ร้านค้าของตระกูลจาง ตั้งอยู่บนถนนที่พลุกพล่านที่สุดของเมืองหมอกสน แต่ตอนนี้มันได้กลายเป็นซากปรักหักพังในชั่วข้ามคืน
สามเดือนผ่านไปนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
บนถนนที่พลุกพล่าน มีร้านค้าเรียงรายเป็นทิวแถว เต็มไปด้วยฝูงคนพลุกพล่าน ทุกที่เต็มไปด้วยเสียงจอแจทว่ามีเพียงที่นี่เท่านั้นที่เงียบสงัดราวกับสุสาน หากมีผู้คนเดินผ่านที่แห่งนี้ พวกเขาจะเดินชิดไปที่อีกริมฝั่งของถนนราวกับพวกเขากลัวจะถูกแปดเปื้อนจากความโชคร้าย
สถานที่นี้อยู่ในสภาพพังทลาย และยังคงมีคราบเลือดสีแดงเข้มระหว่างกระเบื้องหลังคาที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ คราบเลือดเหล่านี้เป็นของเจ้าของร้านค้าตระกูลจางและบรรดานักสร้างยันต์ฝึกหัดทั้งสามสิบเจ็ดคน แม้ว่าศพของพวกเขาจะเน่าเปื่อยและหายไปนานแล้ว แต่คราบเลือดก็ไม่อาจลบล้างได้ ราวกับสื่อถึงความหวาดกลัว ความโกรธ และความแค้นในใจของพวกเขา…
พ่อค้าคนหนึ่งนำกลุ่มคนรับใช้ที่มีรูปร่างกำยำมายังที่แห่งนี้ เขาปรารถนาถึงที่ดินผืนนี้และต้องการสร้างร้านค้าของเขาบนซากปรักหักพัง
“รื้อพวกมันออกซะ! ข้าได้สอบถามตระกูลหลี่และได้ใช้เงินจำนวนมหาศาลในการซื้อที่ดินผืนนี้ ในอนาคตที่แห่งนี้คืออาณาเขตของนายท่านฉุ่ย จงรีบเก็บกวาดซากปรักหักพังและชำระล้างคราบโลหิตที่สกปรกและส่งกลิ่นเหม็นให้สะอาดหมดจดซะ!” พ่อค้าผู้มีท้องโตออกคำสั่งเสียงดัง
แต่เขาสังเกตเห็นว่ากลุ่มคนรับใช้ที่มีร่างกายกำยำที่อยู่ด้านหลัง มีท่าทีไม่เต็มใจและไม่ยอมก้าวไปข้างหน้า ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะระเบิดความโกรธออกมา “มีเหตุใดต้องกังวล? พวกเจ้าทุกคนกลัวแปดเปื้อนจากความโชคร้ายของตัวซวย หรือกลัวถูกตระกูลหลี่จัดการกันฮะ? ข้าไม่ได้บอกพวกเจ้าหรือว่าข้าถามไถ่จากตระกูลหลี่แล้ว!”
“นายท่าน ที่แห่งนี้มีผู้คนล้มตายมากมาย แม้ว่าเราจะเปิดร้านในที่แห่งนี้ ความโชคร้ายจะไม่มาเยือนหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าตัวซวยนั่นก็อยู่ที่นี่เป็นเวลาถึงสี่ปี ใครจะรู้ว่าเราจะแปดเปื้อนความโชคร้ายของเขาหรือไม่…” ข้ารับใช้คนหนึ่งอธิบายด้วยสีหน้าอันขมขื่น
“ใช่แล้วขอรับ ในตอนนี้ ทุกคนในเมืองที่เกี่ยวข้องกับตัวซวยต่างถูกฆ่าตายจนหมดสิ้น และแม้กระทั่งสิ่งของที่เขาเคยใช้มาก่อน ก็ถูกเผาทำลายจนไม่เหลือสิ่งใด”
“นายท่าน จะเป็นการดี ถ้าเราไม่ข้องเกี่ยวกับที่ดินผืนนี้!”
