บทที่ 1016 ก่อนล่มสลาย
แม้หลี่อวี้จะไม่กล่าวฮ่องเต้เป่ยตี๋ก็ทราบดีอยู่แก่ใจ วิธีที่สามนี้ย่อมเป็นการสละราชสมบัติด้วยพระองค์เอง
ไม่ว่าจะเป็นวิธีใด สำหรับฮ่องเต้เป่ยตี๋ล้วนเป็นเพียงการดื่มยาพิษดับกระหาย ไม่อาจแก้ปัญหาที่แท้จริงได้เลย
หากหนีไปทางเหนือ สภาพแวดล้อมทางเหนือเลวร้ายนัก ไร้โอกาสในการพัฒนา แม้ให้เวลาฮ่องเต้เป่ยตี๋สักสิบปีเพื่อสงบใจก็ไม่อาจก่อคลื่นลมใดได้อีก
การยึดมั่นในเมืองหลวงก็ทำได้ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่ากองทัพประจำเมืองหลวงตอนนี้ขาดขวัญกำลังใจ ใครเล่าจะยอมติดตามฮ่องเต้เป่ยตี๋ไปพบชะตากรรมที่แน่นอนอยู่แล้ว
สำหรับการสละราชสมบัติ ทั้งในแง่ส่วนรวมและส่วนตัว ทั้งด้านอารมณ์และเหตุผล ล้วนไม่อยู่ในขอบเขตการพิจารณาของฮ่องเต้เป่ยตี๋แม้แต่น้อย
หลังครุ่นคิดยาวนาน ฮ่องเต้เป่ยตี๋ก็ตัดสินใจอย่างที่แม้แต่หลี่อวี้ก็ไม่คาดคิดมาก่อน
“ออกรบด้วยตัวเอง!”
“ข้าจะนำเหล่าขุนนางผู้ซื่อสัตย์ออกรบกับกองทัพฉินเฟิงด้วยตัวเอง!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายพระเนตรที่แน่วแน่ของฮ่องเต้เป่ยตี๋ หลี่อวี้ถอนหายใจ ครุ่นคิดในใจว่า ขณะนี้ฮ่องเต้เป่ยตี๋ยังสามารถจุดประกายความกล้าหาญเช่นนี้ได้ ไม่เสื่อมเกียรติแห่งการเป็นจอมทัพผู้ยิ่งใหญ่ของเป่ยตี๋แม้แต่น้อย
การออกรบด้วยพระองค์เองนับเป็นวิธีที่ไม่เลว บางทีอาจสามารถปลุกขวัญกำลังใจทหารให้กลับมาได้อีกครั้ง
แม้โอกาสในการพลิกสถานการณ์จะน้อย แต่การต่อสู้กระทั่งลมหายใจสุดท้ายอาจจะสร้างอนาคตได้บ้าง
เมื่อฮ่องเต้เป่ยตี๋ได้ตัดสินใจ หลี่อวี้ก็ไม่อาจลังเล พอได้รับคำสั่งก็ประกาศการตัดสินใจของฮ่องเต้เป่ยตี๋ ระดมกำลังทหารของราชสำนักเต็มกำลัง เพื่อการต่อสู้ครั้งสุดท้ายกับข้าศึก
ข่าวส่งถึงกรมกลาโหมเป็นอันดับแรก ตอนนี้กรมกลาโหมแทบจะว่างเปล่า เหลือเจ้าหน้าที่เพียงไม่กี่คนคอยดูแลการดำเนินงานขั้นพื้นฐาน
ผู้ช่วยเสนาบดีกรมกลาโหมออกจากเมืองหลวงไปกับเฉินซือแล้ว
แต่เสนาบดีกรมกลาโหมแม้สนิทสนมกับเฉินซือกลับยังอยู่ ในฐานะขุนนางอาวุโส แม้อยู่ในเมืองหลวง ‘ฮ่องเต้องค์ใหม่’ ก็คงไม่สร้างความยากลำบากต่อเขา ยิ่งกว่านั้นเสนาบดีกรมกลาโหมยังคงกล้าหาญ ตั้งปณิธานจะอยู่เคียงข้างแคว้นจนวาระสุดท้าย
แต่เมื่อรู้ว่าฮ่องเต้เป่ยตี๋จะเสด็จทำสงครามด้วยพระองค์เอง เสนาบดีกรมกลาโหมกลับมิได้ให้สนับสนุนอย่างกระตือรือร้น ทั้งยังปฏิเสธอย่างอ้อม ๆ
“ใต้เท้าหลี่ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว อย่าได้สร้างความหวังลม ๆ แล้ง ๆ อีกเลย”
“สถานการณ์ปัจจุบันท่านก็รู้ดี เพื่อจัดหาพลาธิการให้กับเอ้อโจว เรารีดนาทาเร้นทุกอำเภอในเขตเมืองหลวงจนหมดสิ้น ตอนนี้ประชาชนโกรธแค้น บีบคั้นเอาเสบียงแทบไม่ได้แล้ว”
“เมื่อวานเจ้าหน้าที่ที่ไปหาเสบียงตามท้องที่ต่างก็ต้องหนีกลับมา ทหารที่พาไปด้วยล้วนถูกมวลชนฆ่าตาย”
“ประชาชนไร้หนทางรอด หากบีบคั้นต่อ ก่อนที่จะได้เผชิญหน้ากับฉินเฟิงเรา ไม่แน่ว่าอาจถูกประชาชนที่โกรธแค้นทำลายก่อนแล้ว”
การทำศึกจำเป็นต้องใช้เงิน แม้แต่ในกรณีที่ฮ่องเต้เสด็จนำทัพด้วยพระองค์เอง ขั้นตอนแรกคือการเคลื่อนย้ายกำลังพล ส่วนขั้นตอนที่สองคือการจัดหาเสบียงอาหาร
หากปราศจากเสบียง กองทัพที่เกณฑ์มาจะกระจัดกระจายภายในสองวัน
ขณะนี้เป่ยตี๋ขาดแคลนเสบียงมากที่สุด
ไม่ใช่เพราะเสนาบดีกรมกลาโหมไม่สนับสนุนพระบัญชาฮ่องเต้เป่ยตี๋ แต่เป็นเพราะต้องเผชิญกับปัญหาที่แท้จริง
หลี่อวี้ย่อมทราบดีถึงสถานการณ์ของแคว้น แต่ยังคงหวังว่าฮ่องเต้เป่ยตี๋จะสามารถกอบกู้วิกฤติได้
เขาถามว่า “แม้จะไม่มีเสบียงสำหรับกองทัพนับหมื่นคน แต่เงินเดือนทหารสามพันถึงห้าพันคนก็หาไม่ได้หรือ”



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