บทที่ 957 แสร้งเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสือ
บทที่ 957 แสร้งเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสือ
ชุยหรูอิ๋นและคนอื่น ๆ ล้วนแต่เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพี พวกเขายืนอยู่กลางอากาศอย่างภาคภูมิ ในขณะที่ร่างกายของพวกเขาพลุ่งพล่านไปด้วยปราณเซียนมหาศาล และมันยังมีกลิ่นอายที่น่าเกรงขาม ราวกับพระอาทิตย์ที่แผดเผาอย่างน่าอัศจรรย์
สถานที่แห่งนี้อยู่ทางด้านนอกประตูเมืองสาละ มีผู้บ่มเพาะเผ่าปรภพและวิญญาณยมโลกเดินเข้าออกอยู่ในเมืองบ่อยครั้ง แต่เมื่อได้เห็นฉากนี้ ทุกคนต่างหวาดกลัวจนแตกกระเจิงไปทั่วทุกทิศทุกทาง ไม่กล้ารั้งอยู่ที่นี่อีกต่อไป
นี่คือกลุ่มผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีที่มาอย่างน่ากลัว และเมื่อการต่อสู้เกิดขึ้น พลังของพวกเขาก็เพียงพอที่จะปกคลุมสภาพแวดล้อมทั้งหมด ดังนั้นผู้ใดจะกล้ารั้งอยู่เพื่อเฝ้าดูกัน?
ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ พื้นที่บริเวณนี้ได้กลายเป็นที่ว่างเปล่าและเงียบสงัด
เป้ยหลิงขมวดคิ้วในขณะที่จิตใจของนางรู้สึกหนักอึ้งเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเจ็ดวันก่อน ผู้เยี่ยมยุทธ์หลายคนได้เข้าร่วมกลุ่มของชุยหรูอิ๋น และมีจำนวนทั้งหมดประมาณสิบสามคน
กองกำลังดังกล่าวเพียงพอที่จะกวาดล้างกองกำลังมากมายในยมโลกได้แล้ว!
“ปกป้องชุยชิงหนิงให้ดี ส่วนที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า” เสียงของเฉินซีดังก้องอยู่ในหูของนาง ทำให้เป้ยหลิงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ก่อนจะตระหนักได้ว่า เฉินซีบรรลุถึงขอบเขตเซียนปฐพีระดับแปดแล้วไม่ใช่หรือ?
แต่เฉินซีในยามนี้กลับแผ่กลิ่นอายของขอบเขตเซียนปฐพีระดับหนึ่งออกมา ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เป้ยหลิงรู้สึกงุนงง…
“หรือว่าเขาทำเช่นนี้ ก็เพื่อตั้งใจที่จะทำให้ศัตรูสับสน?”
รอยยิ้มเย็นชาผุดขึ้นที่มุมปากของนางอย่างแผ่วเบาเมื่อตระหนึกถึงเรื่องนี้
“ไอ้สารเลวพวกนี้มีท่าทีหวาดกลัวต่อมหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกที่พบกันเมื่อครั้งก่อน แต่พวกมันก็ยังตามมาไล่ล่าเราอีก พวกมันเป็นเหมือนภูตผีที่ไม่ยอมปล่อยวางความคิดชั่วร้ายจริง ๆ”
ด้วยการโบกมือของนาง เป้ยหลิงได้เก็บชุยชิงหนิงไว้ในที่สมบัติคลังมิติของนาง
“เมื่อครั้งล่าสุดที่เจ้าสามารถหลุดรอดจากหายนะได้ ก็เป็นเพราะมหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกช่วยเหลือเอาไว้ แต่ครั้งนี้จะไม่มีใครสามารถช่วยเจ้าได้อีก” เด็กชายผมขาวชุยหรูอิ๋นกล่าวด้วยสีหน้าอำมหิต “นอกจากนี้ เพื่อเป็นการป้องกันเหตุไม่คาดฝัน ข้าได้ติดต่อคนของโถงยายเฒ่าเมิ่งแล้ว แม้ฟ้าดินจะถล่มที่นี่ ก็จะไม่มีผู้ใดหยุดยั้งเราได้!”
ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีคนอื่น ๆ เปล่งเสียงหัวเราะเย็นยะเยือกเมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งนี้ สายตาที่พวกเขาจ้องมองไปทางเฉินซีกับเป้ยหลิง ดูราวกับกำลังมองดูคู่รักอาภัพ นอกจากนี้ สายตาของพวกเขายังเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและการเยาะเย้ย
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ต้องการจะลงมือในทันที แต่พวกเขาเต็มใจที่จะรั้งรอ
เพราะเปลวเพลิงแห่งโทสะที่มืดมนกำลังลุกโชนอยู่ในใจของพวกเขาทุกคน! ตอนนั้นพวกเขาถูกมหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกบังคับให้ถอนตัวออกจากภูมิภาคน้ำพุยมโลกราวกับสุนัขที่หุบหาง จากนั้นยังต้องมาจ่ายในราคาที่สูงมากเพื่อให้โถงยายเฒ่าเมิ่งไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะเฝ้าอยู่ที่นี่เป็นเวลาถึงเจ็ดวันพอรอดักจับ ดังนั้นพวกเขาจะรีบฆ่าเฉินซีและเป้ยหลิงในทันทีได้อย่างไร?
