บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 994

สรุปบท บทที่ 994 ตะวันลับฟ้าแห่งจุดจบ: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

ตอน บทที่ 994 ตะวันลับฟ้าแห่งจุดจบ จาก บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 994 ตะวันลับฟ้าแห่งจุดจบ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] ที่เขียนโดย novelones เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 994 ตะวันลับฟ้าแห่งจุดจบ

บทที่ 994 ตะวันลับฟ้าแห่งจุดจบ

พู่กันพิพากษามารน่ากลัวถึงเพียงใดน่ะหรือ?

เนื่องจากการโจมตีเพียงครั้งเดียวที่สามารถทำลายราชาเปี้ยนเฉิงไปสู่ความว่างเปล่าได้ คงมีแต่ผู้เป็นเจ้าของเท่านั้นที่สามารถดึงพลังที่แท้จริงของสุดยอดศัสตรานี้ออกมาได้

ราชาฉู่เจียงและราชานรกสององค์สุดท้ายที่เหลืออยู่ต่างก็มีสีหน้าซีดเซียว พวกเขาทั้งรู้สึกหดหู่และหวาดกลัว เนื่องจากพวกเขาสามารถยืนยันได้จากพลังของพู่กันพิพากษามารว่าผู้ใช้ย่อมเป็นจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สามอย่างไม่ต้องสงสัย!

และหากพวกเขาคาดเดาไม่ผิด นี่น่าจะเป็นเสี้ยวจิตสำนึกของจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สามที่แฝงอยู่ในร่างของชายหนุ่มผู้นี้ที่มาจากภพมนุษย์

แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ทำให้พวกเขาหวาดกลัวและสิ้นหวังได้แล้ว

แล้วใครคือจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สามน่ะหรือ?

เมื่อนานมาแล้ว จักรพรรดิยมโลกได้ต่อสู้กับเหล่าทวยเทพและพุทธองค์ทั้งหลายด้วยตัวคนเดียว เขาได้สังหารทวยเทพและพุทธองค์นับไม่ถ้วนให้จมลงสู่ทะเลทุกข์ นับเป็นสุดยอดผู้เยี่ยมยุทธ์ที่เพียงแค่เอ่ยนาม ก็ทำให้ผู้คนทั้งสามภพต้องหวาดกลัวจนใบหน้าซีดเผือด!

แม้ว่าจะเป็นเพียงเสี้ยวจิตสำนึก แต่ผู้ยิ่งใหญ่ที่มีพลังแก่กล้าและครองอำนาจสูงสุดมาหลายยุคหลายสมัย ก็สามารถทำลายล้างพวกเขาได้อย่างง่ายดาย

ราชาไท่ซานและราชาเปี้ยนเฉิงสิ้นชีพต่อหน้าต่อตา และพวกเขาถือเป็นตัวอย่างชั้นดี!

เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว มหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกกลับรู้สึกตื่นเต้นและมีชีวิตชีวายิ่ง ราวกับเขาได้เห็นยมโลกทั้งหมดกลับคืนสู่สถานะที่เป็นเอกภาพและเป็นระเบียบเรียบร้อยอีกครั้ง ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สาม

“พู่กันพิพากษามาร ยมโลก… เป็นไปได้หรือไม่ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เกิดจากการที่ไร้ผู้นำ?” เฉินซีก้มลง พลางกล่าวพึมพำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและเยือกเย็น ซึ่งท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัด น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความรู้สึกทางอารมณ์ที่ไม่เหมือนใคร

“น่าเสียดายที่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความตั้งใจของข้า”

“ระเบียบเป็นสิ่งที่ไร้รูปร่าง และหมุนเวียนอยู่ในจักรวาล ซึ่งเหล่าทวยเทพไม่สามารถละเมิดได้ หรือแม้แต่เซียนและพุทธองค์ก็เข้าไปยุ่งกับมันไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ สีดำและสีขาวต่างทำหน้าที่เป็นกระจกเงาสะท้อนกันและกัน ความดีความชั่วย่อมมีจุดสิ้นสุด ความใสกระจ่างหรือขุ่นมัวจะถูกแยกออกจากกัน ทุกสรรพสิ่งจะเป็นระเบียบเรียบร้อย และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะอยู่ใต้อำนาจของมัน…”

