บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 956

บทที่ 956 แม่น้ำลืมเลือน

บทที่ 956 แม่น้ำลืมเลือน

เจ็ดวันต่อมา

ณ เมืองราหู

ภายในลานของเรือนหลังหนึ่ง

เป้ยหลิงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นจากการบ่มเพาะ ดวงตากระจ่างใสของนางทอประกายแวววาวด้วยแสงหลากสีประหนึ่งแก้วเล่นไฟ

นางกำลังจะบรรลุ!

การที่กินผลปารมิตาเข้าไปสี่ผล ทำให้หญิงสาวบรรลุเต๋ารู้แจ้งแห่งปารมิตาขอบเขตขั้นสูงระดับเก้า เรียกได้ว่านางอยู่ห่างจากขอบเขตสมบูรณ์เพียงสามขั้นเท่านั้น

เรื่องที่น่ายินดียิ่งกว่านั้นก็คือ ตลอดระยะเวลาเจ็ดวันที่นางได้บ่มเพาะนี้ มันยังส่งผลให้ความแข็งแกร่งของหญิงสาวบรรลุขอบเขตเซียนปฐพีระดับห้าอีกด้วย!

เนื่องจากนางเป็นโพธิจิตแห่งจักรพรรดิภูตผีที่บรรลุเต๋า นางจึงไม่ต้องเผชิญทัณฑ์สวรรค์ในระหว่างการบ่มเพาะเฉกเช่นผู้บ่มเพาะของเผ่าปรภพคนอื่น ๆ

แต่ถึงกระนั้นเส้นทางการบ่มเพาะนี้ก็มีอุปสรรคบางประการ หญิงสาวต้องใช้ความพยายามและระยะเวลาจำนวนมากไปกับการบรรลุในแต่ระดับ มันจึงย่อมยากมากเป็นพิเศษ

เป้ยหลิงรู้ดีถึงเหตุผลที่เป็นเช่นนี้ หากพูดกันตามตรง นางก็เป็นเสมือนร่างอวตารของจักรพรรดิภูตผีเซิ่งหลิน ซึ่งตัวจักรพรรดิภูติผีเซิ่งหลินเองนั้นก็เคยประสบกับทัณฑ์ต่าง ๆ นานัปการตลอดเส้นทางการบ่มเพาะในยุคบรรพกาล ก่อนที่จะบรรลุมหาเต๋าจนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วทั้งสามภพ

ดังนั้นในฐานะโพธิจิตของจักรพรรดิภูตผีเซิ่งหลิน นางจึงไม่จำเป็นต้องเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์ในแต่ละระดับอีกต่อไป

พูดง่าย ๆ คือเป้ยหลิงเป็นเหมือนเศษเสี้ยวพลังที่ยังคงหลงเหลืออยู่ของจักรพรรดิภูตผีเซิ่งหลิน แม้ความแข็งแกร่งของนางจะไม่น่าเกรงขามเท่าจักรพรรดิภูตผีเซิ่งหลินในอดีต อีกทั้งความทรงจำก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งในพันส่วนของที่เคยประสบพบพาน ทว่าตราบใดที่หญิงสาวยังคงมุ่งมั่นบ่มเพาะต่อไปเช่นนี้ นางก็หวังว่าในสักวันหนึ่งจะสามารถฟื้นคืนความรุ่งโรจน์ที่จักรพรรดิภูตผีเซิ่งหลินเคยมีในอดีตได้!

เป้ยหลิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะกล่าวกับตัวเองเบา ๆ ‘ในที่สุดข้าก็มาถึงขอบเขตเซียนปฐพีระดับห้า! จากความแข็งแกร่งของข้าในยามนี้ ข้าน่าจะรับมือกับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีระดับเจ็ดได้ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ข้ายังสามารถฝึกเคล็ดวิชาจ้าวปรภพอมตะได้แล้ว หากข้าสามารถฝึกมันได้สำเร็จ ก็จะไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ขัดเกลาหรือกลืนกินข้าไปได้…

เคล็ดวิชาจ้าวปรภพอมตะ!

