บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 947

บทที่ 947 ลงมือ

บทที่ 947 ลงมือ

ครืน!

ภายใต้ม่านราตรีอันมืดมิด คลื่นเสียงได้ดังก้องออกมาจากจวนเจ้าเมือง จากนั้นแสงเจิดจ้าก็สาดส่องไปบนท้องฟ้า ทำให้ทั่วทั้งเมืองตกอยู่ในความตื่นตระหนก

เงาร่างจำนวนมากทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า และเปิดฉากต่อสู้อย่างดุเดือด ฟ้าร้องโหมกระหน่ำอย่างเกรี้ยวกราด ในขณะที่แสงศักดิ์สิทธิ์ระเบิด เปลี่ยนพื้นที่ในรัศมีสองพันห้าร้อยลี้ที่อยู่ใกล้เคียงให้กลายเป็นสมรภูมิที่น่าสยดสยอง!

นี่เป็นศึกระหว่างผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพี ทั้งภูเขาและลำธารต่างพังทลายลง ในขณะที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ต่างอับแสง ทำให้ชาวเมืองตื่นตกใจ จนถึงขั้นวิ่งหนีเอาชีวิตรอด เพราะพวกเขาหวาดกลัวว่าจะติดร่างแหไปด้วย

ชั่วขณะหนึ่ง เสียงอุทานด้วยความตกใจและเสียงร้องขอความช่วยเหลือได้ดังระงมไปทั่วบริเวณโดยรอบ และมันกลายเป็นความโกลาหลครั้งใหญ่

ท่ามกลางความโกลาหลนี้ เฉินซีพาชุยชิงหนิงไปยืนอยู่ที่นอกสมรภูมิเงียบ ๆ และท่าทางของเขาก็สงบนิ่งเหมือนก้อนหิน ในขณะที่สายตาชายหนุ่มจ้องมองไปยังสมรภูมิอย่างแน่วแน่

สถานการณ์เลวร้ายมาก!

ไม่ว่าจะเป็นกู่เทียนหรือชุยหมิง ทั้งสองคนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย พวกเขาตกอยู่ในสภาพที่ถูกกดดันทันทีที่เข้าสู่การต่อสู้อันดุเดือด และถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาต่อสู้ชนิดเอาชีวิตเข้าแลกโดยไม่คำนึงถึงความตาย พวกเขาคงพ่ายแพ้ไปนานแล้ว

มีเพียงคนเดียวที่เฉินซีไม่กังวลก็คือเป้ยหลิง หญิงสาวคนนี้ถือกำเนิดจากโพธิจิตที่จักรพรรดิภูตผีเซิ่งหลินบรรลุเต๋า ซึ่งมีพลังที่กล้าแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย นางลงมืออย่างเย็นชาและอำมหิต อีกทั้งยังเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบอยู่เล็กน้อย

โดยเฉพาะสิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้แก่เฉินซีก็คือ ทุก ๆ กระบวนท่าที่เป้ยหลิงใช้ออกมา แท้จริงแล้วกลับแฝงไปด้วยกลิ่นอายของเต๋ารู้แจ้งแห่งปารมิตา แม้ว่ามันจะยังไม่บรรลุถึงระดับที่ถ่องแท้ แต่อานุภาพของมันก็ไม่อาจประเมินต่ำเกินไป

ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้มหาตุลาการจากวิถีวิญญาณรุ่ยฉิงถูกกดดัน จนต้องหลบเลี่ยงคราแล้วคราเล่า

เต๋ารู้แจ้งแห่งปารมิตา เป็นหนึ่งในสามมหาเต๋าสูงสุดของยมโลก และมันเทียบเท่ากับมหาเต๋าแห่งการลืมเลือนกับมหาเต๋าแห่งจุดจบ ซึ่งเดิมทีเฉินซีนั้นคิดว่าไม่มีใครในโลกนอกจากเขา ที่สามารถเข้าใจความล้ำลึกของมันได้ในตอนนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าความเข้าใจเช่นนี้ดูเหมือนจะผิดอยู่บ้าง…

ในขณะนั้นเอง เสียงตะโกนที่อึกทึกครึมโครมได้ดังก้องไปทั่วฟ้าดินในทันที “น้องเฉิน! เจ้าจะยืนอยู่ตรงนั้นเพื่ออันใดกัน? รีบพาชิงหนิงจากไปเร็วเข้า!”

ชุยหมิงกำลังมองมาที่เฉินซีด้วยท่าทางที่เดือดดาลสุดขีด

เพราะเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเฉินซีไม่เพียงไม่จากไป แต่ชายหนุ่มยังยืนดูการต่อสู้จากระยะไกลราวกับคนโง่งม ฉากนี้ทำให้ชุยหมิงเดือดดาลจนอกแทบระเบิด

เขากำลังต่อสู้อย่างสิ้นหวัง เพื่อเสาะหาโอกาสในการเอาชีวิตรอด เนื่องจากต้องการให้เฉินซีและชุยชิงหนิงหลบหนีไปได้อย่างปลอดภัย ฉะนั้นชุยหมิงจะจินตนาการได้อย่างไรว่า ตนเองจะได้เห็นฉากเช่นนี้เกิดขึ้น?

“หรือว่าคนผู้นี้หวาดกลัวจนตัวแข็งไปแล้ว?”

สีหน้าของชุยหมิงทั้งเขียวคล้ำและหมองหม่น เขาทั้งตกใจและโกรธเกรี้ยว ในขณะที่หัวใจดิ่งลงสู่ก้นบึ้ง ซึ่งเขารู้สึกว่าครั้งนี้ตนคาดหวังในตัวเฉินซีมากเกินไป… “จริงสิ เขาเป็นสหายตัวน้อยขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง แล้วเขาจะมีประโยชน์มากได้อย่างไรกัน?”

