บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 982

บทที่ 982 การทำลายล้าง

บทที่ 982 การทำลายล้าง

เฉินซียืนอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ ในขณะที่เสื้อผ้าของเขาปลิวไสวไปตามสายลม และรูปร่างของชายหนุ่มยามนี้เหมือนกับหอกที่หมายมั่นจะแทงทะลุท้องฟ้า

พลังทำลายล้างที่เกิดจากการฟันด้วยกระบี่ก่อนหน้านี้ ทำให้ทุกสายตาที่จับจ้องมาทางเฉินซีเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ราวกับว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับสุดยอดปรมาจารย์ของเต๋าแห่งกระบี่!

อย่างไรก็ตาม เฉินซีในขณะนี้กำลังฟื้นฟูปราณเซียนในร่างกายของเขาด้วยพลังทั้งหมดที่มี

เนื่องจากการฟันด้วยกระบี่ก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มได้ใช้ปราณเซียนที่มีอยู่ไปจนหมด และไม่สามารถฟื้นฟูพลังให้กลับคืนมาสู่สภาพสมบูรณ์ แม้จะใช้พลังของต้นอ่อนเงาทมิฬแล้วก็ตาม ซึ่งหากไม่เป็นเช่นนั้น เขาคงฉวยโอกาสอันยอดเยี่ยมที่เกิดจากการฟันด้วยกระบี่ก่อนหน้านี้ เพื่อสังหารศัตรูซ้ำอีกคราไปแล้ว

แต่นับว่าโชคดีที่เฉินซีมีต้นอ่อนเงาทมิฬอยู่ในครอบครอง มิฉะนั้น เขาจะต้องพึ่งพาศิลาอมตะและโอสถทิพย์นับไม่ถ้วนเพื่อฟื้นฟูปราณเซียน และที่สำคัญที่สุดคือมันจะเสียเวลาไปอย่างมาก

แต่ต้นอ่อนเงาทมิฬนั้นแตกต่างออกไป มันฝังรากอยู่ในแดนฮุ่นตุ้นในร่างกายของเฉินซี และปลดปล่อยปราณเซียนที่ทรงพลังออกมามากมาย ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่ขาดแคลนปราณเซียนในขณะต่อสู้

นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมต้นอ่อนเงาทมิฬจึงท้าทายสวรรค์ ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในยุคบรรพกาลดังกล่าว เป็นสุดยอดสมบัติล้ำค่าในสามภพ และสิ่งอื่นไม่มีทางจะเทียบเคียงได้

“ฆ่า! ร่วมมือโจมตีและฆ่ามนุษย์ผู้น่ารังเกียจคนนี้ซะ! มิฉะนั้นจะไม่มีผู้ใดรอดชีวิตไปได้!” ในขณะเดียวกัน โม่ฟูแม่ทัพใหญ่ของยักษาได้ฟื้นจากอาการตกใจ เขาคำรามด้วยเสียงอันน่ากลัว เพราะทราบอย่างชัดเจนว่า แม้คู่ต่อสู้ของพวกเขาจะน่ากลัวยิ่ง แต่การปล่อยให้ขวัญกำลังใจของพวกเขาพังทลายนั้นน่ากลัวยิ่งกว่า

ถ้าพวกเขาสูญเสียขวัญกำลังใจ แล้วพวกเขาจะอยู่รอดได้อย่างไร?

“ฆ่า! ร่วมมือโจมตีและทำลายล้างไอ้สารเลวนี่เสีย!” แม่ทัพรองหัวหลิงตะโกนเสียงดัง ปลุกขวัญกำลังใจให้แก่หน่วยทหารองค์รักษ์ของเขา

“ฆ่า! นักรบแห่งเผ่ายักษาของข้า มีเลือดแห่งการเข่นฆ่าและการต่อสู้ไหลเวียนอยู่ในสายเลือด! แล้วเราจะกลัวการสู้รบไปทำไม!” แม่ทัพอันดับที่สี่เยี่ยหลัวเจินมีสีหน้าเด็ดเดี่ยว ในขณะที่เขาตะโกนเสียงดัง

“ฆ่า!”

“ฆ่า!”

