บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 100

บทที่ 100 ชดใช้ด้วยเลือด (จบ)
บทที่ 100 ชดใช้ด้วยเลือด (จบ)

มหาค่ายกลคุ้มสกุล!

เมื่อผู้บ่มเพาะพลังที่กำลังเฝ้าดูอยู่ได้ยินเข้าเช่นนี้ พวกเขาต่างตกใจไปตามกัน

ในโลกแห่งการบ่มเพาะ พวกเขาก็เหมือนกันกับนิกายสำนักอื่นที่มีมหาค่ายกลคุ้มนิกาย กลุ่มที่มีทรัพยากรจำนวนมหาศาลจะมีการวางค่ายกลใหญ่ในอาณาเขตของตนเองทั้งสิ้น และไม่ค่อยได้เปิดใช้งาน เว้นแต่จะเกิดสถานการณ์ชี้เป็นชี้ตาย!

เวลานี้ตระกูลหลี่ตั้งมหาค่ายกลคุ้มสกุลหวังจะทำลายล้างคนคนเดียวคือเฉินซี สถานการณ์เช่นนี้ในรอบพันปีแทบจะไม่มีให้เห็น และไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ของตระกูลหลี่มาก่อน

ข้อพิสูจน์ที่ทำให้สถานการณ์แตกต่างออกไปก็คือ ครั้งนี้มีเพียงเฉินซีซึ่งบุกเข้าไปตามลำพัง และคุกคามการดำรงอยู่ของตระกูลหลี่!

ที่แน่ ๆ เพราะพวกเขารับรู้ว่าผู้บ่มเพาะพลังที่แอบดูอยู่ห่าง ๆ ชักจะเกิดความหวาดกลัว จึงเป็นเหตุให้พวกเขาต้องประเมินความแกร่งกล้าของเฉินซีเสียใหม่

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

เสียงระเบิดขนาดมหึมาดุจฟ้าร้องดังกึกก้องตามมา บนท้องฟ้าเหนือจวนตระกูลหลี่ซึ่งมีเนื้อที่มากมายพลันปรากฏม่านแสงขนาดใหญ่ ม่านแสงที่ว่าอยู่กึ่งกลางทะเลสาบตรงกลางจวนตระกูลหลี่ มุมทั้งสี่ยืดติดกันเป็นผนังยาวเหมือนเสาม่านแสงที่ตรึงกันไว้ เพื่อคลุมจวนตระกูลหลี่ทั้งหมดไว้ภายใน

แสงสีดำโคจรไปรอบ ๆ และสาดเปลวเพลิงสีเขียวหนาทึบลอยเคว้งอยู่เหนือม่านแสง เมื่อมองจากระยะไกลจะเห็นว่าเวลานี้บริเวณจวนตระกูลหลี่เหมือนหินหลอมละลายใต้ผิวโลก ขณะนั้นเปลวเพลิงสีเขียวค่อย ๆ แผ่รังสีทะมึน ผู้คนที่พบเห็นต้องอกสั่นขวัญแขวนด้วยความกลัว

“เปลวเพลิงหยกขวางกั้นท้องฟ้าเอาไว้ ค่ายกลเก้ามังกรหยกเปลวอัคคีที่ผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายาของดินแดนทางใต้ใช้ฝึกเส้นทางศาสตร์มืดเมื่อสามพันปีก่อน!”

“อ้อ! ข้าจำได้แล้ว ค่ายกลนี้ตั้งขึ้นมาใช้ต้านทานการจู่โจมของผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายาอย่างเต็มกำลัง และจะมีเพียงปรมาจารย์ค่ายกลเท่านั้นที่สามารถเจาะเข้าไปได้ ยิ่งกว่านั้น ไฟสีหยกที่ไหลเวียนอยู่ที่ส่วนยอดนั้นก็คือเปลวอัคคีหยกอำพัน เปลวไฟชนิดนี้กลั่นเอามาจากคนตายที่มีจิตใจเต็มไปด้วยความแค้น มันจึงโหดเหี้ยมและชั่วร้ายที่สุด ถ้าผู้บ่มเพาะคนใดสัมผัสมันเพียงเล็กน้อยก็จะถูกวิญญาณร้ายเข้าสิง ในที่สุดวิญญาณของเขาจะถูกกัดกินจนเสื่อมสลาย!”

