บทที่ 1004 เรื่องเก่าของเป่ยตี๋
เสิ่นชิงฉือหัวเราะเบา ๆ มององค์หญิงจิ่งฉือด้วยสายตาราวกับกำลังมองเด็กสาวที่ไม่รู้ความเป็นไปของโลก
“อย่าเพิ่งใจร้อน ฟังข้าให้จบก่อนเถิด”
“หากไม่ใช่เพราะแคว้นของท่านบุกโจมตีแคว้นต้าเหลียงก่อน หมายจะปล้นชิงทรัพยากรของแคว้นต้าเหลียง สองแคงว้นจะต้องจมปลักอยู่ในสงครามยืดเยื้อหรือ? สงครามคราวนี้ส่งผลให้เป่ยตี๋สูญเสียกำลังของแคว้น ข้าวของแพง ภาษีสูง แรงงานมาก บีบคั้นกำลังของแคว้นอย่างหนัก”
“ส่วนพวกข้าต้าเหลียง เมื่อเผชิญกับการรุกรานจากแคว้นเป่ยตี๋ท่านย่อมต้องตอบโต้สุดกำลัง”
“การฉวยโอกาสตอนที่เป่ยตี๋อ่อนแอโจมตีให้ถึงที่สุด นับว่าเป็นวิธีที่ถูกต้องแล้ว!”
“หาไม่รอเป่ยตี๋ฟื้นคืน สะสมกำลังได้มากพอ แล้วยกทัพรุกทำสงครามกับต้าเหลียงหรือ? ฮ่า ๆๆ ใต้หล้านี้จะมีเรื่องดีเช่นนั้นได้อย่างไร”
“ขอองค์หญิงลองถามตัวเอง หากไม่ใช่เพราะบ้านเมืองอ่อนแอ หากไม่ใช่เพราะไม่มีกำลังที่จะทำสงคราม แคว้นเป่ยตี๋ท่านจะยอมอยู่อย่างสงบหรือ? เกรงว่าคงรวบรวมกองทัพใหญ่บุกแคว้นต้าเหลียงนานแล้วกระมัง?”
เมื่อเผชิญกับคำถามของเสิ่นชิงฉือ จิ่งฉืออยากจะโต้แนย้ง แต่ก็ต้องชะงัก สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
คำพูดของเสิ่นชิงฉือไม่ใช่คำเลื่อนลอยไร้ข้อเท็จจริง
จิ่งฉือก็รู้ดีแก่ใจ ด้วยสภาพการณ์พิเศษของเป่ยตี๋ หากเป่ยตี๋ต้องการพัฒนาก็จำเป็นต้องใช้กำลังทหารโจมตีต้าเหลียง ปล้นชิงดินแดนและทรัพยากร หาไม่ในอนาคตเมื่อประชากรเพิ่มมากขึ้น แต่ผืนดินขาดแคลนทรัพยากร ปัญหาปากท้องของราษฎรก็ยากจะแก้ได้ ไม่ต้องพูดถึงการพัฒนา
พอเห็นจิ่งฉือเงียบไป เสิ่นชิงฉือก็กล่าวว่า “ช่วงที่แคว้นเป่ยตี๋ท่านอ่อนแอที่สุด พวกข้าเปิดศึกฤดูหนาวตัดกำลังรบของพวกท่านให้สิ้นซาก”
“ศึกฤดูหนาวครั้งนี้ไม่ใช่แค่แคว้นต้าเหลียงรุกรานเป่ยตี๋ฝ่ายเดียว แต่เป็นการโต้กลับต่างหาก!”
“ท่านไม่ได้ฟังผิด นี่คือการแก้แค้นต่อจากสงครามระหว่างแคว้น”
“หรือท่านจะบอกว่า สองแคว้นได้เจรจาสงบศึกกันแล้ว การที่แคว้นต้าเหลียงแก้แค้นอีกนับว่าผิดหลักคุณธรรม? ฮึ ๆ หากการเจรจาได้ผลจริง ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา สองแคว้นเจรจากันมานับครั้งไม่ถ้วน แล้วเหตุใดเป่ยตี๋ยังคงรุกรานชายแดนแคว้นต้าเหลียงอยู่เรื่อยเล่า?”
“สงครามฤดูหนาวคราวนี้จึงเป็นเพียงส่วรขยายของสงครามระหว่างแคว้นเท่านั้น”
“ตอนนี้ข้าขอถามองค์หญิง แท้จริงแล้วผู้ใดกันแน่ที่เป็นต้นเหตุของสงครามฤดูหนาว?”
องค์หญิงจิ่งฉืออยากจะเถียงแต่จะเถียงอะไรได้ ด้วยนางเองก็รู้ดี ผู้ที่ก่อสงครามหาใช่ฉินเฟิง แต่เป็นผู้มีอำนาจของเป่ยตี๋ที่ตัดสินใจรุกรานแคว้นต้าเหลียงตั้งแต่แรก
หมายความว่า หากเป่ยตี๋ไม่รุกรานต้าเหลียงก่อน สงครามฤดูหนาวที่เป็นการโต้กลับของฉินเฟิงก็จะไม่เกิดขึ้น
แต่ฉินเฟิงก็บรรลุเป้าหมายแล้วไม่ใช่หรือ? ต่อให้เขาจะถอนทัพใตอนนี้ หากไม่ผ่านไปแปดปีสิบปีเป่ยตี๋ก็ไม่มีทางฟื้นฟูกลับมาได้ ช่วงเวลานี้เป่ยตี๋ไม่มีความสามารถที่จะท้าทายแคว้นต้าเหลียงอีกแล้ว
แต่ไยฉินเฟิงต้องไล่ล่าเป่ยตี๋จนถึงที่สุด? หรือเป็นเพราะต้องการสนับสนุนจิ่งเชียนอิ่งให้สืบทอดบัลลังก์?
เสิ่นชิงฉือเห็นแววตาไม่พอใจของจิ่งฉือ นางหัวเราะเสียงดัง “ฮ่า ๆ ท่านคงยังไม่รู้กระมัง?”
“เสด็จพ่อของท่าน ฮ่องเต้เป่ยตี๋ พระองค์ไม่เคยล้มเลิกการไล่ล่าจิ่งเชียนอิ่งแม้สักอึดใจ เพราะพระองค์รู้ดีว่าจิ่งเชียนอิ่งคือคนเพียงผู้เดียวที่อาจสั่นคลอนความชอบธรรมในการครองบัลลังก์ของพระองค์”
“มิใช่ว่าเฟิ่งเอ๋อร์ต้องการถอนรากถอนโคน แต่เป็นเพราะฮ่องเต้เป่ยตี๋ไม่ยอมปล่อยจิ่งเชียนอิ่งต่างหาก”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ แววตาขององค์หญิงจิ่งฉือพลันเปลี่ยนไป

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