แม่ทัพหน่วยทหารองค์รักษ์ยักษาทั้งสามตนต่างตะโกนพร้อมกัน และปลุกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ในหัวใจของเหล่าทหารองค์รักษ์ให้ตื่นขึ้นทันที ทำให้ความหวาดกลัวที่เกาะกุมจิตใจของพวกเขาได้หายไปอย่างสิ้นเชิง ในขณะที่จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของทุกคนลุกโชนขึ้นอีกครั้ง

“แม่ทัพคนที่สามของเจ้า อากู่หลัวและผู้ใต้บังคับบัญชาของมันตายหมดแล้ว พวกเจ้าปรารถนาจะเดินตามรอยเท้าของมันหรือไม่?” เฉินซีกล่าวอย่างเฉยเมยเมื่อเห็นสิ่งนี้

เสียงของเขาสงบนิ่ง แต่กลับลอดเข้าหูของทหารองครักษ์ยักษาทุกตนอย่างชัดเจน

ทันใดนั้น จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ลุกโชนของพวกเขาก็จมดิ่งลงอีกครั้ง ในขณะที่สีหน้าของทุกคนกลายเป็นกังวลและสงสัย

“โง่บรม! พวกเจ้าทุกคนจะเชื่อคำพูดของมนุษย์ที่น่ารังเกียจนั่นได้อย่างไร?”

“ฆ่า! ฆ่าไอ้คนโกหกบัดซบนั่นซะ!”

โม่ฟูกับหัวหลิงโกรธมาก จากนั้นพวกเขาก็ตะโกนด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวด

รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเฉินซีเมื่อเขาเห็นสิ่งนี้ ‘พวกมันช่างไร้เดียงสายิ่งนัก’

ฟิ้ว!

แม้ว่าชายหนุ่มจะคิดเช่นนี้ในใจ แต่ร่างของเฉินซีก็หายไปทันที ในขณะที่เขาพุ่งตัวเข้าใส่กลุ่มยักษา

ในขณะเดียวกัน ปราณเซียนในร่างกายของชายหนุ่มก็ฟื้นตัวจนอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ดังนั้นเฉินซีจึงเหมือนพยัคฆ์ดุร้ายที่ลงมาจากภูเขาทันทีที่เขาเคลื่อนไหว

ทุกย่างก้าวของเขา ทำให้ปราณเซียนสั่นสะเทือนและพุ่งเข้าหาตัวชายหนุ่มเป็นศูนย์กลาง บนท้องฟ้า มีหลุมดำที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ จำนวนมากปรากฏขึ้น พวกมันดูเหมือนระลอกคลื่นซัดสาด ซึ่งก่อตัวเป็นสนามพลังอันบิดเบี้ยว หมุนวน และแผ่ขยายออกไปยังบริเวณโดยรอบอย่างน่าสะพรึงกลัว

ภายใต้ผลกระทบของสนามพลังที่แปลกประหลาดและน่าสะพรึงกลัวนี้ ร่างกายของทหารองครักษ์ยักษาทั้งหมดรวมถึงแม่ทัพทั้งสามคน ต่างบิดตัวไปมาอย่างรุนแรง และทุกคนรู้สึกราวกับว่าพวกเขาจะถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ในชั่วพริบตา

“คนผู้นี้ช่างแข็งแกร่งจริง ๆ!”

หัวใจของทหารองค์รักษ์ยักษาทั้งหมดสั่นสะท้าน จากนั้นพวกเขาก็ถอยร่นกลับไปโดยไม่รู้ตัวคราแล้วคราเล่า

ตุบ! ตุบ! ตุบ! ตุบ! ตุบ! ตุบ!

