บทที่ 944 วิถีวิญญาณ มหาตุลาการ
บทที่ 944 วิถีวิญญาณ มหาตุลาการ
ในเวลานี้ชุยชิงหนิงได้ก้าวออกมาจากรถม้า บนใบหน้าของนางมีความตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อเห็นชายหนุ่มชุดทอง และพูดว่า “ญาติผู้พี่หก!”
ชายหนุ่มชุดทองหัวเราะเสียงดัง “ตอนที่ข้าได้ยินว่าเจ้ากำลังจะเดินทางผ่านดินแดนอ่างโลหิต ข้ากังวลมากจนนอนไม่หลับมาหลายวัน แต่ตอนนี้เจ้ามาถึงแล้ว ในที่สุดข้าก็สามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอกได้เสียที ตอนนี้เจ้ามาถึงที่นี่อย่างปลอดภัยแล้ว”
ดวงตาของชุยชิงหนิงแดงระเรื่อ ขณะที่นางพูดด้วยเสียงเบา ๆ “ขอบคุณสำหรับความห่วงใย ญาติผู้พี่หก”
ชายหนุ่มโบกมือและพูดว่า “ชิงหนิง อย่าปฏิบัติกับข้าเหมือนเป็นคนนอก นี่คือสิ่งที่ข้าควรทำ เอาล่ะ พวกเรากลับเข้าเมืองกันเถอะ ข้าได้เตรียมที่พักสำหรับทุกคนไว้ให้แล้ว และประเดี๋ยวข้าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเจ้า หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว!”
ขณะที่พูด เขาได้ดึงมือของชุยชิงหนิงและเดินไปทางประตูเมือง
“เตรียมพร้อม! กลับเมือง!” ข้ารับใช้คนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังชายหนุ่มชุดทองตะโกนเสียงดัง
หลังจากนั้น ผู้คุ้มกันที่มีอุปกรณ์ครบครันและดูกล้าหาญทั้งหมดก็ส่งเสียงดังก้อง ขณะที่พวกเขารวมตัวกันรอบ ๆ ชายหนุ่มและชุยชิงหนิง ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังเมืองผาทมิฬ จนเกิดเป็นภาพที่งดงามขึ้น
กู่เทียนนำกลุ่มผู้คุ้มกันติดตามอย่างใกล้ชิด
“นั่นคือผู้อาวุโสที่สามของตระกูลชุย บุตรชายคนโตของชุยฟางหู่ และเขาเป็นลูกหลานคนที่หกในหมู่รุ่นเยาว์ของตระกูล มีนามว่าชุยหมิงและเป็นญาติผู้พี่ของคุณหนู ตอนนี้เขาเป็นผู้ดูแลเมืองผาทมิฬ ดำรงตำแหน่งเจ้าเมือง” กู่เทียนอธิบายให้เฉินซีฟังด้วยการส่งเสียงผ่านกระแสปราณอย่างรวดเร็ว
“คุณชายชุยหมิงมีพรสวรรค์ตั้งแต่อายุยังน้อย และเขาเกิดมาพร้อมกับภูตกิเลน เขาเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นของตระกูลชุย อยู่ในขอบเขตเซียนปฐพีระดับห้า และหากไม่ใช่เพราะความขัดแย้งภายในตระกูล พรสวรรค์และความแข็งแกร่งแต่กำเนิดของเขาย่อมเพียงพอที่จะทำให้ตัวเขาได้ดำรงตำแหน่งในกรมราชทัณฑ์แล้ว”
เฉินซีพยักหน้า “เขาเป็นตัวตนที่โดดเด่นจริง ๆ”
ท่าทางของกู่เทียนอดไม่ได้ที่จะชะงักไป เมื่อเขาได้ยินคำพูดนั้น ก่อนจะพูดกับตัวเองว่า ‘เจ้าเด็กน้อยขอบเขตแกนทองคำหยินหยางผู้นี้ดูเหมือนจะเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ไม่เคยคาดคิดว่าเขาจะมีคำพูดคำจาที่ค่อนข้างเย่อหยิ่งเช่นนี้ …หากเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำคนอื่น พวกเขาจะกล้าตัดสินคุณชายชุยหมิงเช่นนี้หรือไม่?’
เฉินซีสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในท่าทีของกู่เทียน และอดไม่ได้ที่จะขบขัน ยอดราชันแห่งขอบเขตเซียนปฐพีระดับแปดเช่นเขาไม่สามารถออกความเห็นเกี่ยวกับขอบเขตเซียนปฐพีระดับห้าได้หรือ?
