บทที่ 1013 ไม่อาจต้านทานได้
การป้องกันเมืองเป็นเรื่องของผลลัพธ์ ไม่ใช่กระบวนการ
ฉินเฟิงได้ตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจนไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า ตนเองจะอยู่รอความตายในอำเภอฉางสุ่ยหรือจะคว้าชัยชนะในสงครามครั้ง
หากเป็นกรณีแรกก็เพียงแค่เสริมความแข็งแกร่งของกำแพงเมืองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ่วงเวลาที่ข้าศึกจะบุกตีกำแพงเมือง และยืดเวลาการตายของตนเองไว้ก็พอ
แต่หากเป็นกรณีหลัง การป้องกันเพียงอย่างเดียวย่อมไม่เพียงพอ
เพราะฝ่ายป้องกันจะได้เปรียบเพียงแค่ช่วงแรกเท่านั้น แต่เมื่อวานผ่านไป ความได้เปรียบก็จะแปรเปลี่ยนเป็นเสียเปรียบ แม้เมืองโดดเดี่ยวจะกักตุนเสบียงไว้มากมายเพียงใดก็ย่อมมีวันหมด ขณะที่ฝ่ายรุกสามารถเติมเต็มทั้งเสบียงและกำลังพลได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
การป้องกันพร้อมกับการโจมตีเท่านั้นจึงจะสามารถครอบครองความได้เปรียบในสนามรบได้
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อการโจมตีอย่างดุเดือดของศัตรูเริ่มอ่อนลง ฉินเฟิงจึงรีบถอดการป้องกันที่อยู่หลังประตูเมืองออกอย่างเงียบเฉียบในทันที
การป้องกันเหล่านี้สามารถขัดขวางการโจมตีของศัตรูได้ แต่ขณะเดียวกันก็ขัดขวางการเข้าออกของกองทัพป้องกันด้วย นับเป็นดาบสองคม
แต่ฉินเฟิงมีความคิดรอบคอบ การป้องกันที่ถอนออกไม่ได้ถูกนำออกไปทั้งหมด แต่กองไว้ที่สองข้างของประตูเมือง เพื่อให้พร้อมปิดประตูได้ทันทีหากศัตรูโจมตีอีกครั้ง
เมื่อประตูเมืองเปิดกว้าง ทหารม้าเบาที่เตรียมไว้ล่วงหน้าก็ทยอยมุ่งหน้าไปยังค่ายของศัตรู
คนสามคนที่เมื่อครู่ยังพูดคุยกันอย่างผ่อนคลาย บัดนี้เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น อารมณ์ความรู้สึกก็ค่อย ๆ เคร่งเครียดขึ้นมา
ฉินเฟิงจ้องมองไปยังค่ายของศัตรู พลางปักธูปหนึ่งดอกลงบนโต๊ะ
จากประตูเมืองไปถึงค่ายศัตรูใช้เวลาไปกลับใช้เพียงครึ่งก้านธูป นั่นหมายความว่าก่อนที่ธูปจะไหม้ถึงครึ่ง ฉินเฟิงจะต้องเห็นหนิงหู่พาพี่น้องมาปรากฏในสายตา
เวลาค่อย ๆ เคลื่อนผ่านไป ธูปครึ่งถูกเผาไหม้อย่างรวดเร็ว
ยามนี้ทั่วทั้งกำแพงเมืองเงียบกริบ ไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียง เพราะเกรงว่าจะรบกวนฉินเฟิง
แม้จะเงียบสงัดเช่นนี้ ฉินเฟิงก็ยังไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าแม้แต่น้อย นั่นหมายความว่า ทหารม้าเบาที่ส่งออกไปก่อนหน้านี้ยังไม่ได้กลับมา
หัวใจของฉินเฟิงแทบจะหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม หรือว่าข้าศึกจะคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าตนจะส่งทหารไปโจมตีแบบไม่คาดฝัน และได้เตรียมแผนการรับมือไว้อย่างรัดกุม
เป็นไปไม่ได้!
ฉินเฟิงรีบสลัดความคิดเหลวไหลนี้ทิ้งไปทันที ตอนนี้อำเภอฉางสุ่ยมั่นคงดั่งกำแพงทองแดง คนที่จะสามารถเปิดเผยความลับได้มีเพียงฉีย่าเท่านั้น
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าตอนนี้ฉีย่าอยู่ที่ศาลว่าการอำเภอ และฉินเฟิงก็ไม่ได้บอกแผนการโจมตีแบบนี้ให้ฉีย่ารู้ ถึงแม้จะบอกไป ฉีย่าก็ไม่มีโอกาสออกจากเมืองไปแจ้งข่าวได้
นั่นแสดงว่าหนิงหู่ไม่ได้ถูกซุ่มโจมตี แต่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นในระหว่างการบุกโจมตี
ฉินเฟิงเหลือบมองธูปที่ถูกเผาไหม้ไปแล้วสองในสามส่วน จึงตัดสินใจว่าไม่รอต่อแล้ว
ขณะที่ฉินเฟิงกำลังจะออกคำสั่งส่งกองกำลังเสริมไปสำรวจสถานการณ์ในค่ายศัตรู ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าดังแว่วมา
เมื่อมองไปตามเสียง เห็นทหารม้าคนหนึ่งควบม้ามาทางอำเภอฉางสุ่ยอย่างรวดเร็ว แม้จะอยู่ห่างออกไปไกล แต่ก็ตะโกนเสียงดังว่า “ท่านโหวอยู่หรือไม่ขอรับ!”
ฉินเฟิงรีบลุกขึ้นยืนทันที พลางตะโกนตอบว่า “ข้าฉินเฟิงอยู่ที่นี่ เกิดอะไรขึ้นที่แนวหน้า เหตุใดจึงไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