บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 962

บทที่ 962 ตะลุยเข่นฆ่าเข้าเมือง

บทที่ 962 ตะลุยเข่นฆ่าเข้าเมือง

ตงอวิ๋นไห่ตั้งใจจะซื้อเวลาและสืบหาภูมิหลังของคนเหล่านี้ แต่น่าเสียดายที่ความปรารถนาของเขากลับไม่เป็นผล

เพราะเฉินซีไม่เหลือบแลตงอวิ๋นไห่เลยสักนิด เขาเพียงจับมือชุยชิงหนิงขณะที่ก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยท่าทางสงบนิ่ง ราวกับไม่ได้สนใจฟ้าดินหรือสิ่งอื่นใด ดังนั้นเขาจะสนใจตงอวิ๋นไห่และคนอื่น ๆ ได้อย่างไร?

ฆ่า!

เป้ยหลิงระเบิดพลังอย่างรุนแรง ร่างที่งดงามและไม่ธรรมดาของนางล่องลอยราวกับลูกไฟสีน้ำเงินเข้มที่บานสะพรั่ง เปล่งประกายดาบแหลมคมนับไม่ถ้วนออกมาราวกับจันทร์เสี้ยวสีน้ำเงิน จากนั้นพวกมันก็พุ่งออกไปทุกทิศทุกทาง

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

ไม่ว่าจะกำแพงเมืองหรือพื้นดิน ต่างเต็มไปด้วยรอยแยกที่ถูกเปิดออกทั่วทุกหนแห่ง ในขณะที่หินโดยรอบแตกเป็นเสี่ยง ๆ ทำให้ตงอวิ๋นไห่และคนอื่น ๆ ถูกบังคับให้ล่าถอยคราแล้วคราเล่า

แม้ว่านางจะลงมือเพียงลำพัง แต่ก็มากพอแล้วที่จะทำให้พวกเขารู้ว่าคนกลุ่มนี้ทรงพลังเพียงใด!

ฟิ้ว!

ประกายดาบสีน้ำเงินเข้มสว่างวาบเหมือนลำแสงที่สาดส่องอย่างฉับพลัน ทำให้หัวโชกเลือดหัวหนึ่งลอยขึ้นสู่อากาศ ในขณะที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีอีกคนเสียชีวิตอย่างน่าสังเวช

ตงอวิ๋นไห่กับคนอื่น ๆ ทั้งตกตะลึงและโกรธจัด อีกทั้งยังแทบไม่อยากจะเชื่อว่าหญิงสาวเพียงคนเดียว กลับสามารถไล่ต้อนพวกเขาจนไม่มีจังหวะให้สู้กลับได้!

ประกายดาบสีน้ำเงินเข้มนั่นน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง พวกมันมีรูปร่างดั่งพระจันทร์เสี้ยว และดุร้ายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าพวกมันจะสามารถฟันทุกสิ่งในโลกให้ขาดออกจากกันได้

“อ๊าก!!” เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีคนหนึ่งไม่สามารถหลบได้ทัน ทำให้ร่างของเขาถูกฟันออกเป็นสองท่อนจากช่วงเอว ลำไส้และอวัยวะภายในหลากสีผสมปนเปกับเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่วพื้น ส่งกลิ่นคาวเลือดโชยมาแตะจมูกจนน่าสะอิดสะเอียน

ในขณะนี้ ตงอวิ๋นไห่และสองคนที่เหลือต่างรู้สึกหวาดกลัวในที่สุด พวกเขาต่างรู้สึกถึงภัยคุกคามคร่าชีวิต การบ่มเพาะของหญิงสาวคนนี้ดูเหมือนจะอยู่ที่ขอบเขตเซียนปฐพีระดับห้าเท่านั้น ทว่าพลังต่อสู้ของนางกลับไม่ได้ด้อยไปกว่าขอบเขตเซียนปฐพีระดับเจ็ดเลย!

“ข้าจำได้แล้ว! เด็กสาวคนนั้นเป็นบุตรสาวของผู้นำตระกูลคนก่อน… ชุยชิงหนิง! นางมาที่นี่เพื่อทำลายพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ!” สีหน้าของหนึ่งในผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีเปลี่ยนไปอย่างน่ากลัว เมื่อเขาจำตัวตนของชุยชิงหนิงได้

แต่ยามเสียงนี้เพิ่งดังก้องออกไป ร่างของเจ้าตัวก็ถูกฟันเป็นสองส่วนด้วยประกายดาบสีน้ำเงินเข้มอันคมกริบ เสียชีวิต ณ ตรงนั้น

“หนี! รีบแจ้งผู้อาวุโสรองเร็วเข้า! สถานการณ์เลวร้ายแล้ว!!” ตงอวิ๋นไห่คำรามลั่นอย่างน่ากลัว ในขณะที่ร่างของเขาสว่างวาบและพุ่งตัวเข้าเมือง

เช่นเดียวกัน ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีคนอื่น ๆ เองก็ไม่คิดต่อต้านอีกต่อไป พวกเขาต่างหันหลังกลับ และพากันหลบหนีเอาชีวิตด้วยความหวาดกลัว

แต่ในเวลานี้เอง เฉินซีผู้ก้าวเดินไปข้างหน้าเงียบ ๆ มาตลอดได้เงยหน้าขึ้น จากนั้นสายฟ้าเย็นเยียบพลันวาบขึ้นในดวงตาของเขา

ในชั่วพริบตาต่อมา สนามพลังไร้รูปร่างได้ปกคลุมและผนึกบริเวณโดยรอบเอาไว้ ขณะที่ตงอวิ๋นไห่และผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีคนอื่นฝืนใช้เคล็ดวิชาเคลื่อนย้ายห้วงมิติเอาชีวิตรอด แต่พวกเขากลับถูกกักขังอยู่กลางอากาศแทน

ศาสตร์เต๋าระดับสูงสุดของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง… เคล็ดวิชามหากักขัง!

