บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 995

บทที่ 995 กลับสู่แดนภวังค์ทมิฬ

บทที่ 995 กลับสู่แดนภวังค์ทมิฬ

หลังจากครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานาน เฉินซีก็ยับยั้งตัวเองได้ในที่สุด

เต๋ารู้แจ้งแห่งจุดจบเป็นสิ่งต้องห้ามอันยิ่งใหญ่ที่ทั้งสามภพต่างล่วงรู้กันทั่ว มันมีพลังที่ไม่อาจหยั่งถึง และเป็นแก่นแท้แห่งความลึกล้ำที่ให้กำเนิดกฎแห่งการจุติ ทำให้ทวยเทพและพุทธองค์ทั้งหลายในโลกต่างหวาดกลัวมันอย่างยิ่ง

เมื่อเขารู้แจ้งในเต๋านี้ ผลที่ตามมาย่อมยากจะจินตนาการได้

เนื่องจากเฉินซีทราบว่า พลังของเขาในปัจจุบันยังไม่ถึงระดับที่ชายหนุ่มจะสามารถต่อสู้กับผู้ยิ่งใหญ่ในสามภพทั้งหมดได้ ดังนั้นการทำความเข้าใจในตอนนี้ มีแต่จะทำให้ตายเร็วขึ้นเท่านั้น

“ช่างมันเถิด เคล็ดวิชาบ่มเพาะที่ข้ามีอยู่ตอนนี้ก็เป็นสิ่งที่ทรงพลังอย่างยิ่ง ดังนั้นถ้าข้ายังคงทำความเข้าใจเต๋ารู้แจ้งแห่งจุดจบอีกละก็ ข้าคงประเมินความสามารถตัวเองสูงเกินไป…”

เฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และตื่นจากการไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง

ลมภูเขาพัดหวีดหวิว ในขณะที่ทะเลเมฆเคลื่อนคล้อย …หลังจากการสิ้นชีพของราชาฉู่เจียงและราชานรกอีกสี่ตน ม่านของเหตุการณ์บนยอดเขาหมื่นกระแสก็ดูเหมือนจะสิ้นสุดลงแล้ว

แต่เฉินซีทราบดีว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็นเพียงชนวนที่จะทำให้ยมโลกปั่นป่วนเร็วขึ้น และจะชักนำไปสู่สงครามอันยิ่งใหญ่!

เนื่องจากราชานรกทั้งห้าที่เป็นตัวแทนกองกำลังของภพเซียนได้ล้มตายไปหมดสิ้น ดังนั้นดินแดนและกองกำลังที่อยู่ภายใต้คำสั่งของพวกเขา ย่อมถูกภพพุทธองค์เข้ายึดครอง ทำให้ความขัดแย้งครั้งใหญ่ปะทุขึ้น

นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างสองภพ และไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

เขาคาดการณ์ได้ว่า ทั่วทั้งยมโลกจะถูกปกคลุมด้วยเลือดและเปลวไฟแห่งการต่อสู้ในอนาคตอันใกล้นี้

ในทางกลับกัน เมื่อเผชิญกับการต่อสู้ระหว่างภพทั้งสอง สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนที่อาศัยอยู่ในยมโลกจะถูกพัดพาไปในวังวนนี้อย่างไม่แยแส และไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากพวกมันได้

เฉินซีได้แต่ถอนหายใจต่อเรื่องนี้ เพราะเขาไม่มีพลังที่จะทำอะไรกับมันได้

บางทีเขาควรจะเชื่อคำพูดที่จักรพรรดิยมโลกองค์ที่สามได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า มีเพียงสงครามเท่านั้นที่จะสร้างระเบียบใหม่ให้แก่ยมโลกได้

ในระหว่างขั้นตอนนี้ ไม่มีที่ว่างสำหรับความสงสาร ความเมตตา และความอดกลั้น!

“ผู้อาวุโสจากไปแล้วหรือ?”

ในที่สุด มหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกที่อยู่ใกล้เคียงก็หายจากอาการตกใจ ใบหน้าที่ผอมและเย็นชาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกสูญเสียและความผิดหวังที่ไม่สามารถปกปิดได้

เฉินซีพยักหน้าและมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า นับจากบัดนี้เป็นต้นไป จักรพรรดิยมโลกองค์ที่สามจะไม่ปรากฏตัวอีกต่อไป…

หลังได้รับการยืนยันจากเฉินซี มหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกก็ถอนหายใจอีกครั้ง และความรู้สึกสูญเสียของเขาก็ยิ่งชัดเจน

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เจ้าตัวหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองเฉินซี ก่อนที่จะกล่าวว่า “ยมโลกกำลังจะตกสู่ความโกลาหล ข้าจะต้องไปเดี๋ยวนี้ น้องชาย ข้าจะรอให้เจ้ากลับมาที่ยมโลก เพื่อรับระเบียนแดนมรณะและพู่กันพิพากษามารกลับไป”

ทันทีที่กล่าวจบ มหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกก็หันหลังกลับและจากไปโดยไม่ลังเล

“ผู้อาวุโสอย่าได้กังวล ข้าจะกลับมาอีกครั้งแน่นอนขอรับ โปรดรักษาตัวด้วย!” เฉินซีป้องมือคารวะและกล่าวจากระยะไกลด้วยท่าทางเคร่งขรึม