“พี่หก ข้าไม่ยอมไป!” ทันใดนั้น ชุยชิงหนิงก็ตะโกนเสียงดังด้วยความว้าวุ่น “หากท่านตาย ข้าก็ไม่อยากอยู่อีกต่อไปเช่นกัน!”

“เฉินซี! ถ้าเจ้ายังไม่รีบไสหัวไป ข้าจะฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้เลย ไปซะ! ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!” ชุยหมิงคำรามด้วยท่าทางดุร้าย

“อนิจจา คุณชายชุย คนที่เจ้ามอบความไว้ใจกลับไร้ประโยชน์เสียเหลือเกิน ไฉนเจ้าถึงมอบหมายหน้าที่สำคัญเช่นนี้ให้กับเศษขยะคนนี้ได้อย่างไร? ยอมรับชะตากรรมของเจ้าโดยดุษณีซะ เพราะวันนี้จะไม่มีใครรอดจากเงื้อมมือของข้าได้” หวังฉงหัวเราะดังสนั่น ในขณะที่หมัดของเขาดูเหมือนกับมังกรพุ่งทะยานฉีกทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า พร้อมกับกลายเป็นเงาหมัดมากมายซึ่งบีบบังคับให้ชุยหมิงต้องล่าถอยซ้ำแล้วซ้ำเล่า และหวังฉงไม่ให้โอกาสเขาได้พักหายใจเลยแม้แต่น้อย

ตู้ม!

ในเวลาเดียวกัน ความดุร้ายฉายชัดบนใบหน้าของหลิ่วจวิ้น และหมัดของเขาก็สั่นสะท้านราวกับต้องการจะผลักขุนเขา จากนั้นพวกมันก็กระแทกเข้ากับหน้าอกของกู่เทียนอย่างรุนแรง

พรวด!

จู่ ๆ กู่เทียนก็พ่นโลหิตออกมาเต็มปาก ในขณะที่ตัวคนถูกซัดจนกระเด็นไปไกลกว่าสองลี้ประหนึ่งว่าวสายป่านขาด และหน้าอกของเขายุบตัวลง สีหน้าซีดเซียว เนื่องจากบาดเจ็บสาหัส

“ท่านอากู่เทียน!” ชุยชิงหนิงอุทานด้วยความตกใจ สีหน้าของนางซีดเผือดจนแทบโปร่งแสง

“บัดซบ! รีบไปซะ! หรือเจ้าต้องการเห็นพวกเราทุกคนตาย” ผมเผ้าของชุยหมิงยุ่งเหยิง ในขณะที่เขากัดฟันและกู่ร้องเหมือนคนคลุ้มคลั่ง

ณ จุดนี้ ในที่สุดเฉินซีก็ตัดสินใจที่จะเลิกปิดบังพลังของตน!

แม้ว่าเขาจะถูกอีกฝ่ายเข้าใจผิดหลังจากจบการต่อสู้ แต่เขาก็ทำได้เพียงจากไป เพราะ… เขาประทับใจต่อการกระทำของชุยหมิงและกู่เทียนที่เต็มใจจะสละชีวิตเพื่อปกป้อง!

เขาไม่อาจปล่อยให้ตัวเองนิ่งต่อไปได้!

“ฮ่า ๆ! มันสายไปแล้ว เมื่อข้าจัดการกับไอ้โคถึกนี้แล้ว ข้าจะไม่สามารถฆ่ามดน้อยขอบเขตแกนทองคำหยินหยางได้อย่างไร? แล้วมันจะหนีไปไหนได้กัน?” หลิ่วจวิ้นหัวเราะดังสนั่น ในขณะที่ร่างของเขาพุ่งตัวเข้าหากู่เทียน ฝ่ามือดั่งจะงอยปากนกกระเรียนที่แหลมคมดุจเข็ม ขณะที่มันพุ่งแทงไปยังลำคอของกู่เทียนอย่างดุดัน

ในขณะนี้ หลิ่วจวิ้นสามารถสังเกตเห็นประกายความสิ้นหวังและความอับจนปัญญาที่แล่นผ่านในแววตาของกู่เทียนได้อย่างชัดเจน ซึ่งสีหน้าที่กำลังจะตายของอีกฝ่ายทำให้เลือดลมในร่างของเขาเดือดพล่านยิ่ง!

ในฐานะมหาตุลาการแห่งวิถีวิญญาณ มือของเขาแปดเปื้อนไปด้วยโลหิตของวิญญาณนับไม่ถ้วน ซึ่งทุกครั้งที่เข่นฆ่า มันทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นจนราวกับกำลังเดินอยู่กลางอากาศ มันช่างเป็นความรู้สึกที่วิเศษและเย้ายวนเป็นอย่างมาก…

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาวิกฤตนี้ จู่ ๆ หมัดมหึมาก็ปรากฏขึ้นในระยะสายตาของหลิ่วจวิ้น

“หืม? นี่มัน…” ก่อนที่หลิ่วจวิ้นจะทันได้ตอบสนอง กลับรู้สึกว่าใบหน้าของเขาถูกภูเขากระแทกใส่ ทำให้ทั้งใบหน้ายุบลงและได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ไม่ว่าจะโหนกแก้ม หน้าผาก หรือจมูก ล้วนแตกเป็นเสี่ยง ๆ รู้สึกวิงเวียนจนแทบหมดสติ

หากไม่ใช่เพราะหลบทัน หมัดนี้แทบจะทำให้ศีรษะของหลิ่วจวิ้นระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]