บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 99

บทที่ 99 ชดใช้ด้วยเลือด (4)
บทที่ 99 ชดใช้ด้วยเลือด (4)

วูบ!

วูบ!

ในแสงไฟยามค่ำคืน ร่างเงาปริศนาหลายร่างกำลังมุ่งสู่จวนตระกูลหลี่

ในขณะนี้ ชาวเมืองหมอกสนเกือบทุกคนต่างรู้ว่าเฉินซีกลับมาแล้ว และกำลังจะบุกไปตระกูลหลี่ พวกเขาต่างคิดว่าเฉินซีจะต้องตายแน่ ขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงร้องดังโหยหวนด้วยความทุกข์ทรมานกับเสียงระเบิดดังออกมาจากจวนตระกูลหลี่อย่างต่อเนื่อง… ดูเหมือนการต่อสู้จะไม่เคยหยุดสักครู่เดียว

สิ่งนี้พิสูจน์อะไรได้บ้าง?

พิสูจน์ให้เห็นว่าเฉินซียังไม่ตาย และยังคงต่อสู้กับสมาชิกตระกูลหลี่ทั้งหมดเพียงลำพัง!

เนื่องจากทุกคนต่างรู้อยู่แล้วว่าเมื่อปีก่อนเฉินซีเข้ามาเป็นเด็กหน้าใหม่ที่ร่ำเรียนวิธีสร้างยันต์ตัวเล็ก ๆ เท่านั้น อีกทั้งพลังฝึกบ่มเพาะของเขาก็ถึงแค่ขอบเขตก่อกำเนิด หากตระกูลหลี่ส่งผู้เยี่ยมยุทธ์ออกไป ก็สามารถกำจัดเขาได้ไม่ยากเย็น

แต่ตอนนี้เจ้าหนุ่มนั่นบุกไปตระกูลหลี่ด้วยตัวเอง นอกจากเขาจะยังไม่ถูกสังหารแล้ว ชายหนุ่มยังสามารถต่อสู้ได้อย่างฉกาจฉกรรจ์ เรื่องแบบนี้จะไม่ทำให้ทุกคนประหลาดใจอย่างไรได้

เป็นไปได้หรือไม่ว่า… เจ้าหนุ่มนั่นบังเอิญเข้าไปดินแดนรกร้างใต้พิภพ ทำให้พลังบ่มเพาะของเขาพุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดดภายในเวลาหนึ่งปี

เพื่อพิสูจน์สิ่งอยู่ในความคิดขณะนั้น เวลานี้ผู้บ่มเพาะขอบเขตตำหนักอินทนิลในเมืองหมอกสนต่างรีบออกมากันหมด ไม่ว่าจะเป็นพวกที่จวนแม่ทัพ สำนักหมอกสน สำนักกระบี่ดารานภา สำนักพฤกษ์ชาด…

คนเหล่านี้ไม่ได้มาช่วยเฉินซี แต่มาเพราะอยากรู้อยากเห็น ที่สุดแล้วศัตรูของเฉินซีก็คือตระกูลหลี่ จึงไม่มีใครโง่พอที่จะเป็นศัตรูกับผู้ทรงอำนาจอันดับหนึ่งแห่งเมืองหมอกสนเป็นแน่

เพียงไม่นาน ภายในบริเวณกว่าพันลี้จากตระกูลหลี่ก็เต็มไปด้วยผู้บ่มเพาะขอบเขตตำหนักอินทนิลที่มาจากกลุ่มมหาอำนาจต่าง ๆ และเพื่อไม่ให้ตระกูลหลี่เกิดความเข้าใจผิด พวกเขาจึงพากันซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด และแสดงจุดยืนว่าอย่างไรเสียก็จะไม่เข้าไปแทรกแซง

กระนั้นทันทีที่มองเห็นพื้นที่อันเต็มไปด้วยซากศพกระจัดกระจายไปทั่วจวนตระกูลหลี่ โลหิตแดงฉานไหลเป็นทางราวสายน้ำมาจากศพของหลี่หมิง ซึ่งถูกลำแสงกระบี่ที่อยู่กลางอากาศฟาดฟันจนแหลกละเอียด ทุกคนมองด้วยความตกตะลึง

บางคนมีสายตาแหลมคมก็คาดเดาพลังบ่มเพาะของเฉินซีได้เลา ๆ โดยดูจากลักษณะการเข้าจู่โจมของชายหนุ่ม ครู่ต่อมาต่างคนต่างตะลึงงันจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

ขอบเขตตำหนักอินทนิล!