การทำเช่นนั้นจะทำให้พวกเฉินซีไปสบายเกินไป
ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งใจจะสวมบทบาทแมวหยอกหนู ก่อนจะค่อย ๆ ระบายความโกรธในใจออกไปทีละนิด ด้วยการทรมาน!
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงอดทนอดกลั้น มองพวกเฉินซีเป็นดั่งเนื้อปลาบนเขียง และลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด
เป้ยหลิงดูจะไม่ได้สังเกตเห็น สีหน้าของนางเย็นชา ในขณะที่หญิงสาวดูเหมือนจะไม่ได้สนใจต่อเรื่องเหล่านี้
ส่วนเฉินซีนั้น เขาสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นและความรู้สึกเยาะเย้ยในใจของพวกมัน แต่เขาก็ไม่ได้นำพาเช่นกัน
ท่าทางที่เย็นชาและไม่แยแสของคนทั้งสอง ทำให้ชุยหรูอิ๋นและคนอื่น ๆ ตกตะลึง พวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิด “ไอ้สารเลวกับนังนี่ยังจะใจเย็นได้ขนาดนี้ได้อย่างไรกัน!?”
“หรือว่าพวกมันจะไม่กลัวความตาย?”
“พวกมันไม่คิดจะคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตาหรือ?”
“นี่พวกมันจะยอมเสียสละตนเองอย่างกล้าหาญ เพียงเพื่ออุดมการณ์อันโง่เขลาของพวกมันหรือ?”
“เหตุใดพวกมันถึงไม่มีท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย?”
“ไฉนถึงแตกต่างจากข้าที่คาดหวังไว้มาก?”
“ไอสารเลว! คุกเข่าลงแล้วร้องขอความเมตตาซะ!” ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีคนหนึ่งอดไม่ได้อีกต่อไป จึงคำรามออกมาด้วยเสียงที่น่ากลัว
“ชายโฉดหญิงชั่วคู่นี้มันโง่เง่าสิ้นดี! บัดซบ! พวกมันไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อย เราควรจับกุมตัวพวกมันซะ แล้วค่อย ๆ ทรมานมันช้า ๆ ทำให้พวกมันอับอายไปทีละนิด ข้าจำได้ว่าพี่สี่โปรดปราณในชายหนุ่มมาก ดังนั้นเราจะมอบเจ้าเด็กนี่ให้กับเขา” ผู้เยี่ยมยุทธ์อีกคนหัวเราะแผ่วเบาซึ่งแฝงด้วยความชั่วร้าย
“น่าชิงชังยิ่งนัก! ข้าชอบผู้ชายหล่อและแข็งแกร่งเท่านั้น รูปร่างหน้าตาของเจ้าเด็กนี้ค่อนข้างหล่อเหลา แต่ข้าสงสัยว่าร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งพอหรือไม่ ข้าเกรงว่าเขาจะทนรับไม่ได้ ทำให้ข้าค้างคาเสียเปล่า ๆ” หนึ่งในผู้เยี่ยมยุทธ์ที่มีท่าทางสำอาง และแต้มชาดสีแดงบนริมฝีปาก ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเย้ายวน และในขณะที่กล่าว แววตาหยาดเยิ้มคู่นั้นของเจ้าตัวได้กวาดมองไปยังเฉินซี
เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้คือ ‘พี่สี่’ ที่ชื่นชอบในตัวบุรุษรูปงาม
“พี่สี่ ในเมื่อท่านไม่ชอบมัน งั้นข้าจะฆ่าเจ้าเด็กนั่นซะ!” หนึ่งในนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย้าหยอก
“กล้าดียังไง!” พี่สี่จ้องมองในขณะที่กล่าวด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน ซึ่งทำให้เกิดเสียงหัวเราะระเบิดขึ้นอีกครั้ง
“เอาล่ะ เอาล่ะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราจะมอบเจ้าเด็กนี้ให้พี่สี่ได้เพลิดเพลิน ส่วนนังนั่ง…”
“เราจะมอบนางให้ท่านชุยหรูอิ๋นอย่างแน่นอน!”
“ตกลง เราจะทำตามนี้!”
หลังจากตัดสินใจได้แล้ว พวกเขาทั้งหมดก็มองไปทางเฉินซีและเป้ยหลิงด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้นยินดี สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมกระหายเลือด ในขณะที่พวกเขาดูจะกระเหี้ยนกระหือที่จะลงมือ
เหตุผลที่พวกเขายังไม่ลงมือ ก็เพราะเด็กชายผมขาวชุยหรูอิ๋นยังไม่ได้กล่าวอะไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...
ลงวันละหลายตอนใต้ใหม่ครับ...