ขณะที่เท้าของเฉินซีเหยียบย่ำไปบนอากาศ ร่างของเขาได้ทะยานวูบไหวไปในท้องฟ้า ดูราวกับยมทูตที่กำลังเก็บเกี่ยวชีวิต เสียงฝีเท้าทุกก้าวทำให้หัวใจและดวงวิญญาณตื่นตระหนก มันรวดเร็วถึงระดับที่เหนือจินตนการ ยิ่งกว่านั้น มันยังเปี่ยมล้นด้วยจิตสังหารที่หนาวเย็นเสียดแทงกระดูกอีกด้วย

มันคือศาสตร์เต๋า ‘เคล็ดนพก้าวพิฆาตโกลาหล’ แต่ตอนนี้ มันได้หลอมรวมความลึกล้ำของมหาเต๋ามากมายเอาไว้ และกำลังโคจรพลังภายใต้คำสั่งจากเต๋าแห่งยันต์อักขระ ทำให้จิตสังหารดูราวกับวัตถุที่จับต้องได้ และคล้ายกับกระบี่คมกริบที่ไร้เทียมทานกวาดไปโดยรอบ

เฮือก!

หัวใจและจิตวิญญาณของพวกเขาสั่นสะท้านด้วยเสียงฝีเท้าของเฉินซี และร่างของทหารองครักษ์ยักษาบางคนที่ล่าถอยช้าเกินไป ก็ถูกรุกล้ำด้วยจิตสังหารโดยตรง และจากลักษณะภายนอกของพวกเขา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ แต่เส้นลมปราณในร่างกายของคนพวกนั้นกลับถูกตัดขาด ในขณะที่ดวงวิญญาณของพวกเขาแตกสลาย ทำให้พวกเขาถูกพรากชีวิตไปอย่างเงียบงัน

“บัดซบ!” ใบหน้าของแม่ทัพใหญ่โม่ฟูบิดเบี้ยวและดุร้าย ขณะที่ร่างของเขาระเบิดด้วยแสงสีดำสนิทออกมาอย่างรุนแรง ซึ่งเจ้าตัวดูจะกลายร่างเป็นเทพอสูรผู้ยิ่งใหญ่ มีเมฆดำขดตัวอยู่รอบกาย ขณะที่ปราณชั่วร้ายพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า อันที่จริง มันบังเกิดเป็นปรากฏการณ์ต่าง ๆ เช่น ทะเลโลหิต โครงกระดูก ซากศพ วิญญาณร้าย และปรากฏการณ์อื่น ๆ ดูราวกับประตูนรกได้เปิดออก!

ตู้ม!

ภายในกลุ่มเมฆสีดำและหมอกปราณที่น่าสะพรึงกลัว โม่ฟูทะยานขึ้นท้องฟ้า และข้ามผ่านท้องนภาด้วยก้าวเดียว เขาไม่สนใจเฉินซี และชกไปที่เป้ยหลิงแทน หมัดนี้เหมือนกับหมัดของเทพอสูร มันปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งดูจะกลืนกินวิญญาณได้

เป้ยหลิงรู้สึกได้ว่า หากนางโดนหมัดของโม่ฟูเข้าไป พลังชีวิตและความตั้งใจที่จะมีชีวิตอยู่ของตนคงถูกตัดขาด ในขณะที่เลือด ปราณเซียน หรือเนื้อหนังในร่างของนางจะกลายเป็นวัตถุที่ไร้พลังชีวิต

นี่เป็นเคล็ดวิชาหมัดที่น่าสะพรึงกลัวและไร้ความปรานี มันสามารถเปลี่ยนคนให้เป็นซากศพ และเปลี่ยนซากศพให้เป็นโครงกระดูกได้!

“ฮึ่ม!”

ในเวลานี้ เฉินซีแค่นเสียงเย็นชา ในขณะที่เพลงกระบี่ของเขาเปลี่ยนไป จากนั้นชายหนุ่มก็ฟันออกไปพร้อมกับพลังแห่งการพิพากษาที่ลึกซึ้ง มันทะลวงผ่านท้องฟ้าและมาถึงก่อนที่หมัดของโม่ฟูจะไปถึงเป้ยหลิง

เดิมที โม่ฟูตั้งใจจะใช้เป้ยหลิงเพื่อกอบกู้สถานการณ์ ดังนั้นรอยยิ้มเยาะเย้ยจึงปรากฏขึ้นเมื่อเขาเห็นสิ่งนี้ จากนั้นร่างของเจ้าตัวพลันสว่างวาบ ก่อนจะหายไปจากจุดนั้นพร้อมกับเสียงโครมคราม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]