ข้ารับใช้ทั้งหมดกล่าวพร้อมกันและเผยความกังวลในใจออกมาอย่างชัดเจน
“พวกเจ้าทุกคนยังอยากมีชีวิตอยู่หรือไม่” พ่อค้าฉุ่ยตะคอกเสียงดัง “ไปทำงานซะ! ถ้าเจ้าไม่เก็บกวาดซากปรักหักพังภายในคืนนี้ ข้าจะตัดศีรษะของพวกเจ้า!”
เหล่าข้ารับใช้ได้แต่นิ่งเงียบราวกับจักจั่นจำศีลในฤดูหนาว พวกเขาทำได้เพียงกัดฟันและก้าวเดินไปข้างหน้า ก่อนจะเริ่มเก็บกวาดร้านค้าของตระกูลจางที่กลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว
สีหน้าของพ่อค้าฉุ่ยผ่อนคลายลงเมื่อเห็นสิ่งนี้ขณะบ่นพึมพำด้วยความดูแคลน “ไอ้พวกไม่ได้เรื่อง กลัวแม้กระทั่งสวะเฉกเช่นตัวซวยเฉินซี ถ้าข้าเป็นคนของตระกูลหลี่ ข้าคงฆ่าพวกเจ้าทั้งหมดไปแล้ว…”
“หืม นั่นคือผู้ใดกัน? เหตุใด…จิตสังหารที่แผ่ออกจากตัวเขาเข้มข้นราวกับเดินออกมาจากทะเลแห่งเลือดและซากศพแบบนั้น!?”
“มันคือเฉินซี! เฉินซี! มัน… มันกลับมาแล้ว!”
“เฉินซี? เจ้าตัวซวย?”
“บัดซบ ข้าต้องหลีกเลี่ยงมันเป็นการด่วน ตระกูลหลี่อาจจะทำลายครอบครัวของข้า หากมีความสัมพันธ์กับมันเพียงเล็กน้อย”
บนถนนที่ไกลออกไป ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องแหลมสูงมากมายก็ดังขึ้นจากฝูงชนที่พลุกพล่าน ราวกับว่าพวกเขาได้เห็นสัตว์ร้ายที่คาดไม่ถึง ใบหน้าของพวกเขาซีดเผือดขณะที่พวกเขาต่างวิ่งหนีอย่างดูไม่ได้
ทันใดนั้น ถนนทั้งสายก็เต็มไปด้วยผู้คนที่ร้องโวยวายขณะที่หลีกหนีราวกับว่าพวกเขาได้พบกับบางสิ่งที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
“นายท่าน! เจ้าตัวซวยกลับมาแล้ว!”
“พวกเรารีบหนีเร็วเข้า!”
“ใช่แล้ว! ใช่แล้ว!”
ข้ารับใช้ทุกคนต่างมีสีหน้าเศร้าหมอง หากไม่ใช่เพราะกลัวอำนาจและอิทธิพลของพ่อค้าฉุ่ย พวกเขาคงจะวิ่งหนีไปนานแล้ว
“หุบปากซะ!” สีหน้าของพ่อค้าฉุ่ยเปลี่ยนไปเช่นกัน แต่เขากลับตะโกนออกมาสุดเสียง “มันเป็นแค่สวะที่มีดีแค่การสร้างยันต์ พวกเจ้าจะต้องกลัวอะไร? คนเหล่านั้นหลีกหนีเพราะกลัวตระกูลหลี่ แต่ข้ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลหลี่ แล้วยังจำเป็นต้องหนีอีกหรือ?”
ในขณะที่พ่อค้าฉุ่ยกำลังกล่าว ถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนก็ไม่มีแม้แต่เงาเดียว บรรดาร้านค้าทั้งสองฟากถนนต่างก็ปิดประตูดังโครมคราม ราวกับหลีกเลี่ยงเทพเจ้าแห่งโรคระบาด
บรรยากาศกลายเป็นเงียบสงัด แปลกประหลาดและกดดัน ราวกับเป็นความสงบก่อนที่จะเกิดพายุ
“ไม่ต้องตื่นตระหนกไป จงทำในสิ่งที่ควรทำ เจ้าจะได้รับค่าจ้างเพิ่มอีกสิบเท่าสำหรับวันนี้!” พ่อค้าฉุ่ยสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะกล่าวช้า ๆ
เงินทองสามารถกระตุ้นจิตใจของผู้คนได้เยี่ยมนักดังคำกล่าวที่ว่า หากมีเงินมากพอแม้แต่ใช้ผีโม่แป้งก็ยังทำได้
เมื่อข้ารับใช้ทั้งหลายได้ยินว่าจะได้รับค่าจ้างเพิ่มอีกสิบเท่า แม้สีหน้าจะไม่น่าดูนัก แต่ก็ไม่มีผู้ใดเลือกที่จะจากไป นี่แหละคือมนต์เสน่ห์ของเงินทอง!