เจตจำนงกระบี่!

การเคลื่อนไหวว่องไวฉับพลันดุจดั่งสายลม!

กระบี่บินระดับมนุษย์ชั้นยอด!

เป็นไปได้หรือว่าเขาจะสามารถสร้างพลังแข็งแกร่งอันน่าเกรงขามกับสมบัติวิเศษในชั่วเวลาเพียงหนึ่งปีเท่านั้น ทำได้อย่างไร!? …เป็นไปหรือไม่ว่าที่ผ่านมาเขาจะปกปิดพลังที่แท้จริงไว้

ทันใดนั้นเสียงของผู้อาวุโสกับหลี่อี้เจิ้นแห่งตระกูลหลี่ก็ส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด จากนั้นดูเหมือนจะเป็นเฉินซีที่บอกกับตนเองว่าลงมือสังหารหลี่ไฮ่วแล้ว เป็นอีกครั้งที่ทำให้บรรดาผู้มาเฝ้าดูถึงกับหัวใจกระตุกวูบ

หลี่ไฮ่ว… บุตรชายคนโตของผู้นำตระกูลหลี่ เป็นคนที่มีความโดดเด่นที่สุดในหมู่คนรุ่นเยาว์แห่งเมืองหมอกสน ชื่อเสียงเรียงนามโด่งดังไปทั่ว ด้วยมีแววเจิดจรัสจนล่ำลือกันว่าเป็นคนที่โดดเด่นและเก่งกาจเป็นเลิศแห่งตระกูลหลี่ในรอบนับพันปีทีเดียว

คนอัจฉริยะเป็นเลิศต้องมาตายด้วยน้ำมือของเฉินซี…

ตัวซวยอย่างนั้นหรือ

ยังจะว่าเขาเป็นตัวซวยอยู่หรือไม่

ตัวซวยที่ระเบิดความแข็งแกร่งออกมาอย่างรวดเร็วในเวลาแค่ปีเดียว จากนั้นก็รู้แจ้งในเจตจำนงกระบี่ ต่อมาได้ครอบครองสมบัติวิเศษระดับมนุษย์ขั้นสุดยอดอย่างนั้นหรือ

ในเวลานี้ไม่มีใครกล้าเหยียดหยามเฉินซีอีกต่อไป ปีที่แล้วพวกเขายังไม่กล้าพาเจ้าหนุ่มคนนี้ไปฝากเป็นศิษย์สร้างยันต์ฝึกหัดด้วยซ้ำ ด้วยสมญานาม ‘ตัวซวย’ ของเขา มาบัดนี้ดูเหมือนทุกคนเริ่มที่จะลืมเลือนชื่อนั้นเสียแล้ว…

ในโลกของการบ่มเพาะพลัง มาตรฐานของความแข็งแกร่งจะใช้เป็นเครื่องวัดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสถานะ ตัวตน เกียรติยศชื่อเสียง… ไม่มีสิ่งใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งของตัวเอง แม้ว่าจะสังกัดอยู่ในนิกาย กลุ่มหรือสำนักใด หากต้องการได้พลังที่มากขึ้น คนคนนั้นจะต้องมีความแข็งแกร่ง!

ทันใดนั้นบนท้องฟ้าปรากฏร่างเป็นระลอกคลื่นทั้งหกอยู่เหนือจวนตระกูลหลี่ ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นหลี่อี้เจิ้นผู้ที่กำลังจมอยู่กับความเจ็บปวดจากการสูญเสียบุตรชาย

ทันทีที่คนทั้งหกปรากฏตัว รังสีอำมหิตอันน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายสูงตระหง่านปานภูเขา หรือแม้คนที่อยู่ห่างออกไปยังรับรู้ถึงพลังกดดันอันหนักหน่วง

พวกเขาเป็นผู้เฒ่าทั้งหกที่แยกตัวไม่คบหาสมาคมกับผู้อื่น!

