บทที่ 999 ให้ทั้งความเมตตาและพลัง
หนิงหู่อารมณ์ร้อน กำลังจะโวยวายถาม หลิ่วหมิงรีบกระทุ้งศอกใส่หลังเขาเบา ๆ พอหันมองก็พบว่าหลิ่วหมิงกำลังส่งขยิบตาให้ หนิงหู่แม้อารมณ์ร้อนก็ไม่ใช่คนโง่เขลา เขาเข้าใจทันที ฉินเฟิงไม่ได้ใจอ่อน แต่มีแผนแล้ว
เฒ่าโจวคุกเข่าอยู่บนพื้น น้ำตาไหลพรากด้วยความซาบซึ้ง ก้มศีรษะคำนับฉินเฟิงไม่หยุดพลางกล่าวขอบคุณ
“ท่านโหวฉินพระคุณยิ่งใหญ่ ข้าน้อยจะไม่มีวันลืมตราบจนวันตาย”
“ต่อไปในเมืองฉางสุ่ย แค่ท่านเอ่ยปาก แม้จะเป็นภูเขาดาบทะเลเพลิงตระกูลโจวก็จะไม่เสียดายชีวิต”
“ท่านโหวฉินมีความเมตตาและคุณธรรมเหนือผู้ใด ใต้หล้านี้ไม่มีผู้ใดดีเท่าท่านโหวฉินอีกแล้ว”
ขณะที่ฟังคำประจบประแจงของเฒ่าโจว ฉินเฟิงไม่รู้สึกอะไรเลย แต่ที่แน่ ๆ หลังเหตุการณ์วันนี้ เขาไม่มีทางใช้คนตระกูลโจวอีกแล้ว
โชคดีที่หนิงหู่พบปัญหาแต่เนิ่น ๆ การต่อสู้ด้วยอาวุธครั้งนี้จึงจำกัดอยู่แค่ระหว่างตระกูลโจวกับตระกูลหวัง
หากตระกูลอื่น ๆ ก็ต่อสู้ด้วยอาจลุกลามกลายเป็นความวุ่นวายใหญ่ ผลที่ตามมาย่อมไม่อาจคาดเดาได้
พวกกลุ่มคนที่อาจก่อความไม่สงบย่อมต้องจัดการอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด ไม่มีที่ว่างให้เจรจาต่อรองใด ๆ
โจวต้าเซิงและพรรคพวกได้รับโทษ ส่วนเฒ่าโจวก็จะต้องได้รับโทษหนักเช่นกัน แต่สำหรับคนอื่น ๆ ในตระกูลโจว แม้จะมีข้อสงสัยว่าช่วยเหลือคนชั่ว แต่พวกเขาก็เป็นเพียงสามัญชนธรรมดา แม้ทำผิดแต่ก็ไม่ถึงขั้นร้ายแรง
ฉินเฟิงมองครอบครัวโจวที่หน้าซีดเซียว ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว เขากล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึม “ข้าขอเตือนพวกเจ้าสักคำ อย่าได้คิดว่าไม่มีโทษเพราะคำกล่าวที่ว่ากฎหมายไม่ลงโทษคนหมู่มาก”
“ใต้บังคับบัญชาของข้า ความผิดก็คือความผิด เมื่อทำผิดแล้วก็ต้องรับผลกรรมที่สมควร”
“แม้ฉางสุ่ยจะเป็นดินแดนของเป่ยตี๋ แต่ปัจจุบันกองทัพของข้าควบคุมไว้แล้ว ชั่วคราวนี้จึงเป็นอาณาเขตของข้าฉินเฟิง บนแผ่นดินใต้เท้าข้า แม้แต่โอรสสวรรค์ทำผิดก็ต้องรับโทษเช่นเดียวกับสามัญชน ไม่มีการละเว้นจากกฎหมาย”
“ตระกูลโจวของพวกเจ้า เดิมเป็นตระกูลใหญ่ของฉางสุ่ยสมควรจะร่วมแรงร่วมใจกันสร้างบ้านเมืองให้น่าอยู่ แต่พวกเจ้ากลับเป็นสมุนให้กับคนชั่ว ช่วยเหลือคนเลวทำความชั่ว”
“ไม่ว่าจะเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ของโจวต้าเซิงและพรรคพวก หรือความหยิ่งยโสของตาเฒ่าโจวล้วนได้รับการช่วยเหลือจากพวกเจ้าอยู่เบื้องหลัง”
“พวกเจ้าตระกูลโจวไม่เพียงละเมิดคำสั่ง แต่ยังก่อเหตุทะเลาะวิวาทต่อหน้าธารกำรัล ใช้อำนาจในทางมิชอบ ข้อหาใดข้อหาหนึ่งก็เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลของพวกเจ้าล่มสลายได้แล้ว”
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาดุดันและน้ำเสียงเคร่งขรึมของฉินเฟิง คนตระกูลโจวตกใจจนหน้าซีดเผือด ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
ในความเข้าใจของพวกเขา แค่มีคนในตระกูลได้เป็นขุนนาง ทั้งครอบครัวก็จะได้รับการยกย่องเชิดหน้าชูตา
การเป็นขุนนางแต่ไม่ใช้อำนาจในทางมิชอบ ไม่ฉ้อราษฎร์บังหลวง แล้วจะเป็นขุนนางไปทำไม?
และพวกเขาก็ไม่คาดคิดเลยว่า ฉินเฟิงที่อยู่ขุดสูงสุดในฉางสุ่ยตอนนี้จะค้นพบการทุจริตเล็ก ๆ น้อย ๆ ระดับล่างสุดได้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่เคยคิดว่าเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ฉินเฟิงจะออกหน้าจัดการเอง ทั้งยังมีท่าทีเคร่งครัดมาก คนตระกูลโจวหนาวสะท้านไปทั้งแผ่นหลัง
ไม่ว่าจะนึกถึงข่าวลือต่าง ๆ เกี่ยวกับฉินเฟิงหรือได้เห็นกับตาตัวเองที่หนิงหู่เตะโจวต้าเซิงตาย พวกเขาต่างคิดว่าสิ่งที่โง่เขลาที่สุดในชีวิตคือการไปยั่วโมโหฉินเฟิง
ในขณะที่ทุกคนคิดว่าตนเองต้องตายแน่ ๆ จนบางคนส่งเสียงสะอื้นไห้ ฉินเฟิงกลับเปลี่ยนน้ำเสียง แล้วกล่าวว่า “พวกเจ้าแม้จะน่าโมโหนัก! แต่เมื่อคำนึงถึงว่าตระกูลโจวมีสตรีและเด็กอยู่มาก ข้าจะละเว้นโทษประหาร ทว่าก็ยังคงต้องรับโทษอื่น”
“นับจากนี้ไป ชายฉกรรจ์แซ่โจวทุกคนภายในเมืองฉางสุ่ย ไม่ว่าจะสูงต่ำหรือมีฐานะใด จะต้องถูกเกณฑ์เข้าเป็นพลาธิการ คอยช่วยเหลือทหารในแนวหน้า หากมีสงครามเกิดขึ้นก็ต้องขนส่งเสบียงและอุปกรณ์ทางทหารไปยังแนวหน้า”
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