บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 996

บทที่ 996 ก่อความวุ่นวาย

บทที่ 996 ก่อความวุ่นวาย

ณ แคว้นสือ แดนภวังค์ทมิฬ

แคว้นสือเป็นแคว้นขนาดเล็กที่ตั้งอยู่บริเวณรอบนอกของเทือกเขากระบี่เก้าเรืองรอง ที่แห่งนี้มีค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติขนาดใหญ่ที่ใช้สำหรับเดินทางเข้าสู่นิกายกระบี่เก้าเรืองรองโดยตรง นอกจากนี้มันยังเป็นหนึ่งในแคว้นสวามิภักดิ์ของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองอีกด้วย

ค่ายกลเคลื่อนย้ายมิตินี้ตั้งอยู่ในเมืองทะเลสาบม่วงแห่งแคว้นสือ

ตอนนี้เอง ภายนอกอาคารขนาดใหญ่ของเมืองทะเลสาบม่วง คลาคล่ำไปด้วยกลุ่มคนที่ต่อแถวเป็นทางยาวไม่ต่างกับหนวดมังกรที่ถูกวาดขึ้นบนถนน เป็นภาพที่ตระการตาไม่น้อย

ผู้คนที่กำลังต่อแถวอยู่นี้ล้วนแต่เป็นผู้บ่มเพาะทั้งสิ้น ระดับการบ่มเพาะของพวกเขามีตั้งแต่ขอบเขตสถิตกายาขึ้นไป เหตุการณ์นี้หากเป็นในเวลาปกติแล้ว ก็คงจะทำให้ผู้คนทั้งเมืองทะเลสาบม่วงและแคว้นสือต้องตกตะลึงอย่างแน่นอน

เพราะอย่างไรแล้ว แคว้นสือก็เป็นเพียงแคว้นเล็ก ๆ กองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดจากทั้งสามร้อยหกสิบเมืองยังมีความแข็งแกร่งอยู่ในอันดับสองเท่านั้น ยิ่งกว่านั้น การมีอยู่ของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีแม้คนเดียว ก็เพียงพอจะสร้างเสียงเลื่องลือให้ก้องกระจายไปทั่วทั้งแคว้น

ดังนั้นแล้ว การที่มีผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีจำนวนมากมารวมตัวกันในเมืองทะเลสาบม่วง ทั้งยังเข้าแถวกันอย่างเป็นระบบระเบียบเช่นนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างมาก

ทว่าชาวเมืองทะเลสาบม่วงดูเหมือนจะเห็นภาพนี้จนชินตา พวกเขาจึงไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวแห่งความประหลาดใจ

“ฮึ่ม! การบ่มเพาะของเจ้าไม่เลวเลย เพียงแต่นิสัยค่อนข้างย่ำแย่ ด้วยเหตุนี้ เจ้าคงต้องเริ่มต้นจากการเป็นศิษย์สายนอกเสียก่อน!”

“กับแค่ขอบเขตเซียนปฐพีระดับหนึ่ง แต่อยากจะรับตำแหน่งผู้อาวุโสต่างนิกายหรือ? น่าขัน! หากเจ้าไม่พอใจก็ออกไปเสีย!”

“ขอบเขตสถิตกายาขั้นสมบูรณ์… ศักยภาพของเจ้าก็ไม่เลว เยี่ยม เจ้าผ่านการคัดเลือก”

ภายในห้องโถงกว้าง เสียงต่าง ๆ ดังอื้ออึงไปโดยรอบ ทำให้ผู้บ่มเพาะที่เข้าแถวเรียงรายอยู่ด้านนอกอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล

“เงื่อนไขในการคัดเลือกของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองไม่เข้มงวดเกินไปหน่อยหรือ? จนถึงตอนนี้ มีเพียงสามคนเท่านั้นที่ได้เป็นผู้อาวุโสต่างนิกาย ในขณะที่คนอื่น ๆ ต้องเริ่มต้นจากการเป็นศิษย์ หากข้ารู้เรื่องนี้เร็วกว่านี้ ข้าก็คงไม่มาให้เปลืองเวลาหรอก” ใครบางคนบ่นพึมพำเสียงแผ่วเบา

“โธ่เอ๊ย น้องชาย เจ้าอดทนข่มใจไว้หน่อยเถอะ ตอนนี้แดนภวังค์ทมิฬกำลังอยู่ในความโกลาหลครั้งใหญ่ กองกำลังจากต่างพิภพแทรกซึมไปทั่วทุกพื้นที่ของแดนภวังค์ทมิฬแล้ว ส่วนผู้บ่มเพาะจากนิกายเล็ก ๆ อย่างพวกเราย่อมทำได้เพียงแสวงหาที่หลบภัยที่ยิ่งใหญ่เพื่อให้ได้มีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น” คนผู้หนึ่งทอดถอนใจด้วยอารมณ์

“ที่พูดมาก็ไม่ผิด ข้าได้ยินมาว่ากองกำลังจากต่างพิภพกำลังสร้างปัญหาให้แก่อาณาเขตแคว้นสือของเราแล้ว ตอนนี้ สิ่งเดียวที่พวกเราทำได้ก็คือแสวงหาร่มเงาอย่างนิกายกระบี่เก้าเรืองรองไว้บังแดดฝน ส่วนเงื่อนไขที่ว่าเข้มงวดหรือไม่นั้น หาใช่เรื่องสำคัญแต่อย่างไร”

“ถูกต้อง แต่ตอนนี้ในหมู่พวกเรามีคนที่ไม่ได้อยู่ในขอบเขตสถิตกายาด้วยอย่างนั้นหรือ? ข้าว่าการที่เราต้องเริ่มต้นจากการเป็นศิษย์ในนิกายกระบี่เก้าเรืองรองนั้น มันออกจะขายหน้าไปเสียหน่อย”

“หึ! การเป็นศิษย์มันแย่ตรงไหนกัน? นิกายกระบี่เก้าเรืองรองน่ะเป็นหนึ่งในสิบนิกายเซียนเชียวนะ ศิษย์ของพวกเขาล้วนแต่เป็นคนที่ยอดเยี่ยมกันทั้งนั้น แล้วดูพวกเราสิ บ่มเพาะกันมาตั้งนานสองนาน ทว่าระดับการบ่มเพาะกลับยังอยู่ที่ขอบเขตสถิตกายาเท่านั้น จริงอยู่ที่ความแข็งแกร่งของพวกเรานั้นน่าเกรงขาม แต่หากเทียบกันในระยะยาว เรายังห่างชั้นจากพวกเขามากเหลือเกิน”

ทุกคนพูดคุยกันอย่างออกรส มีทั้งเสียงรำพึงรำพันและเสียงถอนหายใจที่ดังออกมาไม่หยุดหย่อน แต่ถึงอย่างนั้น ความรู้สึกที่ซ่อนลึกในใจของพวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นความวิตกและกดดันอันมหาศาล

แดนภวังค์ทมิฬในตอนนี้ตกอยู่ภายใต้วิกฤตครั้งใหญ่ เปลวไฟแห่งสงครามโหมกระหนำ่ในทุกหนแห่ง สัญญาณแห่งกองศึกดังกระหึ่มไปทั่วแคว้นแดนดิน ในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี กองทัพจากต่างพิภพได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งแดนภวังค์ทมิฬราวกระแสน้ำกัดเซาะแผ่นดิน สร้างความตกตะลึงครั้งใหญ่ให้แก่สรรพสิ่งบนโลก