คุณพระช่วย! เฒ่าประหลาดทั้งหกแห่งตระกูลหลี่เผยตัวออกมาพร้อมกัน!

ผู้คนในบริเวณใกล้เคียงไม่กล้าจินตนาการตามอำเภอใจอีกต่อไป พวกเขาจึงได้แต่มองดูสถานการณ์การต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ

ตระกูลหลี่อาศัยอำนาจของผู้บ่มเพาะขอบเขตตำหนักอินทนิลทั้งหกเพื่อก้าวขึ้นมาเป็นตระกูลอันดับหนึ่งแห่งเมืองหมอกสน เวลานี้พวกเขาปรากฏตัวต่อสาธารณชนแล้ว เหตุการณ์เช่นนี้ร้อยปีจะเกิดขึ้นสักครั้งก็นับว่ายังยาก ไม่มีใครที่ไม่อยากเห็นความแข็งแกร่งของพวกเขา

ชักข้องใจแล้วสิว่าเฉินซีจะต้านรับการโจมตีพร้อมกันของผู้อาวุโสตระกูลหลี่ทั้งหกคนได้สักกี่กระบวนท่า

ช่วยไม่ได้ที่คำถามนี้จะผุดขึ้นมาในใจของทุกคน

บนพื้นดิน โลหิตแดงฉานไหลนองเป็นสายน้ำ แขนขาที่ถูกตัดขาดยังชุ่มไปด้วยเลือด นอกจากนี้อวัยวะภายในก็ลอยปะปนกันไป ส่งให้กลิ่นคาวเลือดฉุนจัดตลบอบอวล

ทุกคนล้วนเคยเป็นสมาชิกตระกูลหลี่ที่ตอนนี้ต้องมาตายตกอย่างน่าอนาถ

ทุกคนเคยเป็นความหวังของตระกูล

ในตอนนี้ทั้งหมดนอนจมกองเลือดอย่างสุดแสนจะวิปโยค เมื่อภาพนั้นปรากฏแก่สายตาของหลี่เฟิงถู รวมทั้งบรรดาผู้อาวุโสอีกห้าคน ทุกสายตาก็เบนไปที่เฉินซี แววตาทุกคู่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเจ้าตัวต้นเหตุ …เฉินซียังไม่ตาย!!

“เจ้าขยะโสโครกที่ตระกูลเฉินโยนทิ้งสินะ” น้ำเสียงของหลี่เฟิงถูทำให้รู้สึกเย็นสันหลังวาบ ขณะจ้องเขม็งไปที่เฉินซีด้วยเจตนาสังหารฉายชัด

เฉินซีไม่ตอบคำ ทันใดนั้นกระบี่ท่องปรภพทั้งแปดเล่มทะยานออกมาอยู่รอบตัวชายหนุ่มทันที กลุ่มกระบี่ราวกับฝูงปลาที่กำลังแหวกว่าย ลำแสงส่องประกายกะพริบวิบวับ อีกทั้งปราณกระบี่ยังคมกริบและน่าสะพรึงกลัวพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

กระบี่บินระดับมนุษย์ขั้นสุดยอด!

บรรดาสมาชิกตระกูลหลี่กับผู้อาวุโสอีกห้าคนเบิกตากว้างทั้งแปลกใจระคนสงสัย พวกตนสามารถใช้กระบี่บินแปดเล่มได้เหมือนกัน มิหนำซ้ำยังเป็นกระบี่บินระดับมนุษย์ขั้นสุดยอดอีกด้วย!

ประกายเยือกเย็นปรากฏในแววตาของหลี่เฟิงถูพลางเอ่ยกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าจะใจกล้าได้เพียงนี้ เพราะว่ามีสมบัติวิเศษระดับมนุษย์ขั้นสุดยอดถึงแปดชิ้นนี่เอง”

“ศิษย์พี่ใหญ่ ฆ่ามันเลยและยึดกระบี่แปดเล่มมาล้างแค้นให้คนตระกูลหลี่!”

“ฆ่าอย่างนั้นหรือ อย่าปล่อยมันไปง่าย ๆ เราต้องจับมันถลกหนังแล่เนื้อออกมาเป็นชิ้น ๆ จากนั้นก็รีดวิญญาณออกมา อย่าให้ได้ผุดได้เกิดอีกเลย!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]