เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ นิยาย บท 1024

บทที่ 1024 ความคิดของหลิ่วหมิง

ตำแหน่งของฉินเฟิงย่อมไม่ต้องกล่าวถึง และอำนาจทหารของอำเภอเป่ยซีที่แท้จริงอยู่ในมือของสวีโม่

แม้ว่าอำเภอเป่ยซีจะมีแม่ทัพสามคน แต่หลี่จางและหนิงหู่ไม่อาจเทียบเคียงกับสวีโม่ได้เลย สวีโม่ไม่เพียงแต่เป็นแม่ทัพที่มีความสามารถ แต่ยังควบคุมอำนาจการสั่งการโดยตรงของกองทัพรบไกลเป่ยซี และสวีโม่ก็ยังมีสิทธิ์ในการเคลื่อนย้ายกองกำลังประจำการและกองกำลังหลักของอำเภอเป่ยซีด้วย

กระนั้นการเคลื่อนย้ายกองกำลังหลักก็ยังจำเป็นต้องได้รับการพยักหน้าเห็นชอบจากแม่ทัพทั้งสามคนพร้อมกันคือ สวีโม่ หลี่จาง และหนิงหู่

แต่แค่กองทัพรบไกลเป่ยซีก็ทำให้สวีโม่นั่งตำแหน่งแม่ทัพสูงสุดของอำเภอเป่ยซีได้มั่นคงจนไม่มีผู้ใดสามารถสั่นคลอนได้แล้ว

อำนาจทหารในมือของสวีโม่ยิ่งใหญ่ เป็นสัญญาณอันตราย แม้ว่าสวีโม่จะจงรักภักดีต่อฉินเฟิง แต่แม่ทัพใต้บังคับบัญชาของสวีโม่เล่า? บรรดาทหารประจำตระกูลของสวีโม่เล่า? ล้วนเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้

เพื่อถ่วงอำนาจสวีโม่เลยจำเป็นต้องมีเขา หลิ่วหมิง

กองทัพใต้การนำของสวีโม่มีเพียงทหารส่งสารและหน่วยลาดตระเวนสำรวจ ไม่มีหน่วยข่าวกรอง กล่าวได้ว่า ทุกคนที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของสวีโม่ล้วนอยู่ภายใต้การเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดขององครักษ์เสื้อแพร

ยิ่งกว่านั้น นอกจากฉินเฟิงและหลิ่วหมิงไม่มีผู้ใดรู้ว่ามีหน่วยอาวุธมืดขององครักษ์เสื้อแพรที่คอยรักษาสภาพพร้อมรบสูงสุดตลอดเวลา และภารกิจหลักมีเพียงอย่างเดียว…การลอบสังหารคนระดับสูงเมื่อจำเป็น

ขณะเดียวกัน องครักษ์เสื้อแพรยังยึดครองอำนาจข่าวกรองไว้แน่นหนา และจะไม่มีทางมอบอำนาจนี้ให้กับทหารโดยเด็ดขาด

แน่นอน วันที่องครักษ์เสื้อแพรจะเริ่มการชำระล้างอย่างโหดเหี้ยมอาจไม่มีวันมาถึง แต่ฉินเฟิงมองการณ์ไกล ป้องกันล่วงหน้า แม้แต่กับญาติมิตรที่ไว้ใจที่สุดก็มีแผนสำรองเสมอ

ฉินเฟิงได้วางแผนความเป็นความตายของอำเภอเป่ยซีเหนือกว่าผลประโยชน์ส่วนตน ไม่อาจมีผลประโยชน์ใด ๆ ที่จะสามารถข่มความเป็นอยู่ของชาวบ้านในอำเภอเป่ยซีได้

นี่ก็คือเหตุผลที่หลิ่วหมิงเลื่อมใสและยอมรับฉินเฟิงอย่างไร้ข้อกังขา

ขณะเดียวกัน หลิ่วหมิงก็รู้ หนิงหู่คือคนที่จับตาเขา และเฝ้าระวังมานานแล้ว ในฐานะองครักษ์ประจำตัวของฉินเฟิง พลังรบขององครักษ์ค่ายเทียนจีไม่ต้องสงสัย และสิ่งสำคัญที่สุดคือ องครักษ์ค่ายเทียนจีเป็นกองทัพที่ดุดันเด็ดขาด ไม่มีการต่อรองกับศัตรูใด ๆ เมื่อได้รับคำสั่ง พวกเขาจะกำจัดศัตรูที่อาจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด

หากวันใดที่หลิ่วหมิงกบฏหรือมีอำนาจมากเกินไป นั่นคือช่วงเวลาที่หนิงหู่จะเข้ามาจัดการ

แน่นอนหนิงหู่เป็นเพียงองครักษ์ มีอำนาจส่วนตัวน้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทหารหรือชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน นั่นก็เพราะเป็นมาตรการป้องกันของฉินเฟิง ไม่ให้องครักษ์ค่ายเทียนจีหลุดการควบคุมและขยายอำนาจโดยพลการ

ส่วนหลี่จางเป็นผู้ดูแลกิจการภายในและความเป็นอยู่ของประชาชนภายในอำเภอเป่ยซีและมีสิทธิ์ในการพูดคุยทางทหารระดับหนึ่ง

แม้แต่หลินฉวีฉีก็เป็นแขนขาของหลี่จาง กล่าวได้ว่า หากหลี่จางและหลินฉวีฉีร่วมมือก็สามารถควบคุมกิจการภายในของอำเภอเป่ยซีทั้งหมดได้

ไม่ว่าหลี่จางและหลินฉวีฉีจะเอียงไปทางใดในสามฝ่ายก็จะสามารถสร้างความได้เปรียบอย่างเด็ดขาดให้ฝ่ายนั้น

ทว่าหลี่จางจะสามารถเกณฑ์ทหารได้เพียงในช่วงสงครามเท่านั้น หากไร้สงคราม เขาก็เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง

นอกเหนือจากอำเภอเป่ยซี ฉินเฟิงยังวางชั้นความปลอดภัยไว้ภายนอก และชั้นความปลอดภัยนี้ก็คือสามแม่ทัพใหญ่แห่งชายแดนเหนือ

ตลอดมาฉินเฟิงไม่ได้ให้สามท่านแม่ทัพเข้าสู่อำเภอเป่ยซี ทั้งเรื่องการทหารและการคลังต่างก็เป็นอิสระต่อกัน เพียงแต่ร่วมกันดูแลชายแดนเหนือเท่านั้น

บทที่ 1024 ความคิดของหลิ่วหมิง 1

บทที่ 1024 ความคิดของหลิ่วหมิง 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