คลื่นซัดสาดขึ้นลง เมฆเคลื่อนออกไปและสงบลง ยอดเขาหมื่นกระแสตกสู่ความเงียบสงัดอีกครั้ง มีเพียงเสียงลมเย็นยะเยือกที่พัดหวีดหวิวผ่านท้องฟ้า

“เฉินซี” น้ำเสียงเย็นชาทว่าอ่อนโยนดังก้องอยู่ข้างหูของเขา ทำให้ร่างกายของเฉินซีแข็งทื่อ ในขณะที่ความคิดในใจทั้งหมดหายไปอย่างไร้ร่องรอย จากนั้นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ก็พุ่งเข้ามาในหัวใจของชายหนุ่มอย่างเงียบ ๆ

เฉินซีหันกลับมาช้า ๆ และเขาก็ต้องตกตะลึง เมื่อร่างสง่างามที่คุ้นเคยนั้นได้ปรากฏขึ้นในสายตา!

ที่กลุ่มพุ่มไม้ดอกด้านข้างที่ห้อยลงมาจากหน้าผา เงาร่างงามสง่ายืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง นางสวมเสื้อผ้าสีขาวราวหิมะ มีผมสลวยยาวถึงเอวเหมือนน้ำตก มีรูปลักษณ์ที่งดงาม

ริมฝีปากสีแดงระเรื่อของหญิงสาวเหมือนดั่งกลีบดอกไม้ ในขณะที่ดวงตาของนางดูจะมากไปด้วยดวงดาวพร่างพราวบนท้องฟ้า นอกจากนี้ รูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายยังคงงดงามและเผยให้เห็นความคลุมเครือเล็กน้อย …ราวกับเป็นตัวตนที่มาจากคนละโลกกันอย่างสิ้งเชิง ทั้งสง่างามและงดงามเสียจนยากหาใครเสมอเหมือน

ร่างนั้นคือชิงซิ่วอี้นั่นเอง!

ดวงตาของหญิงสาวในเวลานี้เต็มไปด้วยประกายแวววาว นางสบสายตากับเฉินซีโดยตรง ริมฝีปากที่สดใสและเรียบเนียนของชิงซิ่วอี้โค้งขึ้นเล็กน้อย ปรากฏเป็นรอยยิ้มพร่างพราวที่ทำให้ทุกสิ่งในสวรรค์และโลกต้องมัวหมอง

ลมบนภูเขาพัดโชยอย่างแผ่วเบา ทำให้กลีบดอกไม้ร่วงหล่นมากมาย และหมุนวนอย่างมีชีวิตชีวาอยู่กลางอากาศ ก่อนที่จะลอยละลิ่วไปบนท้องฟ้า

ทั้งสองต่างมองหน้ากันเงียบ ๆ และจ้องตากันเป็นเวลานาน

ในหัวใจของพวกเขาต่างกระเพื่อมขึ้นลงด้วยอารมณ์ความรู้สึก ในขณะที่จิตใจต่างหวนรำลึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาในวันวาน

คำพูดนับพันที่พวกเขาต้องการกล่าว กลับกลายเป็นความเงียบงัน ซึ่งดูเหมือนพวกเขาไม่ต้องการที่จะทำลายบรรยากาศอันเงียบสงบและสุขสันต์นี้

ในขณะนี้ เวลาดูจะเลือนหายไป…

“หญิงสาวคนนั้นอยู่ที่ใดกัน?” ในที่สุด ชิงซิ่วอี้กลับเป็นฝ่ายทำลายความเงียบสงบ แต่ประโยคแรกที่นางกล่าวกลับทำให้เฉินซีไม่ทันตั้งตัว และจิตใจของเขาสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนที่มันจะติดขัด

“คนไหน…หญิงสาวคนไหนหรือ?” ทันทีที่กล่าวเรื่องนี้ เฉินซีค้นพบว่า แม้แต่ลิ้นของเขาก็ตะกุกตะกักเช่นกัน และมันทำให้ชายหนุ่มหงุดหงิดใจเป็นอย่างมาก

“เกิดอะไรขึ้นกับข้า?”

ทั้งที่ไม่รู้ว่าทำผิดอะไร แต่เขาเองก็ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้

ดวงตาที่ใสกระจ่างของชิงซิ่วอี้หรี่ลงเล็กน้อย เหมือนพระจันทร์เสี้ยวคู่หนึ่งที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่นางกล่าวว่า “ข้าลืมไป ดูเหมือนตัวเจ้าจะไม่เคยขาดผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเลย”

คำพูดเหล่านี้ ทำให้เฉินซีรู้สึกติดขัดจนหายใจไม่ออกและละอายเล็กน้อย มันอึดอัดยิ่งกว่าเผชิญกับแรงกดดันจากเซียนทองคำด้วยซ้ำ

เขาจึงอ้าปากจะอธิบาย แต่ท้ายที่สุดก็ต้องหุบลง

เพราะสิ่งที่ชิงซิ่วอี้กล่าวก็ไม่ได้แตกต่างจากความจริงมากนัก เช่น ตู้ชิงซี เจิ้นหลิวชิง ฟ่านอวิ๋นหลาน มู่เหยา ย่าชิง อวิ๋นน่าและเหยียนเยียน หรือเป้ยหลิงที่ยังคงอยู่ในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ในตอนนี้…

นอกจากนี้ เขาไม่มีความกล้าที่จะปฏิเสธเรื่องทั้งหมดนี้ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องอยู่ของนาง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]