“ดูท่าว่าเฉินซีจะถึงคราวเคราะห์เข้าแล้ว ต่อให้เขาสังหารคนตระกูลหลี่จนหมด แต่เกรงว่าคงหลุดออกจากค่ายกลไม่ได้ง่าย ๆ!”

สีหน้าของผู้เฝ้าดูเคร่งเครียดขึ้นทันที ความกังวลของคนเหล่านี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเฉินซีแต่อย่างใด เพราะสิ่งที่พวกเขากังวลก็คือความแข็งแกร่งของตระกูลหลี่ที่ทรงพลังเกินกว่าความคาดหมายของตนเองไปมากต่างหาก

“เฉินซี เจ้าหนีไม่รอดแน่ มหาค่ายกลคุ้มสกุลของตระกูลหลี่ แม้แต่คนที่บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายายังหนีรอดได้ยาก ฉะนั้นเจ้ายอมตายเสียเถอะ!” เสียงหลี่เฟิงถูเยาะเย้ยดังมา ขณะที่เดียวกันก็เร่งจู่โจม กระบี่บินทั้งหกเล่มซัดเข้าใส่เฉินซีอย่างหนักหน่วงดั่งพายุโหมกระหน่ำ มันไม่มีทางปล่อยให้เขารอดไปได้!

ร่างของชายหนุ่มพลิ้วไหวดุจหมอกควันและลิ่วลอยดั่งสายลม กระนั้นเขาก็ไม่ได้มัวต่อสู้พัวพันกับหกผู้อาวุโสตระกูลหลี่ที่ตั้งค่ายกลย่อยหกทิศ แต่กลับพุ่งไปยังภูเขาและแม่น้ำจำลองทางเบื้องล่าง ร่างเหินขึ้นไปบนยอดศาลากับอาคารหลายหลังในละแวกใกล้เคียง และทะยานไปรอบ ๆ บริเวณกว่าพันลี้ของตระกูลหลี่ด้วย

หลี่เฟิงถูกับคนอื่นต่างกำลังเย้ยหยันอยู่นั่นเอง แต่เมื่อเห็นว่าเฉินซีเอาแต่หนีกระเจิงไปเหมือนฝูงแมลงแตกฮือ พวกเขาก็ยิ่งเร่งโจมตีชายหนุ่มให้รวดเร็วและรุนแรงมากขึ้น กระบี่บินทั้งหกระเบิดออกมาดั่งห่าฝนกระบี่ปกคลุมทั่วท้องฟ้า มันพุ่งเข้าโจมตีชายหนุ่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า

การกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งกวาดสิ่งกีดขวางที่เป็นอุปสรรค ทั้งหอบ่มโอสถของตระกูลหลี่ หอฝึกวิทยายุทธ์ หอขุมทรัพย์ สวนด้านหลัง… ได้กลายเป็นซากปรักหักพัง

“เวร! ไอ้เด็กสารเลวนั่นมันจงใจ มันจะทำให้รากฐานอันแข็งแกร่งของตระกูลเราที่สั่งสมมาต้องพังพินาศด้วยน้ำมือของพวกเราเอง!” หนึ่งในผู้อาวุโสตระหนักถึงความจริงขึ้นมาได้ พลันคำรามออกมาอย่างแค้นเคือง

“ให้ตายสิ! อย่างนั้นพวกเราก็ถูกมันหลอกแล้ว!”

