บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 961

บทที่ 961 เพลงหมัดเทพอัคคี

บทที่ 961 เพลงหมัดเทพอัคคี

สิบวันต่อมา

เฉินซีตื่นจากการทำสมาธิ และในขณะที่เขากะพริบตา เปลวไฟลุกโชนสองสายได้พุ่งออกมา หากลองสังเกตอย่างระมัดระวัง จะเห็นเส้นทางสองสายที่สว่างไสวด้วยไฟ ซึ่งทอดยาวอยู่ภายในดวงตาของเขา โดยพวกมันเชื่อมต่อกับฟ้าดินเข้าด้วยกัน และเผยความตั้งใจที่จะเผาผลาญสวรรค์ให้เป็นจุณออกมา!

ฟิ้ว!

เขาลุกยืนขึ้นยืดเส้นยืดสาย ก่อนที่กระดูกสันหลังของชายหนุ่มจะกลายเป็นดั่งมังกรเหวี่ยงหาง ศอกตั้งงอคล้ายเต่าชราที่ขดตัวอยู่ในกระดอง ก่อนที่เฉินซีจะชกด้วยท่าทางที่เรียบง่ายเป็นอย่างมาก แม้ว่ามันจะไม่มีเศษเสี้ยวของปราณเซียน แต่มันกลับสามารถสั่นคลอนท้องฟ้าจนเกิดระลอกคลื่นเป็นวงกลม แล้วแผ่กระจายออกมาราวกับกระแสน้ำ

มันคืออานุภาพของพลังหมัดของเขา ซึ่งมีกลิ่นอายของเต๋ารู้แจ้งแห่งปารมิตา ทำให้มันทั้งลึกล้ำ กว้างใหญ่ และน่าเกรงขาม!

โครม!

แผ่นหลังของชายหนุ่มเหยียดตรงดุจทวนหอก ในขณะที่เฉินซีกำนิ้วเข้าด้วยกัน จากนั้นเขาก็ชกหมัดออกไปเหมือนหอก ทำให้เกิดภาพที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่งของท้องฟ้าที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ ดุจเศษแก้ว

เฉินซีไม่ได้ใช้ปราณเซียน เมื่อเขาชกหมัดนี้เช่นกัน และเพียงแค่ใช้เจตนจำนงหมัดที่ปล่อยออกมา ก็สามารถทำให้ความว่างเปล่าแตกเป็นเสี่ยง ๆ ได้อย่างง่ายดายแล้ว!

ชายหนุ่มดูเหมือนกับจะไม่ได้สังเกตเห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ ร่างของเขาเคลื่อนไหวไปมาในห้องเล็ก ๆ ในขณะที่สำแดงเคล็ดวิชาหมัดที่ล้ำลึกและยากหยั่งถึงนี้ออกมา

ความว่างเปล่าพังทลาย แต่ทั้งห้องกลับไม่ได้รับความเสียหาย

เจตจำนงหมัดพลุ่งพล่าน แต่กลับไม่เปิดเผยออกมาแม้แต่น้อย

เมื่อมองจากระยะไกล เพลงหมัดที่ใช้ออกมานั้น เหมือนกับเส้นทางมากมายที่นำไปสู่นรก และพวกมันก็มีความล้ำลึกที่สั่นคลอนไปถึงจิตวิญญาณ

นี่คือเพลงหมัดเทพอัคคี!

ศาสตร์เต๋าสูงสุดที่ถูกบันทึกไว้ในหน้าที่สองของระเบียนแดนมรณะ!

เคล็ดวิชาหมัดนี้เป็นดั่งชะตาฟ้าดิน มันได้หลอมรวมมหาเต๋าแห่งปารมิตาเข้ากับเจตจำนงหมัด ทำให้อานุภาพของมันอาจน่าสะพรึงกลัวเมื่อถูกใช้พร้อมกับเคล็ดมหาจุติ

เมื่อบ่มเพาะจนถึงระดับสูงสุด เพียงหมัดเดียวก็สามารถสร้างเส้นทางที่สว่างไสวด้วยเปลวไฟที่เชื่อมต่อกับฟ้าดิน และทุกที่ที่พลังหมัดไปถึง วิญญาณของสรรพชีวิตทั้งหมดจะถูกพรากไป!

ในทำนองเดียวกัน เพลงหมัดนี้เป็นเคล็ดวิชาชั้นยอดที่สร้างชื่อเสียงให้แก่จักรพรรดิยมโลกองค์ที่สาม และครั้งหนึ่งมันเคยทิ้งร่องรอยฝังลึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของยมโลก

“หากข้ามีเวลาอีกสักนิด เพื่อหลอมรวมเต๋ารู้แจ้งแห่งปารมิตาเข้ากับเต๋าแห่งยันต์อักขระ อานุภาพของเพลงหมัดเทพอัคคีคงจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น…”

เฉินซีหยุดร่ายรำเพลงหมัด และยืนอยู่บนจุดนั้น ในขณะที่เขาสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกายอย่างระมัดระวัง

หลังจากนั้นไม่นาน สีหน้าของชายหนุ่มก็กลับมาสงบอีกครั้ง จากนั้นเขาก็ผลักประตูออกไป

พิธีบวงสรวงบรรพบุรุษของตระกูลชุยจะจัดขึ้นในวันนี้ และตามที่ชุยชิงหนิงได้กล่าวไว้ พิธีจะจัดขึ้นในช่วงสายของวัน ซึ่งตอนนี้เหลือเวลาไม่ถึงสองชั่วยาม ก่อนที่จะถึงเวลาเริ่มพิธี