ทุกคนต่างตกตะลึง เมื่อได้ยินเสียงทอดถอนใจที่เปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงชรา และลังเลเล็กน้อยว่าจะทำอย่างไรดี

เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะไม่เข้าใจว่านี่คือเป้าหมายของจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สามที่พวกเขาติดตามมาตลอดชีวิต อีกฝ่ายต้องการที่จะถ่ายโอนลำดับในวัฏจักรการเกิดใหม่ไปยังโลกนับไม่ถ้วนในจักรวาล และต้องการให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในจักรวาลได้กลับคืนสู่ความเป็นระเบียบเรียบร้อย!

น่าเสียดายที่มันเป็นเพราะว่าวัตถุประสงค์นี้ยิ่งใหญ่เกินไป จนเกินขอบเขตที่ทวยเทพและพุทธองค์ทั้งหลายจะทนทานได้ และนำไปสู่หายนะในท้ายที่สุด

แม้ว่าจะไม่เข้าใจ แต่ราชาฉู่เจียงและคนอื่น ๆ ก็ทราบว่า หากพวกเขายังคงไม่ลงมือ พวกเขาก็อาจจะต้องพินาศอยู่ที่นี่ในวันนี้

แต่เหตุผลที่พวกเขารู้สึกหมดหนทางและขัดแย้งกัน ก็เพราะสิ่งนี้เช่นกัน

ราชาไท่ซานตั้งใจจะหลบหนี แต่เขาก็ถูกสังหารโดยค่ายกลกรงเทวะหมื่นกระแสในที่สุด

ราชาเปี้ยนเฉิงคุกเข่าลงและร้องขอความเมตตา แต่เขาก็ยังหนีไม่พ้นการถูกพิพากษาและถูกพู่กันพิพากษามารสังหาร

ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถหนีหรือร้องขอความเมตตาได้ มีหนทางรอดเพียงทางเดียวที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งพวกเขาจะต้องทุ่มสุดตัวและต่อสู้จนตัวตาย

แต่ว่า…

คู่ต่อสู้ของพวกเขาคือจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สาม! หากต้องต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย พวกเขาก็คงไม่ต่างอะไรจากมดที่พยายามเขย่าต้นไม้ ไม่ต่างอะไรกับการต่อสู้กับความตายหรอกหรือ?

ในตอนนี้ ราชาฉู่เจียงและคนอื่น ๆ ก็รู้สึกเหมือนกับที่เฉินซีรู้สึกก่อนหน้านี้ พวกเขารู้สึกว่าคู่ต่อสู้ไม่อาจสั่นคลอนได้ และรู้สึกไร้พลัง

ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือ เฉินซีได้รับการปกป้องจากหม้อใบจิ๋ว ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกหดหู่และสิ้นหวัง

ในขณะที่ราชาฉู่เจียงกับคนอื่นไม่ได้มีโชคเช่นนี้

ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องลงมือ แม้ว่าพวกเขาจะทราบถึงผลลัพธ์ของเรื่องนี้ดีก็ตาม

ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวหรือพูดคุยใด ๆ มันเหมือนเป็นความเข้าใจโดยปริยาย เมื่อราชาฉู่เจียง ราชาฉินก่วง และราชาซ่งตี้ต่างเปิดฉากโจมตีอย่างดุเดือด

ตู้ม!

ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนทองคำทั้งสามคนต่างก็ลงมือพร้อมกัน และโจมตีอย่างสิ้นหวังด้วยพลังทั้งหมดของพวกเขา บริเวณรอบหน้าผาจึงได้ถูกปกคลุมด้วยพลังแห่งกฎที่หนาแน่นและเดือดพล่านของเซียนทองคำในชั่วพริบตา มันพลุ่งพล่านราวกับมหาสมุทรกว้างใหญ่และหุบเหวไร้ก้น ในขณะที่เปล่งแสงเจิดจ้าไร้ขอบเขตที่สามารถสั่นคลอนฟ้าดินได้!

