บทที่ 1000 ทะเบียนบ้านอำเภอเป่ยซี
เรื่องนี้ยังไม่จบแค่นี้
เหตุการณ์ที่ตระกูลหวังและตระกูลโจวต่อสู้กันเป็นสัญญาณเตือนฉินเฟิงว่า คำสัญญาปากเปล่าไม่เพียงพอและชาวบ้านที่เตยเห็นฉินเฟิงก็มีน้อย ชาวบ้านส่วนใหญ่แทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉินเฟิงหน้าตาเป็นอย่างไร
เมื่อมีระยะห่าง ย่อมมีช่องว่าง เมื่อมีช่องว่างก็อาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในจิตใจ
เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในจิตใจของชาวเมืองฉางสุ่ย ฉินเฟิงจึงออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด วันนี้จะมีการดำเนินการพิเศษ โดยสั่งให้ชาวบ้านทั่วทั้งเมือง แต่ละครอบครัวส่งตัวแทนมาหนึ่งคน เพื่อมารับทะเบียนบ้านของอำเภอเป่ยซีที่ศาลาว่าการอำเภอ
ฉินเฟิงนั่งประจำการด้วยตนเองที่ศาลาว่าการอำเภอเพื่อลงนามในเอกสารทะเบียนบ้านให้แก่ประชาชนด้วยลายมือของตนเอง
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย หลิ่วหมิงไม่กล้าประมาท จัดการปรับปรุงห้องโถงใหญ่ของศาลาว่าการอำเภออย่างเร่งด่วน
อันดับแรกนำโต๊ะเล็กมาวางไว้ที่ประตู ให้ส่งองครักษ์ค่ายเทียนจีสิบหกคนเฝ้ารักษาความปลอดภัยรอบศาลาว่าการอำเภอ
แม้ฉินเฟิงจะย้ำหลายครั้งว่าศาลาว่าการอำเภอปลอดภัยมาก ประชาชนไม่มีทางคุกคามความปลอดภัยของฉินเฟิงได้ แต่หลิ่วหมิงกลับยืนกรานอย่างแน่วแน่ เนื่องจากปัญหาด้านความปลอดภัยเป็นความรับผิดชอบของหนิงหู่กับหลิ่วหมิง รวมถึงคนอื่น ๆ ต่อให้ฉินเฟิงออกปากเองก็ไม่ได้ผล ฉินเฟิงจึงไม่ว่าอะไร ปล่อยให้หลิ่วหมิงจัดการ
ฉินเฟิงนั่งหลังโต๊ะเล็กด้วยตนเอง เตรียมกระดาษเซวียนและพู่กัน รอคอยประชาชนมารับเอกสารทะเบียนบ้าน ผลลัพธ์คือรออยู่ถึงครึ่งชั่วยามก็ไม่เห็นมีผู้ใดมา
ฉินเฟิงผิดหวัง “เกรงว่าชาวบ้านของอำเภอฉางสุ่ยจะยังไม่ไว้วางใจข้า”
เขาถอนหายใจ ความจริงก็พอเข้าใจได้ ยุคนี้ยังไม่มีคำว่าย้ายถิ่นฐาน หากชาวบ้านอำเภอฉางสุ่ยรับเอกสารทะเบียนบ้านของอำเภอเป่ยซีไป พวกเขาก็ถือว่าทรยศต่อแคว้นบ้านเกิดแล้ว
หากฉินเฟิงรักษาคำพูดพาพวกเขากลับอำเภอเป่ยซีจริง ๆ ก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้าฉินเฟิงเปลี่ยนใจ ชะตากรรมของผู้ที่รับเอกสารทะเบียนบ้านอำเภอเป่ยซีไปแล้วก็พอจะคาดเดาได้
หนิงหู่ที่คอยอยู่ข้าง ๆ ตลอดกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “คนพวกนี้ช่างไม่รู้จักมองการณ์ไกล การได้รับเอกสารทะเบียนบ้านอำเภอเป่ยซีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่ต่างอะไรจากได้ของขวัญจากสวรรค์ แต่พวกเขากลับไม่รู้จักทะนุถนอม”
“ตอนนีอำเภอเป่ยซีกลายเป็นอำเภออันดับหนึ่งได้รับความสนใจที่สุดแล้ว”
“ก่อนมาที่เป่ยตี๋ข้าได้ยินนายอำเภอหลินเล่าว่า ผู้ที่ต้องการมีทะเบียนบ้านอำเภอเป่ยซี ทุกวันต้องเข้าแถวยาวเหยียดรออยู่นอกศาลาว่าการอำเภอ ด้วยเนื่องจากประชากรในอำเภอเป่ยซีมีมาก นายอำเภอหลินจึงออกเอกสารทะเบียนบ้านเพียงวันละสิบฉบับ หนึ่งเดือนก็มีเพียงสามร้อยฉบับเท่านั้น”
“ได้ยินมาว่า เพื่อให้ได้ทะเบียนบ้านอำเภอเป่ยซี พ่อค้าหลายคนถึงกับลอบใช้เงินทองติดสินบนทั้งเบื้องบนและเบื้องล่าง น้อยสุดก็หลายสิบตำลึง มากสุดก็หลายร้อยตำลึง แม้ว่าเงินเหล่านี้จะเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ถูกพวกนักต้มตุ๋นหลอกเอาไปทั้งหมด แต่ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าทะเบียนบ้านอำเภอเป่ยซีมีค่ามากเพียงใด”
คำพูดเหล่านี้ของหนิงหู่ไม่ได้นับว่าเป็นการโอ้อวด ฉินเฟิงเคยได้ยินองครักษ์เสื้อแพรกล่าวถึงเรื่องนี้มาก่อน ถึงขนาดมีคำกล่าวแพร่หลายในท้องตลาดว่า ทะเบียนบ้านเพียงแห่งเดียวที่สามารถเทียบเคียงกับอำเภอเป่ยซีได้มีเพียงทะเบียนบ้านของเมืองหลวง
ชาวต้าเหลียงต่างบอกว่า ไม่เป็นข้าราชบริพารของฮ่องเต้ ก็ต้องเป็นราษฎรของชายแดนเหนือ
ฉินเฟิงไม่ชอบการเปรียบเทียบเช่นนี้ หากเรื่องนี้ลอยไปเข้าหูฮ่องเต้ต้าเหลียงย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะกระทบประสาทบอบบางของฮ่องเต้ต้าเหลียง
แต่ตอนนี้อำเภอเป่ยซีกำลังมีชื่อเสียง ต่อให้อยากจะวางตัวน้อมต่ำก็ทำได้ยาก
อีกทั้งเขางมองออกว่า ในเรื่องการแจกจ่ายทะเบียนบ้านให้แก่ชาวบ้านในอำเภอฉางสุ่ย หนิงหู่เหมือนจะมีท่าทีขมขื่นอยู่บ้าง เห็นได้ชัดว่าไม่อยากให้ชาวบ้านต่างถิ่นได้รับประโยชน์ง่าย ๆ


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