แต่ชายหนุ่มไม่ได้เปิดเผยความคิดของตน เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดโดยไม่จำเป็น
“พี่กู่เทียน กรมราชทัณฑ์เป็นสถานที่เช่นไร? เหตุใดถึงไม่รวมกลุ่มกับหกวิถีสังสารวัฏเล่าขอรับ?” เฉินซีอดไม่ได้ที่จะถาม
กู่เทียนตกตะลึง จากนั้นเขาก็จำได้ว่าเฉินซีไม่ใช่คนจากยมโลก และเป็นที่เข้าใจได้ว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงไม่รู้เรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงอธิบายทันที “กรมราชทัณฑ์คือหอพิพากษาของยมโลกเดิม รับผิดชอบการตัดสินและการพิจารณาคดี มันมีอำนาจยิ่งใหญ่เป็นพิเศษที่สูงกว่าหกวิถีสังสารวัฏ แต่ก็ยังต่ำกว่าโถงราชานรกทั้งสิบที่เป็นหน่วยงานกลางในยมโลก”
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะตกใจเล็กน้อย เมื่อพูดเช่นนี้ การที่ตระกูลชุยที่ชุยชิงหนิงจากมานั้นสามารถควบคุมกรมราชทัณฑ์ได้ แสดงว่าพวกเขาย่อมเป็นยักษ์ใหญ่ที่ไม่ธรรมดาของยมโลกแน่นอน!
…
เมืองผาทมิฬมีความเจริญรุ่งเรืองมาก สิ่งก่อสร้างทุกที่มีรูปแบบเรียบง่าย แต่กลับไม่สูญเสียความโอ่อ่าและงดงามที่สามารถพบเห็นได้ทั่วเมือง มันแตกต่างกับรูปแบบที่งดงามและประณีตของภพมนุษย์อย่างสิ้นเชิง
นี่เป็นเมืองแรกของยมโลกที่เฉินซีเข้าไป และความรู้สึกแรกที่เข้ามาในใจก็คือ…แปลกประหลาด!
เปลวเพลิงวิญญาณหลากสีทั้งคราม ฟ้า แดงเลือดหมู และส้มที่ลอยไปทั่วถนนทุกหนทุกแห่งดูงดงามมาก
ท่ามกลางถนนเปลวเพลิงวิญญาณทุกเส้นมีดวงวิญญาณล่องลอยอยู่ เช่นเดียวกับผู้คนที่เดินตามท้องถนน วิญญาณเหล่านี้ขายสิ่งของต่าง ๆ อยู่บนถนนและตรอกซอกซอย มีทั้งคนชรา เด็กสาว และเด็กตัวเล็ก ๆ อยู่ท่ามกลางพวกเขา ทำให้เป็นฉากที่ค่อนข้างรื่นเริงไม่น้อย
วิญญาณเหล่านี้ไม่เหมือนกับวิญญาณร้ายและวิญญาณอาฆาต พวกเขาทั้งหมดล้วนมีสีหน้าสงบและกลิ่นอายที่อ่อนโยน
“วิญญาณยมโลกเหล่านี้เกิดจากดวงวิญญาณที่ไม่เต็มใจจะเกิดใหม่ พวกเขาจึงอยู่ในยมโลกนี้และช่วยเหลือเผ่าปรภพเกี่ยวกับงานจิปาฐะต่าง ๆ พวกเขาทั้งภักดีและซื่อตรง วิญญาณยมโลกบางตนที่ทำงานได้ดี ก็จะได้รับเคล็ดวิชาบ่มเพาะเพื่อฝึกฝนได้” กู่เทียนอดไม่ได้ที่จะอธิบายด้วยรอยยิ้มเมื่อเขาเห็นท่าทางสนใจของเฉินซี
“เรื่องนี้ทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตากว้างขึ้นจริง ๆ” เฉินซีแอบถอนหายใจ ในทั้งสามภพ ฉากนี้ถือได้ว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวยิ่ง
“หากเจ้าสนใจ จะรับวิญญาณยมโลกบางตนไปเป็นข้ารับใช้ก็ไม่เสียหาย พวกเขาซื่อสัตย์ ภักดี และจะเชื่อฟังทุกคำพูดของเจ้าอย่างแน่นอน” กู่เทียนกล่าว
เฉินซีส่ายหัวและพูดว่า “ลืมมันไปเถอะ”
กู่เทียนยิ้มและไม่พูดอะไรอีก
ในขณะเดียวกัน จู่ ๆ ความโกลาหลก็ได้เกิดขึ้นบนถนนด้านหน้า
“หืม? มีคนกล้าขวางเส้นทางคุณชายชุยหมิงอย่างนั้นหรือ?” กู่เทียนตกตะลึงและพึมพำ “สิ่งนี้ไม่ควรเกิดขึ้น เขาเป็นเจ้าเมืองผาทมิฬ ใครกันจะกล้าทำเช่นนี้?”
ญาณเทวะอมตะของเฉินซีขยายออกไป และฉากข้างหน้ารวมถึงรายละเอียดเพียงเล็กน้อยก็ปรากฏขึ้นให้เขาเห็นทันที
…
ชุยหมิงที่สวมชุดสีทองดูเศร้าหมองเล็กน้อย
ตรงข้ามกับเขา มีชายหญิงคู่หนึ่งยืนอยู่ ชายผู้นั้นมีรูปร่างสูงใหญ่และองอาจ มีรอยสักรูปวิญญาณร้ายบนหน้าผาก ท่าทีราวกับตั้งใจที่จะกลืนกินศัตรูเข้าไป แผ่กลิ่นอายอันดุร้ายอำมหิตออกมาอย่างต่อเนื่อง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...