ร่างของเฉินซียังคงนิ่งงันดุจก้อนหินเมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งนี้ และดูเหมือนว่าเขาอยู่อีกฟากหนึ่ง ไม่ว่าการโจมตีเหล่านั้นจะน่ากลัวเพียงใด พวกมันก็ไม่สามารถแตะต้องชายหนุ่มได้แม้แต่น้อย แล้วนับประสาอะไรกับการโจมตีเข้ามา!

ราวกับว่าเขาละทิ้งตัวตนทางกายภาพไปแล้ว!

แต่ราชาฉู่เจียงและคนอื่น ๆ ดูจะคาดหวังถึงสิ่งนี้มาตั้งแต่ต้น พวกเขาต่างกัดฟันแน่น ในขณะที่โจมตีอย่างรุนแรง พวกเขาแข็งแกร่งเหมือนดวงอาทิตย์ที่แผดเผาบนท้องฟ้า ซึ่งหมายจะฉีกค่ายกลกรงเทวะหมื่นกระแสเพื่อเปิดเส้นทางสู่การเอาชีวิตรอด

ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่พวกเขาจะมีโอกาสรอดชีวิต

“ฉีซานเหอ?”

เฉินซีดูจะไม่แยแสต่อเหตุการณ์นี้นัก เขาหันหลังกลับมา ก่อนดวงตาที่ลึกล้ำและเก่าแก่จะจดจ้องไปยังมหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกที่อยู่ใกล้เคียง

“เป็นผู้น้อยเองขอรับ” มหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกประสานมือคำนับ ในขณะที่ใบหน้าที่เย็นชาและผอมซูบเผยท่าทางประหลาดใจอันน่ายินดี จากนั้นมันก็ถูกแทนที่ด้วยความจริงใจและกระตือรือร้น

เมื่อหลายปีก่อน ฉีซานเหอยังคงเป็นศิษย์ของโถงน้ำพุยมโลก ในเวลานั้น เขาเป็นชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณ ถือเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์ในหมู่คนรุ่นเยาว์ ด้วยเหตุนี้ เจ้าตัวจึงมีวาสนาได้พบกับจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สาม

แน่นอนว่าในยามนั้น เขาเพิ่งเคยได้พบกับจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สามเป็นครั้งแรก ทว่าไม่ต้องกล่าวถึงตัวเขาเอง แม้แต่อาจารย์ของเขาก็ไม่ต่างจากคนธรรมดาในสายตาของจักรพรรดิยมโลก ดังนั้นจักรพรรดิยมโลกย่อมไม่ให้ความสนใจกับฉีซานเหอมากนัก

แต่ฉีซานเหอไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากเวลาผ่านไปเนิ่นนาน จักรพรรดิยมโลกองค์ที่สามจะยังจำชื่อของคนที่ต่ำต้อยอย่างเขาได้!

ในขณะนี้ เฉินซีเอื้อมมือออกไปและทำท่าทางดึงเบา ๆ ที่กลางอากาศ ซึ่งการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มราบรื่นเหมือนสายน้ำและเหมือนอยู่ในโลกอื่น

แต่ด้วยการเคลื่อนไหวนี้ แสงแดดจ้าของดวงอาทิตย์ก็ค่อย ๆ เลือนหาย มันเหมือนกับม่านแห่งกาลเวลาได้ถูกรูดเปิด เหมือนกับจุดจบของจักรวาล อีกทั้งยังเผยให้เห็นถึงกลิ่นอายแห่งความเศร้าโศก ความหมดหนทาง และความสิ้นหวังอย่างไร้ขอบเขต

เต๋ารู้แจ้งจุดจบ… ตะวันลับฟ้าแห่งทวยเทพ!