“แต่ว่าถ้าเราไม่ทำอย่างนี้ เมื่อไรเราจะฆ่าไอ้สารเลวนั่นได้”

ใบหน้าโกรธขึ้งของหลี่เฟิงถูซีดเขียวราวคนตาย หัวใจเจ็บแปลบ ในหอบ่มโอสถเต็มไปด้วยโอสถเม็ดที่เก็บไว้กองเป็นภูเขาเลากา ในหอตำราก็เก็บตำรากับบันทึกโบราณไว้กว่าหมื่นเล่ม หอขุมทรัพย์มีวัตถุวิญญาณที่เก็บสะสมมานานนับพันปี… ล้วนถูกทำลายไม่มีเหลือ!

โครม!

เสียงดังอึกทึกกึกก้องขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับอาคารเก่าแก่ที่สร้างด้วยหินสีดำสนิทพังถล่มลงมา

“ศาลาบรรพชน!” หลี่เฟิงถูอุทานเสียงดังด้วยความตกใจ เส้นเลือดบนหน้าผากปูดโปนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก เขาหอบหายใจแรงจนหน้าอกกระเพื่อม

ศาลาบรรพชนแห่งนี้สร้างมาตั้งแต่วันที่ก่อตั้งตระกูลหลี่ บัดนี้มาถูกทำลายด้วยน้ำมือของตนเอง ความรู้สึกในเวลานี้เลวร้ายเสียยิ่งกว่าตายทั้งเป็น

“ฆ่ามัน! ฆ่าไอ้เด็กสารเลวนั่นเสีย! เอามันมาสับเป็นชิ้น ๆ! เลาะกระดูกออกมาเผาให้กลายเป็นขี้เถ้า! แร่หนังดึงเส้นเอ็นออกมาให้หมด!” หลี่เฟิงถูเค้นเสียงพูดด้วยความโกรธแค้นสุดขีดขณะคำรามอย่างดุเดือด

เฟี้ยว! เฟี้ยว! เฟี้ยว!

กระบี่บินพุ่งออกไปพร้อมกับปราณกระบี่อย่างดุดัน ทั้งสวรรค์และปฐพีเต็มไปด้วยความอำมหิต แสงกระบี่ไหลหลั่งเหมือนดั่งสายธาร ทุกที่ที่ลำแสงเคลื่อนผ่าน มวลพฤกษานานาพรรณแหลกสลายกลายเป็นผุยผง ภูเขาจำลองแตกหักพังทลาย แม้แต่พื้นดินยังถูกแบ่งแยกจนกลายเป็นหุบเหวลึกขนาดมหึมาน่าสะพรึงกลัว ทำให้ฝุ่นละอองและเศษฝอยฟุ้งกระจายไปในอากาศ

“ฆ่ามัน! ต่อให้มันไวว่อง แต่ลำพังพลังขอบเขตตำหนักอินทนิลของมันไม่มีทางหนีพ้นค่ายกลเก้ามังกรหยกเปลวอัคคีพ้น! ทำให้มันรู้จักคำว่าตายทั้งเป็นเสียบ้าง!” เสียงคำรามของหลี่เฟิงถูดังขึ้นอีกครั้ง

“ฆ่า!”

“ฆ่าไอ้สารเลวเสีย!”

“ข้าอยากจะควักหัวใจแล้วลากไส้ออกมา จากนั้นจะฉีกแขนฉีกขาเอามาสับเป็นชิ้น ๆ!”

เหล่าหกผู้อาวุโสของตระกูลหลี่แค้นเคืองสุดขีด เวลานี้กระบี่บินหกเล่มส่งเสียงคำรามกลางอากาศ ขณะที่ตัวคนทะยานจู่โจมร่างที่กำลังหลีกหลบของเฉินซี พวกเขากระหน่ำโจมตีอย่างต่อเนื่อง

โกรธอย่างนั้นหรือ??

เฉินซีเหลือบตามองฟ้า ขณะนั้นปรากฏแววตาเย็นเยียบสาดประกายเข่นฆ่าวาววับ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]