บทที่ 1006 เสบียงอาหารขาดแคลน
เมื่อเห็นองค์หญิงจิ่งฉือก้มหน้านิ่ง เสิ่นชิงฉือก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ลุกขึ้นแล้วเอ่ยเสียงนุ่มนวลว่า “ท่านลองคิดให้ดีเถิดว่าจะเลือกตายอย่างไร้ความหมาย หรือจะอดทนต่อความอัปยศเพื่อสร้างยุครุ่งเรืองให้แก่ราษฎร”
แล้วเสิ่นชิงฉือก็เดินออกจากลานบ้านไป จางเฉาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แม้จะคิดจะห้ามปรามจิ่งฉือหลายครั้ง อยากบอกให้นางเชื่อมั่นและจงรักภักดีต่อฮ่องเต้เป่ยตี๋ ไม่ควรทรยศต่อเป่ยตี๋โดยเด็ดขาด แต่ทุกครั้งที่คำพูดมาถึงริมฝีปาก ก็กลืนกลับลงไป
เพราะจุดยืนของจางเฉาก็ไม่มั่นคงเหมือนแต่ก่อน
หากฉินเฟิงตั้งใจจะทำลายล้างเป่ยตี๋ให้สิ้นซาก จางเฉาย่อมต่อสู้กับฉินเฟิงจนลมหายใจสุดท้าย แต่ปัญหาตอนนี้คือ ฉินเฟิงไม่ได้ตั้งใจจะทำลายเป่ยตี๋และไม่ได้คิดจะยึดเป่ยตี๋เป็นของตน
จิ่งเชียนอิ่งเป็นเชื้อพระวงศ์เป่ยตี๋อยู่แล้ว การที่นางจะสืบทอดบัลลังก์ไม่มีปัญหาใด ๆ แม้ว่าในอนาคตจิ่งเชียนอิ่งจะสละราชบัลลังก์ก็จะต้องเลือกทายาทตระกูลจิ่งคนใหม่มาสืบทอดต่อแน่
ยิ่งไปกว่านั้น จุดประสงค์ของฉินเฟิงคือการสร้างเป่ยตี๋ให้เป็นแคว้นที่มั่งคั่งและสงบสุข สำหรับจางเฉา เขาเห็นอนาคตที่งดงามไร้ขีดจำกัด
จางเฉาสับสนวุ่นวายใจ เขาไม่รู้ว่าควรเผชิญหน้ากับฉินเฟิงอย่างไร สุดท้ายจึงตัดสินใจมอบปัญหายากนี้ให้กับองค์หญิงจิ่งฉือ เขาหมุนตัวเดินออกไป
ฉีย่าไม่ได้จากไปไหน นางยังคงอยู่เคียงข้างองค์หญิงของนาง
“องค์หญิง ตอนนี้พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”
“ต่อให้ต่อต้านฉินเฟิงต่อไปแล้วสามารถเอาชนะฉินเฟิงได้ แต่แล้วจะอย่างไร สิ่งที่เหลือไว้ให้พวกเราจะมีเพียงแคว้นที่บาดเจ็บยับเยิน”
“ต่อจากนี้ต้องใช้เวลาอีกกี่ปีถึงจะฟื้นฟูความรุ่งโรจน์ในอดีตกลับมาได้?”
“อีกอย่าง แท้จริงแล้วแคว้นเป่ยตี๋เป็นแคว้นของตระกูลจิ่งหรือเป็นแคว้นของราษฎรกันแน่?”
ประโยคสุดท้ายของฉีย่าตรงใจจิ่งฉือนัก นี่ก็เป็นสิ่งที่นางวิตกมาตลอด ถ้าเพียงเพื่อรักษาอำนาจราชวงศ์เอาไว้ จนทำให้ราษฎรต้องทุกข์ยาก อดตาย นางย่อมไม่เห็นด้วย แต่หากเพื่อปกป้องแคว้นและประชาชน เกียรติยศและอำนาจของตระกูลจิ่งเหตุใดจะสละไม่ได้
จิ่งฉือจมอยู่ในความกลัดกลุ้ม ยังไม่อาจตัดสินใจได้ทันที
ราตรีย่างกราย ฉินเฟิงเพิ่งแจกจ่ายเอกสารทะเบียนบ้านเสร็จ ขณะกำลังจะพักผ่อนสักหน่อยกลับรู้สึกถึงความเย็นเฉียบสัมผัสบนใบหน้า
พอสัมผัสก็รู้ว่าเป็นหิมะกำลังโปรยปราย
“หิมะตก เป็นหิมะครั้งที่เท่าไหร่ของปีนี้แล้ว”
“ด้วยสภาพอากาศเช่นนี้เป่ยตี๋ช่างเป็นการซ้ำเติมจริง ๆ”
หลิ่วหมิงที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินคำพูดหนักใจของฉินเฟิง ก็อดไม่ไหว ถามด้วยความสงสัย “ท่านโหวฉิน เหตุใดท่านถึงเริ่มเห็นใจเป่ยตี๋ ข้าว่าหิมะยิ่งตกมากก็ยิ่งดี กองทัพของพวกเรามีเสบียงอุดมสมบูรณ์ ขณะที่เป่ยตี๋ต้องฝืนทำศึก ยิ่งสภาพแวดล้อมเลวร้ายก็ยิ่งเป็นผลดีต่อพวกเรา”
ฉินเฟิงถอนหายใจ “แม้จะเป็นเช่นนั้นจริง แต่ผู้ที่ต้องทนทุกข์สุดท้ายก็ก็คือราษฎร”
“ทุกครั้งที่หิมะตก ข้าไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะพรากชีวิตราษฎรไปมากเท่าใด”
“หากมองในแง่ของสงคราม ข้าก็หวังให้หิมะตกมากเท่าไรยิ่งดี ให้ฤดูหนาวอันหนาวเหน็บนี้ผ่านไปช้า ๆ แต่หากคำนึงถึงราษฎรผู้บริสุทธิ์ ในแง่ของความรู้สึก ข้ากลับหวังให้ฤดูหนาวผ่านพ้นไป ให้ฤดูใบไม้ผลิมาเยือนโดยเร็ว”
ฉินเฟิงเดินกลับอย่างเงียบ ๆ จิตใจหนักอึ้ง หลายสิ่งล้วนมีสองด้าน แม้แต่ตัวเขาก็ไม่อาจทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบได้


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