บทที่ 1044 เกียรติยศครั้งสุดท้ายแห่งเป่ยตี๋
หลี่อวี้หยุดเดินกะทันหัน แต่ไม่ได้หันกลับ เพียงเอ่ยถามอย่างเรียบเฉย “ไม่ทราบว่าซื่อจื่อมีธุระใด?”
หลี่จางก็ไม่ยอมพูดเยิ่นเย้อ กล่าวตรงไปตรงมาว่า “นับตั้งแต่พวกเราเดินทางมายังวังหลังสังหารเพียงหนึ่งชีวิตเท่านั้น”
“รวมถึงนางกำนัลตรงหน้า มีพระสนมทั้งหมดห้าคนที่สมัครใจสละชีพเพื่อชาติ”
“ไม่ทราบว่าเป็นเพราะสตรีของเป่ยตี๋มีนิสัยกล้าหาญหรือใต้เท้าหลี่กระจายข่าวลือก่อนออกจากพระราชวัง โดยบอกว่าโหวฉินจะทำการสังหารครั้งใหญ่ เป็นการใบ้ให้พวกนางคิดฆ่าตัวตายล่วงหน้า”
เผชิญหน้ากับคำถามของหลี่จาง หลี่อวี้เพียงยักไหล่ แล้วกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “พวกนางเป็นพระสนมย่อมต้องทำเช่นนี้มิใช่หรือ”
หลี่จางคลายมือ แล้วกล่าวเสียงเย็น “ควรเป็นเช่นนี้? ด้วยเหตุใด?”
หลี่อวี้หมุนตัวกลับมาช้า ๆ สบสายตาคมกริบของหลี่จาง แล้วถาม “หากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับแผ่นดินของท่าน ไม่ทราบว่าเหล่านางในวังหลังของท่านวังหลังมีความกล้าหาญพอที่จะสละชีพเพื่อชาติหรือไม่?”
“เป่ยตี๋แม้จะพ่ายแพ้ แต่ความกล้าหาญนี้ควรมีบ้างมิใช่หรือ?”
หลี่จางเข้าใจแล้ว หลี่อวี้แอบส่งสัญญาณให้เหล่านางในวังหลังฆ่าตัวตายก็เพื่อเรียกร้องเกียรติสุดท้ายให้กับเป่ยตี๋ ให้คนทั่วโลกรู้ว่าเป่ยตี๋ไม่ใช่คนขี้ขลาด แต่แพ้เพราะโชคชะตา
หากไม่มีฤดูหนาวอันโหดร้าย ใครจะรู้ได้ว่าจะเป็นผู้ชนะ
แม้ตอนนี้เหมือนจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเหลวไหล แต่สำหรับหลี่อวี้ เกียรติของเป่ยตี๋สำคัญยิ่งกว่าชีวิตมนุษย์
เหล่านางกำนัลที่สมัครใจสละชีพเพื่อชาตินั้น เพียงพอที่จะพิสูจน์ถึงความกล้าหาญของเป่ยตี๋
หลี่จางตระหนักบางอย่างจึงซักไซ้ “เจ้ายังมีความลับอีกกี่เรื่อง?”
หลี่อวี้รู้ดีว่าหลี่จางเป็นคนฉลาด แม้จะไม่เหมือนฉินเฟิงที่เจ้าเล่ห์นัก แต่ก็ไม่ใช่คนง่ายๆ
เมื่อหลี่จางถามเช่นนี้ แสดงว่าเขาสังเกตเห็นบางสิ่งแล้ว
หลี่อวี้ไม่ได้ปกปิด ตอบด้วยน้ำเสียงหนัก “นับเป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท แม้ข้าจะทรยศต่อฝ่าบาท แต่ก่อนออกจากพระราขชวัง ฝ่าบาทยังทรงมอบหมายเรื่องนี้ให้ข้า”
“ในฐานะขุนนาง ข้าทำตามพระประสงค์ของฝ่าบาทข้าเป็นครั้งสุดท้ายไม่ได้เชียวหรือ?”
มองดวงตาหม่นหมองของหลี่อวี้ หลี่จางไม่ซักถามต่อ เขาทิ้งหลี่อวี้ไว้ แล้วพาคนเดินรวดเร็วไปยังห้องทรงพระอักษรที่คุมขังฮ่องเต้เป่ยตี๋
เมื่อมาถึง ฮ่องเต้เป่ยตี๋นั่งอยู่หลังบัลลังก์มังกร ถือไม้อยู่ในพระหัตถ์
ด้านตะวันออกของห้องทรงพระอักษรมีเก้าอี้หักกระจาย
ชัดเจนว่า ไม้ในมือของฮ่องเต้เป่ยตี๋คือขาเก้าอี้
ฮ่องเต้เป่ยตี๋ใช้เศษชามกระเบื้องเหลาจาเก้าอี้จนแหลมคม พอเห็นหลี่จางมาฮ่องเต้เป่ยตี๋ก็ยิ้มขมขื่น
“ก่อนเจิ้นจะจากไป เหตุใดยังไม่ได้เห็นหน้าโหวฉินสักครั้ง”
“ตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้นเจิ้นก็ต่อสู้กับโหวฉินมาโดยตลอด บัดนี้พ่ายแพ้หมดรูปแล้ว แม้แต่หน้าตาของศัตรูก็ยังไม่อาจได้เห็น ช่างน่าขันนัก”
นับแต่ฉินเฟิงมาถึงเป่ยตี๋ก็ยังไม่มีโอกาสได้พบกับฮ่องเต้เป่ยตี๋เลย
บัดนี้สงครามสิ้นสุดลง เป่ยตี๋ถูกโจมตียึดครองทั้งหมด ฮ่องเต้เป่ยตี๋และฉินเฟิงผู้เป็นทูตจากแคว้นต้าเหลียงกลับยังไม่เคยพบหน้าแม้แต่ครั้งเดียว หากเรื่องแพร่ออกไปคงไม่มีผู้ใดเชื่อ
แต่ข้อเท็จจริงก็เป็นเช่นนี้
หลี่จางขมวดคิ้วแน่น กล่าวด้วยน้ำเสียงหนัก “เจ้าสามารถมีชีวิตรอดได้ แต่เหตุใดจึงต้องก้าวย่างเช่นนี้”
เนื่องจากระยะห่างจากบัลลังก์ไกลเกินไป แม้แต่หนิงหู่ก็ไม่อาจแย่งไม้แหลมมาก่อนฮ่องเต้เป่ยตี๋จะลงมือฆ่าตัวตายได้
หลี่จางไม่มีความหวังอีกแล้ว ทำได้เพียงพยายามห้ามปรามย
สายตาของฮ่องเต้เป่ยตี๋ไร้การเปลี่ยนแปลง จ้องไม้แหลมในมือ แล้วส่ายศีรษะ เหยียดยิ้มขมขื่น “เจิ้นแพ้ แพ้อย่างราบคาบ”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