เมื่อตะวันลับฟ้า สรรพสิ่งก็เป็นอันสิ้นสุด

หลังตะวันลับฟ้าคือความเงียบและความมืดมิดชั่วนิรันดร์ ซึ่งรุ่งอรุณในยามเช้าจะนำพาไปสู่ยุคใหม่

ดวงตาของมหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกเบิกกว้าง ในขณะที่เขาแสดงอาการตกใจสุดขีด เขาดูจะไม่เคยคาดคิดว่าในชีวิตของตนจะมีวาสนาพอจะได้เห็นความลึกล้ำในตำนานที่เป็นสิ่งต้องห้าม!

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เป็นเพราะเต๋ารู้แจ้งแห่งจุดจบ จึงก่อร่างเป็นกฎสังสารวัฏ ซึ่งกระตุ้นจิตสังหารของทวยเทพและพุทธ์องค์ทั้งหลาย ดังนั้นพวกเขาจะไม่มีวันหยุดจนกว่าจะบดขยี้จักรพรรดิยมโลกองค์ที่สามได้

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เต๋ารู้แจ้งแห่งจุดจบได้กลายเป็นสิ่งต้องห้ามในทั้งสามภพ และไม่มีใครเคยพบเห็นมันอีก!

ในอีกด้านหนึ่ง ร่างของราชาฉู่เจียง ราชาฉินก่วง และราชาซ่งตี้ต่างแข็งทื่อเช่นกัน พวกเขาพากันหยุดโจมตี และตกตะลึงราวกับหุ่นรูปปั้นดินเหนียว

ตะวันลับฟ้า!

จุดจบ!

หลังจากผ่านกาลเวลามานานนับไม่ถ้วน มันก็ปรากฏขึ้นในโลกอีกครั้ง!

แต่ในช่วงเวลาต่อมา พวกเขาก็ต้องตกใจ เพราะการโจมตีที่แฝงไปด้วยเต๋ารู้แจ้งแห่งจุดจบกำลังเข้ามาใกล้พวกเขา…

“ไม่!!!” เสียงโหยหวนที่บ้าคลั่งและไม่เต็มใจดังก้อง ราชาฉู่เจียงและคนอื่น ๆ ต่างเหมือนกับคนเสียสติ ขณะที่พวกเขาถูกเผาด้วยเปลวไฟแห่งกฎ และทุ่มพลังทั้งหมดที่มีออกไป แต่ทั้งหมดนี้กลับไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าตะวันลับฟ้า!

ในชั่วพริบตาต่อมา ร่างกายของพวกเขาถูกปกคลุมไปด้วยแสงตะวันลับฟ้า จากนั้นร่างของเซียนทองคำทั้งสามนี้ก็หายไปสู่ความว่างเปล่าอย่างเงียบงัน

เหมือนกลางวันค่อย ๆ ถูกกลางคืนกลืนกิน พวกเขาขัดขืนไม่ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีแม้แต่ฉากนองเลือด แต่ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้มันน่ากลัวและน่าสยดสยองมากขึ้น

มหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกยังคงไม่ฟื้นตัวจากอาการตกใจได้ แม้ว่าม่านแห่งการต่อสู้จะถูกรูดปิดแล้วก็ตาม

ดังนั้นเขาจึงไม่ทันสังเกตว่า เฉินซีที่ยืนอยู่เคียงข้างได้สูญเสียกลิ่นอายอันน่าเกรงขามของการปกครองและดูแคลนทุกสิ่งในโลกไปแล้ว ยามนี้ ชายหนุ่มได้ฟื้นคืนสู่สภาพปกติและมีท่าทีที่ไม่ธรรมดาเช่นเมื่อก่อน

จิตใจของเฉินซีในเวลานี้ตกอยู่ในสภาวะรู้แจ้งที่แปลกประหลาด เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า มีเปลวไฟลุกโชนอยู่ในห้วงจิตสำนึก มันโปร่งแสงเหมือนสีเหลืองอำพัน ทั้งยังเผยให้เห็นสีของตะวันอัสดง

เฉินซีรู้ว่านี่คือเต๋ารู้แจ้งแห่งจุดจบ และเป็นของขวัญชิ้นสุดท้าย ที่จิตสำนึกของจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สามได้ทิ้งไว้ ก่อนเขาจะหายไป

ส่วนจะรู้แจ้งหรือไม่นั้น ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับตัวเขา!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]