ในลานบ้าน เป้ยหลิงกับชุยชิงหนิงได้เตรียมพร้อมมานานแล้ว

เป้ยหลิงสวมเสื้อผ้ารัดรูปสีดำที่ขับเน้นเรือนร่างอันสง่างามของนางออกมาอย่างชัดเจน ทำให้หญิงสาวดูห้าวหาญและดูแกร่งกล้าเยี่ยงวีรบุรุษ เมื่อรวมกับโฉมหน้าที่งดงามไร้ที่เปรียบของเจ้าตัวที่เย็นชาดุจน้ำแข็ง หญิงสาวผู้นี้ได้เผยให้เห็นถึงความงามอันน่าตื่นตะลึงซึ่งเป็นเอกลักษ์ของนาง!

ในขณะที่ชุยชิงหนิงกลับแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าใบหน้าเล็กของเด็กสาวคนนี้ที่อายุประมาณสิบสองปี จะยังคงซีดเซียวเหมือนเช่นเคย สีหน้าของนางกลับสงบนิ่ง ในขณะที่นางเผยให้เห็นถึงความมุ่งมั่น และทำให้คนอื่นไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่นางกำลังคิดอยู่ในใจได้

การเปลี่ยนแปลงเยี่ยงนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ที่นางทราบข่าวการจากไปของกู่เทียน

จนกระทั่งถึงตอนนี้ บางครั้งเฉินซีก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเขาไม่ได้กำลังเผชิญหน้ากับเด็กสาวอายุประมาณสิบสองปี แต่เป็นผู้ใหญ่ที่ฉลาดเป็นกรด

ยิ่งกว่านั้น ชุยชิงหนิงเผยเพียงรอยยิ้มเล็กน้อยเมื่อเผชิญหน้ากับเขาและเป้ยหลิง ทว่านางกลับเหมือนรูปปั้นหินที่ไร้อารมณ์และความรู้สึกในเวลาอื่น

“ไปกันเถอะ” เฉินซีชำเลืองมองไปทางเป้ยหลิงและชุยชิงหนิง แต่เขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก เพราะถ้อยคำง่าย ๆ เหล่านั้นได้สื่อถึงทุกอย่างแล้ว

ฟิ้ว!

ในช่วงเวลาต่อมา เฉินซีก็ทะลุเข้าห้วงมิติและหายไปทันทีพร้อมกับทั้งสองคน

ณ เมืองภูษาไหมม่วง

ถนนที่แต่เดิมพลุกพล่านไปด้วยผู้คนมากมาย ตอนนี้กลับรกร้างว่างเปล่าเป็นอย่างมาก ร้านรวง โรงเตี๊ยม และภัตตาคารต่างก็ปิดประตู ขณะที่วิญญาณยมโลกที่มักจะเตร็ดเตร่ไปทั่วก็ดูจะมลายหายไปกับอากาศ

ประตูทางเข้าเมืองทั้งสี่ทิศได้รับการคุ้มกันโดยองครักษ์ชั้นยอดแถวแล้วแถวเล่า และทุก ๆ ประตูทางเข้าจะมีผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีอย่างน้อยห้าคนประจำการอยู่ที่นั่น

ซึ่งทุกประตูนั้นห้ามเข้าและห้ามออกเช่นกัน

สรุปแล้วก็คือเมืองกำลังถูกปิดตาย!

มีเงาร่างมากมายสามารถมองเห็นได้ที่ด้านนอกเมืองเท่านั้น แต่ดูเหมือนพวกเขาจะคุ้นเคยกับสิ่งนี้มานานแล้ว คนเหล่านี้จึงไม่ได้แสดงความประหลาดใจหรือหงุดหงิดออกมา

เหตุผลนั้นง่ายดายมาก วันนี้เป็นวันงานพิธีบวงสรวงบรรพบุรุษประจำปีของตระกูลชุย!

ตระกูลชุยมีอำนาจสูงสุดในยมโลกแห่งนี้ และควบคุมกรมราชทัณฑ์ ทำให้ฐานะของพวกเขาสูงกว่าหกวิถีสังสารวัฏเสียอีก

อีกทั้งเมืองภูษาไหมม่วงยังเป็นสถานที่ซึ่งตระกูลชุยก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่สมัยโบราณจวบจนถึงปัจจุบัน โดยถูกควบคุมอยู่ในมือของตระกูลชุยมาตลอด ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่ตระกูลชุยจะปิดเมืองเพื่อให้พิธีบวงสรวงบรรพบุรุษเป็นไปอย่างราบรื่น

พิธีบวงสรวงบรรพบุรุษในปีนี้ไม่เหมือนกับปีก่อน ๆ และเกี่ยวข้องกับการสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลชุย จึงอาจทำให้เกิดความขัดแย้งนองเลือดปะทุขึ้นได้ ดังนั้นองครักษ์ที่ตระกูลชุยได้วางกำลังไว้ในเมืองภูษาไหมม่วงในครั้งนี้ มีจำนวนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเกือบเที่ยงวัน ดวงอาทิตย์สีม่วงลอยสูงตรงขอบฟ้าและเปล่งแสงสลัวมัว

ณ หน้าทางเข้าประตูเมืองภูษาไหมม่วงทางทิศตะวันออก ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ไอรีนโนเวล ขอบคุนจ้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]