ตึก! ตึก! ตึก!
เสียงฝีเท้าดังกึกก้องไปทั่วท้องถนนอันหนาวเหน็บและมืดทึบ เสียงแผ่วเบาราวกับลมพัดผ่าน แต่หนักแน่นราวกับเสียงรัวกลอง ทุกย่างก้าวเหยียบย่ำไปยังหัวใจของพวกเขา ทำให้พลังชีวิตและเลือดที่สำคัญต่างก็พลุ่งพล่าน ลมหายใจก็หนักขึ้นเช่นกัน
ร่างนั้นเดินมาท่ามกลางเสียงฝีเท้าประหลาดที่ทำให้ผู้คนต้องตัวสั่นไปด้วยความกลัว สีหน้าของมันเย็นชาราวกับซากศพ แต่ดวงตาเป็นสีแดงก่ำราวกับเลือด และมีแววตาคล้ายกับวิญญาณชั่วร้าย
จิตสังหารของมันเป็นดั่งเลือดข้นที่ไม่อาจละลาย ราวกับมีดคมกริบที่เย็นยะเยือกเสียดแทงเข้าไปในไขกระดูก
ในขณะที่ตัวมันเองเป็นเหมือนกระบี่แหลมคมที่ยังไม่ถูกปลดออกจากฝักซึ่งถูกแช่อยู่ในทะเลเลือด และโหยหาที่จะดื่มเลือดและดวงวิญญาณสด ๆ
ตุ้บ!
ขาของพ่อค้าฉุ่ยอ่อนแรงจนล้มลงนั่งไปกับพื้น เรี่ยวแรงในร่างกายดูเหมือนจะถูกดูดออกไปจนหมดสิ้น ราวกับมีมือไร้รูปร่างมาบีบคอของเขาอยู่ ดวงตาของเขาเบิกโพลง เมื่อเขามองไปยังร่างที่เต็มไปด้วยจิตสังหารกำลังใกล้เข้ามา ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะร้องโหยหวน “เฉินซี เจ้า… เจ้าตัวซวย! เจ้าคิดจะทำสิ่งใด? ตระกูลหลี่หนุนหลังข้าอยู่ เจ้าไม่อาจแตะต้องข้า!!”
ที่ด้านข้าง ข้ารับใช้ทุกคนต่างหวาดกลัวจนตัวสั่น สองขาทรุดลงกับพื้น สีหน้าของพวกเขาซีดเผือดราวกระดาษ เมื่อคนเหล่านี้ได้เห็นร่างนั้น พวกเขาจึงตระหนักได้ ไม่ว่าจะมีเงินมากสักเพียงใด ก็ไม่อาจเทียบกับชีวิตของพวกเขา
เฉินซีไม่ได้สนใจพวกเขา เขาเพียงมองดูซากปรักหักพัง และภาพในอดีตก็แวบผ่านเข้ามาในความคิดของเขา
‘เจ้าเด็กน้อยผู้น่าสงสาร ในเมื่อไม่มีใครซื้อแผ่นยันต์ของเจ้า ก็จงขายพวกมันให้ข้าเถอะ การเลี้ยงดูครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อยนั้นยากลำบากเกินไป’
‘ฮ่า ๆ! เฉินซี ทักษะการสร้างยันต์ของเจ้าพัฒนาขึ้นอีกแล้ว เพื่อเห็นแก่ปู่ น้องชายเจ้า และที่สำคัญที่สุดคือตัวเจ้าเอง เจ้าต้องหมั่นเพียรต่อไป และอย่าได้หยิ่งยโส รู้ไหม!’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...
ไม่ลงต่อแล้วหรือครับ ผมยังรออยู่นะครับ...