ท่ามกลางสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ นอกจากกองกำลังอันแข็งแกร่งจากสิบนิกายเซียนและหกนิกายอสูรแล้ว ก็หาได้มีกองกำลังอื่นใดที่จะสามารถทัดทานเหล่าผู้คนจากต่างพิภพได้ ด้วยเหตุนี้ ผู้บ่มเพาะทั้งหลายไม่ว่าจะมีนิกายสังกัดหรือไม่ก็ตาม ล้วนแล้วแต่พยายามเข้าหากองกำลังที่ยิ่งใหญ่ต่าง ๆ เพื่อขอความคุ้มครอง

เนื่องจากแคว้นสือตั้งอยู่ในพื้นที่รอบนอกของเทือกเขากระบี่เก้าเรืองรอง และยังเป็นหนึ่งในแคว้นสวามิภักดิ์ของนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ดังนั้นผู้บ่มเพาะทั้งหลายจึงพยายามที่จะผูกมัดตัวเองไว้กับนิกายนี้

ทั้งนี้ ‘โถงรัศมีวิญญาณ’ ในเมืองทะเลสาบม่วงแห่งนี้ นับเป็นสาขาย่อยของนิกายกระบี่เก้าเรืองรองซึ่งมีหน้าที่ในการสรรหาศิษย์และบุคลากรที่มีความสามารถ อย่างไรก็ดี เนื่องจากสงครามได้ปะทุอยู่บ่อยครั้ง ส่งผลให้นิกายแทบจะไม่ปฏิเสธผู้ใดก็ตามที่เข้ามาขอฝากตัวเลย

การทำเช่นนี้ส่งผลให้นิกายกระบี่เก้าเรืองรองแผ่อิทธิพลออกไปได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว และพร้อมรับมือกับสถานการณ์รุนแรงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นแทบจะทุกวัน

จริงอยู่ที่คนส่วนใหญ่ได้รับการคัดเลือก แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะได้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ ตัวอย่างเช่นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตสถิตกายาที่มีความสามารถระดับปานกลางก็จะได้เริ่มต้นเข้ามาในฐานะศิษย์ขั้นต้นเท่านั้น

ในทางกลับกัน ผู้มีพรสวรรค์ก็จะได้รับการจัดลำดับความสำคัญไว้ตามระดับความสามารถ พวกเขาเหล่านี้จะได้รับการยอมรับในฐานะศิษย์สายในหรือศิษย์สายหลัก และมีโอกาสในการได้เลื่อนขั้นเป็นผู้อาวุโสค่อนข้างสูง

“เราจะเข้านิกายนี้จริง ๆ น่ะหรือ?”

“แน่สิ”

“พูดตามตรง หากเราเอ่ยชื่อของท่านลุงออกไป แน่นอนว่าพวกเขาต้องให้เราเข้าไปในนิกายกระบี่เก้าเรืองรองได้ในทันที ไม่มีผู้ใดกล้าห้ามพวกเราอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?

“บ้านมีกฎบ้าน เมืองมีกฎหมาย นิกายก็เช่นกัน”

“เอาเถิด ๆ ตามใจเจ้า ข้าจะไปว่าอันใดได้ แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ยังรู้สึกว่าความดื้อรั้นของเจ้านั้นช่างไร้เดียงสา เจ้าเคยสงสัยหรือไม่ว่าเหตุใดโลกนี้ถึงมีกฎ? แน่นอน มันมีไว้เพื่อกำราบคนอ่อนแอเท่านั้น สำหรับผู้แข็งแกร่งแล้ว กฎใด ๆ หาได้มีความหมายไม่ กฎที่แท้จริงนั้นล้วนแต่คือความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งสิ้น”

“นี่ไม่ใช่เรื่องไร้เดียงสาเสียหน่อย หากไม่อาจควบคุมความแข็งแกร่งได้ ก็ไม่มีวันจะแข็งแกร่งขึ้นต่างหากเล่า”

“พูดเช่นนี้หมายความว่าเจ้าไม่คิดจะพึ่งพาท่านลุงอย่างนั้นสินะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]