยู่รอดไปจนถึงเมืองผาทมิฬ ข้าจะมอบสมบัติล้ำค่าให้แก่เด็กคนนี้และเกลี้ยกล่อมให้เขาจากไป ข้าไม่อาจให้เขามาพัวพันกับปัญหาของคุณหนูต่อไปได้…’

ในใจของกู่เทียนได้ตัดสินใจแล้ว …เฉินซียังหนุ่มและเลือดร้อนเกินไป แม้ว่าคนเช่นเขาจะเป็นคนโง่เขลาในสายตาของผู้คนส่วนใหญ่ แต่ก็เป็นคนประเภทที่ควรค่าแก่การเคารพมากที่สุดเช่นกัน!

ในโลกทุกวันนี้ มันเต็มไปด้วยผู้คนที่เห็นแก่ตัวมากมาย เส้นแบ่งระหว่างความดีและความชั่วเริ่มพร่ามัว ในขณะที่สีดำและสีขาวก็เริ่มผสมกันแล้ว ดังนั้นคนเช่นนี้จึงหาได้ยากและดูมีคุณค่ายิ่งกว่า ใช่หรือไม่?

เป็นเรื่องลึกลับว่าเฉินซีจะรู้สึกอย่างไร หากเขาได้รู้ว่าตนเองได้กลายเป็นศูนย์รวมของความเลือดร้อนและความยุติธรรมในสายตาของกู่เทียน…

ม่านแห่งรัตติกาลเคลื่อนลงมา และพระจันทร์สีแดงเลือดก็ลอยเด่นท่ามกลางท้องฟ้าสีดำสนิทอีกครั้ง และมันเปล่งประกายงดงาม

เฉินซีตื่นจากการทำสมาธิและลุกขึ้นยืน

“ไม่เลว ข้าจะสามารถฟื้นฟูพลังของทั้งหมดได้ในอีกประมาณครึ่งเดือนนับจากนี้”

ในขณะที่เขารู้สึกถึงพลังชีวิตที่อุดมสมบูรณ์และปราณเซียนซึ่งกว้างใหญ่เหมือนมหาสมุทรกำลังพลุ่งพล่านอยู่ในร่างกายของเขา เสี้ยวความพึงพอใจจึงเผยผ่านรอยยิ้มบริเวณมุมปากของชายหนุ่ม

หลังจากพักฟื้นเป็นเวลาหนึ่งเดือน พลังของเขาก็ได้ฟื้นคืนสู่ขอบเขตสถิตกายาขั้นสมบูรณ์แล้ว ในเวลานี้ เขาไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนและหลีกเลี่ยงอีกต่อไป แม้ว่าเขาจะเผชิญกับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีก็ตาม

แต่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กู่เทียนเข้าใจผิด ชายหนุ่มจึงยังคงสภาพกลิ่นอายไว้ที่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง

แต่มันก็ช่วยไม่ได้ เนื่องจากความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นเร็วเกินไป อีกฝ่ายอาจสงสัยว่าเขาจงใจปกปิดความแข็งแกร่งเอาไว้ เพื่อเข้าใกล้ชุยชิงหนิงด้วยจุดประสงค์อื่น…

แน่นอนว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เฉินซีจะเปิดเผยกับพวกเขาอย่างตรงไปตรงมา

แต่มันไม่ใช่ตอนนี้ เพราะเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับยมโลกเลย และจากคำบอกเล่าของผู้คุ้มกันคนหนึ่งที่ว่าสภาพอากาศบนเส้นทางเข้าสู่นรกใต้พิภพนั้นเลวร้ายมาก ดังนั้นการติดตามกู่เทียนและคนอื่น ๆ จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย!

สำหรับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทาง บางทีเขาอาจถูกศัตรูของชุยชิงหนิงเกลียดชังอย่างสุดซึ้ง แต่ชายหนุ่มไม่สนใจ ตราบเท่าที่เขาสามารถเข้าไปในนรกใต้พิภพ และช่วยเหลือชิงซิ่วอี้ได้ อย่างอื่นก็ไม่สำคัญแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]