สิ่งตกทอดที่จักรพรรดิภูตผีเซิ่งหลินใช้สร้างชื่อเสียงของตนให้เลื่องลือไปทั่วโลกา ผู้ใดที่สามารถบ่มเพาะเคล็ดวิชาดังกล่าวได้สำเร็จ ร่างกายของคนผู้นั้นจะกลายเป็นดวงจิตยมโลก ไร้ตายไร้สูญ กอปรไปด้วยเส้นใยแห่งดวงจิตจำนวนกว่าสามร้อยหกสิบล้านเส้น!

แม้ว่าคนผู้นั้นจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ตราบใดที่ยังหลงเหลือสายใยแห่งดวงจิตอยู่แม้นเพียงเสี้ยวเดียว ก็สามารถก่อร่างสร้างชีวิตขึ้นมาใหม่ได้ ประหนึ่งว่าเป็นสิ่งที่ดำรงอยู่ในโลกตราบชั่วนิรันดร์ น่าเกรงขามมากทีเดียว

เช่นเดียวกับเป้ยหลิงซึ่งถูกสร้างขึ้นจากดวงจิตของจักรพรรดิภูตผีเซิ่งหลินเมื่อหลายปีก่อน เพียงแต่จักรพรรดิภูตผีเซิ่งหลินนั้นได้บ่มเพาะจิตวิญญาณของตนจนถึงขอบเขตโพธิญาณที่สมบูรณ์และบริสุทธิ์มาก่อนแล้ว

โดยสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับวิถีพุทธ ขอบเขตโพธิญาณนั้นถือเป็นขั้นสมบูรณ์แบบของมหาเต๋า และยังเป็นขอบเขตระดับสูงซึ่งบริสุทธิ์ปราศจากกรรมมัวหมอง ในแดนพุทธภูมิ ผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถบรรลุขอบเขตนี้ได้มักจะได้รับการขนานนามด้วยความเคารพว่าพระสัพพัญญูและตถาคต!

เวลาผ่านมาเจ็ดวันแล้ว มันเป็นวันที่สิบที่กู่เทียนได้จากไป… เป้ยหลิงหยัดกายลุกพลางครุ่นคิดเล็กน้อย นางเพียงแต่ลังเลใจว่าตัวเองควรจะไปที่ฐานลับของตระกูลชุยเพื่อตรวจสอบดีหรือไม่ แต่ยังไม่ทันได้คำตอบ หญิงสาวก็เห็นเฉินซีผลักประตูและเดินเข้ามาด้านใน

หืม? เมื่อเป้ยหลิงสบตากับเฉินซีโดยไม่ทันตั้งตัว นางก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ความตกใจฉายชัดผ่านดวงตาใสกระจ่าง

ใบหน้าของเขาหล่อเหลา รูปร่างเองก็สูงใหญ่สง่างาม แม้แต่กิริยาท่าทางก็สมบูรณ์แบบ… จริงอยู่ที่เฉินซียังคงเป็นเฉินซีคนเดิม ทว่าระดับการบ่มเพาะของเขามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!

“ขอบเขตเซียนปฐพีระดับแปด!” เป้ยหลิงหลุดปากตะโกนออกมาอย่างเผลอตัว

นางมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าทุกท่วงท่าการเคลื่อนไหวของเฉินซีนั้นน่าเกรงขามประหนึ่งฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่ กลิ่นอายที่เปล่งประกายออกมาจากตัวเขาย่อมเป็นสิ่งที่จะได้รับก็ต่อเมื่อสามารถพิชิตทัณฑ์สวรรค์เซียงเถาได้สำเร็จเท่านั้น และมันยังให้สัมผัสที่เหมือนกับหุบเหวอันหนาแน่นไปด้วยลำแสงศักดิ์สิทธิ์!