ตู้ม! ตู้ม!

เสียง ‘ตู้ม’ ที่ชัดเจนสองครั้งดังก้องออกมา ในขณะที่ห้วงมิติแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ ร่างของตงอวิ๋นไห่และผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีคนอื่น ๆ ถูกเปลี่ยนเป็นฝนเลือดและเศษเนื้อชิ้นเล็ก ๆ ร่วงหล่นสู่พื้น

การฆ่านั้นง่ายดายนัก

ในขณะนี้ เพียงแค่ความคิดของเฉินซี ก็สามารถใช้เคล็ดวิชาต่าง ๆ มากมายและนำมาสู่การทำลายล้างทุกสิ่ง ดังนั้นการจัดการกับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีระดับห้าสองคน จึงไม่ต่างอะไรจากการบดขยี้มดสองตัวให้ตาย!

ในเวลาไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ประตูทางเข้าเมืองภูษาไหมม่วงทางทิศตะวันออกก็ล่มสลาย กำแพงเมืองพังทลาย พื้นดินแตกเป็นเสี่ยง ๆ ดูราวกับหลุมขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยน้ำมือของทวยเทพ

กองกำลังที่เฝ้าอยู่หน้าประตูทางเข้าถูกทำลายล้างจนหมดสิ้น!

ในขณะนี้ เฉินซีกำลังจับมือเด็กสาวและก้าวไปบนถนนสายที่ปูด้วยหินภายในเมือง รูปร่างของเขาดูไม่ธรรมดา ขณะที่เงาทอดยาวออกไปทางด้านหลังตามแสงแดดบนท้องนภา

แสงแดดส่องกระทบใบหน้าของชุยชิงหนิง แต่ใบหน้าของนางกลับไม่มีความกลัวหรือความตื่นเต้น มีเพียงความสงบนิ่งราวกับผิวน้ำเท่านั้น

ดวงตาของเด็กสาวทอประกายวาววับเมื่อนางแหงนหน้าขึ้นมองเฉินซี

เป้ยหลิงเดินอยู่เคียงข้างของเด็กสาว นางสวมชุดรัดรูปสีดำ มีใบหน้าเย็นชา และรูปร่างสง่างามซึ่งให้ความรู้สึกที่ไม่ธรรมดา

นี่จึงเป็นภาพที่น่าตกใจอย่างยิ่ง

ท่ามกลางประตูทางเข้าที่พังทลาย ถนนที่รกร้างว่างเปล่า และโลกที่เงียบสงัดจนแม้แต่เข็มหล่นก็ยังได้ยินเสียง มีคนสามคนกำลังเดินเคียงข้างกัน และดูจะตั้งใจต่อสู้กับโลกทั้งใบ

จวนตระกูลชุยตั้งอยู่ที่ใจกลางเมืองภูษาไหมม่วง มันครอบครองพื้นที่เหนือคณานับ มีทั้งศาลา ภูเขาจำลอง และทะเลสาบสีเขียว อีกทั้งยังมีภูเขาตั้งตระหง่านอยู่หลายลูก ซึ่งสะท้อนความลึกล้ำของจักรวาล ทำให้มันเปลี่ยนจวนตระกูลชุยทั้งหมดให้กลายเป็นสรวงสวรรค์

มีแท่นบวงสรวงโบราณที่สร้างจากหินปูนตั้งตระหง่านอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจวน พื้นผิวของแท่นบวงสรวงเต็มไปด้วยรอยกะดำกะด่าง และแผ่กลิ่นอายเก่าแก่ออกมาราวกับว่ามันมีมาตั้งแต่สมัยบรรพกาล

ที่ด้านหน้าของบวงสรวงมีจัตุรัสอันเรียบเนียนและสะอาดหมดจด ซึ่งเพียงพอที่จะรองรับผู้คนได้มากถึงหนึ่งหมื่นคน

พิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษประจำปีจะถูกจัดขึ้นที่นี่เสมอ

ไม่ว่าจะเป็นผู้สืบทอดสายตรงของตระกูลชุยหรือไม่ก็ตาม ตราบใดที่มีสายเลือดของตระกูลชุยไหลเวียนอยู่ในร่างกาย พวกเขาทั้งหมดจะยืนเงียบ ๆ และสำรวม โดยยึดตามลำดับอาวุโสอยู่ที่หน้าแท่นบวงสรวง ซึ่งทุกหนทุกแห่งที่สายตากวาดผ่านไป ก็คือกลุ่มคนที่ยืนอยู่อย่างหนาแน่น พวกเขากำลังเผยกลิ่นอายที่ทั้งเคร่งขรึมและยิ่งใหญ่ออกมา

ส่วนผู้ที่ยืนอยู่ด้านหน้าแท่นบวงสรวงล้วนเป็นคนระดับสูงของตระกูลชุย ซึ่งมีทั้งชายและหญิงในหมู่พวกเขา อีกทั้งพวกเขาก็มีกลิ่นอายที่ลึกล้ำดุจเหวลึก หากเป็นที่โลกภายนอก พวกเขาก็จะกลายเป็นตัวตนน่าเกรงขามซึ่งสามารถยืนหยัดได้โดยลำพัง

อย่างไรก็ตาม พวกเขาในเวลานี้ล้วนยืนอย่างเคร่งขรึมเช่นเดียวกัน และไม่กล้าแสดงความไม่เคารพออกมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]