เพียงแค่มองจากระยะไกลก็ทำให้นางรู้สึกยำเกรงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ราวกับว่ากำลังได้เข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิผู้มากบารมี

“ก่อนหน้านี้ข้าบาดเจ็บหนัก นี่ก็เพิ่งจะฟื้นพลังขึ้นมาเท่านั้น” เฉินซีตอบอย่างตรงไปตรงมาด้วยรอยยิ้ม

เป้ยหลิงสูดหายใจเข้าจนสุดปอดเพื่อระงับความตกใจ “ไม่แปลกใจเลยที่พลังในการต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งมาก ที่แท้ก็เป็นเพราะเจ้าคือยอดราชันแห่งขอบเขตเซียนปฐพี”

พูดจบ หญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะมองประเมินเฉินซีตั้งแต่หัวจรดเท้า คล้ายนางไม่ใคร่อยากจะเชื่อว่าเฉินซีที่ยังดูอ่อนเยาว์จะมีระดับการบ่มเพาะที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้

“พี่เฉินซี” ตอนนั้นเอง ชุยชิงหนิงได้เดินเข้ามาเช่นกัน

ใบหน้าเยาว์วัยของชุยชิงหนิงซีดเผือด คิ้วของนางขมวดปมด้วยความกังวลที่ไม่อาจละวางไปได้ เด็กน้อยเดินเข้ามาหาเฉินซีก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงเบา ๆ “ท่านอากู่เทียนยังไม่กลับมาอีกหรือเจ้าคะ?”

“ไปกันเถอะ เราจะไปตรวจสอบกัน นี่ก็ผ่านมาสิบวันแล้ว ข้าเองก็สงสัยว่าพี่กู่จะกลับมาหรือยัง…” เฉินซีตบไหล่เด็กสาวเพื่อปลอบโยน

ณ ฐานลับในเมืองราหูของตระกูลชุย

เมื่อเฉินซีและคนอื่น ๆ มาถึงที่นี่ จวนที่เคยเงียบสงบ บัดนี้ได้กลายเป็นซากปรักหักพังอันรกร้างกว้างใหญ่ไปแล้ว

ชุยชิงหนิงเม้มริมฝีปากแน่น ขณะที่น้ำตาไหลจากดวงตาวาวประกายไม่ขาดสาย

ไม่ว่านางจะใสซื่อบริสุทธิ์เพียงไร สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ย่อมไม่ยากที่จะเข้าใจว่า …กู่เทียนไม่อาจกลับมาได้แล้ว!

เป้ยหลิงโอบกอดอีกฝ่ายเอาไว้พลางลูบหัวของนางเบา ๆ ไม่มีคำพูดปลอบใจใด ๆ เพราะบางที การปล่อยให้ชุยชิงหนิงได้ระบายความเจ็บปวดในใจออกมาอย่างเต็มที่ก็เป็นวิธีปลอบโยนที่ดีที่สุดเช่นกัน

ทันใดนั้น วิญญาณยมโลกที่ล่องลอยไปมาก็หยุดลงตรงหน้าเฉินซีกะทันหัน “ข้าขอเรียนถามว่าท่านคือคุณชายเฉินซีใช่หรือไม่?” วิญญาณยมโลกที่ดูคล้ายกับข้ารับใช้ผู้นี้ทำความเคารพต่อเขา

เฉินซีชะงักก่อนจะพยักหน้ารับ “ไม่ผิด”

“ยอดเลย ข้าผู้น้อยรอท่านอยู่ที่นี่นานแล้ว นี่คือแผ่นหยกที่ผู้อาวุโสวางไว้ในศาลาสัพพัญญูของข้า ผู้อาวุโสท่านนั้นกำชับข้าว่าหากเขาไม่สามารถกลับมาได้ทันเวลา ก็ให้ส่งต่อสิ่งนี้ให้แก่ท่านขอรับ”

วิญญาณยมโลกหยิบเอาม้วนกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาคลี่ดู บนนั้นเป็นภาพเหมือนของเฉินซี อีกฝ่ายเปรียบเทียบชายหนุ่มกับรูปวาดในมืออยู่ครู่หนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าใช่เฉินซีเดียวกับที่ตนกำลังตามหา จากนั้นเจ้าตัวจึงนำแผ่นหยกสีดำออกมาจากห่อผ้าและส่งต่อให้แก่เฉินซีในทันที ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ไอรีนโนเวล ขอบคุนจ้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]