บทที่ 1050 ประกาศตัวเป็นอ่องเต้ป๋อโจว
“องค์ชาย ฮ่องเต้พระองค์ก่อนเพิ่งเสด็จสวรรคต ตอนนี้คือโอกาสอันดีที่จะขึ้นครองราชย์ บรรดาผู้มีความสามารถทั่วหล้าจะเดินทางมาเข้าร่วมกับป๋อโจว ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากำลังพลของเราจะเพิ่มขึ้น”
“เพียงแค่ซ่อนตัวสักสองสามปี พวกเราก็จะมีกำลังพอจะสู้รบอีกครั้ง”
“ถึงเวลานั้น พวกเราก็จะสามารถบุกยึดเมืองหลวงเป่ยตี๋ ปลดจิ่งเชียนอิ่งลงจากบัลลังก์ ปราบความวุ่นวายให้กลับคืนสู่ความถูกต้อง นำราชวงศ์จิ่งกลับคืนสู่ความชอบธรรม”
ตอนแรกจิ่งเผิงยังกังวลอยู่บ้าง กลัวว่าความทะเยอทะยานอยากขึ้นเป็นฮ่องเต้ของตนจะถูกขัดขวาง
แต่ผลปรากฏว่า อู๋คัสนับสนุนเขาเต็มที่ จิ่งเผิงจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“กล่าวได้ดี!”
“ยามนี้แคว้นของพวกเราตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูเกินครึ่งแล้ว มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่จะเป็นความหวังสุดท้ายในการพลิกสถานการณ์”
“เพียงแค่รวบรวมวีรบุรุษทั่วหล้าย่อมสามารถฟื้นฟูกองทัพขึ้นมาใหม่ได้อย่างแน่นอน”
“แล้วแม่ทัพอู๋ก็จะได้เป็นขุนนางผู้มีความดีความชอบอันดับหนึ่ง!”
จิ่งเผิงพูดมาถึงตรงนี้ จู่ ๆ ก็ถามขึ้นประโยคหนึ่ง “แม่ทัพใหญ่เฉินซือไปที่ใด เหตุใดยังไม่มาอีก?”
อู๋คังส่ายหน้า “ท่านแม่ทัพอยู่ในเมือง บอกว่าต้องไว้อาลัยฝ่าบาท วันนี้จึงไม่มา”
จิ่งเผิงขมวดคิ้วไม่พอใจ “แม้ท่านแม่ทัพจะมีความสามารถล้ำเลิศ แต่นิสัยกลับหยิ่งผยองเกินไป บัดนี้มาถึงเยาเฉิงแล้วยังจะไม่ยอมลดตัวลงมาอีกหรือ”
อู๋คังเลื่อมใสในความสามารถของเฉินซือจากใจจริง ไม่อยากนินทาลับหลัง แต่เขาก็รู้ดีว่าแม่ทัพเฉินซือจะไม่มีวันยอมรับการขึ้นครองราชย์ของจิ่งเผิง
เหตุผลก็ไม่ยากที่จะเดา ประการแรก หากขึ้นครองราชย์ตอนนี้มีโอกาสสูงที่จะถูกฉินเฟิงโจมตีอย่างรุนแรง
ประการที่สอง ตอนนี้ยังไม่มีเหตุผลที่จะขึ้นครองราชย์ แม้จะอ้างว่าต้องการแก้แค้นให้ฮ่องเต้เป่ยตี๋ก็เป็นเพียง ‘บุตรกตัญญู’ ไม่ใช่ข้ออ้างที่สมเหตุสมผลในการขึ้นครองราชย์
การประกาศตนเป็นฮ่องเต้อย่างไร้เหตุผลอาจนำมาซึ่งการถูกประณามว่าเป็นกบฏและผู้ทรยศได้อย่างง่ายดาย
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร จิ่งเชียนอิ่งได้รับการสนับสนุนจากขุนนางราชสำนักแล้ว ถือว่าชอบธรรมตามครรลอง ส่วนจิ่งเผิงที่โดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งขาดความชอบธรรมอย่างแท้จริง
อู๋คังย่อมรู้ดีว่าความกังวลของแม่ทัพเฉินมีเหตุผล
แต่หากไม่คว้าโอกาสตอนนี้ เมื่อเป่ยตี๋ถูกจิ่งเชียนอิ่งควบคุมอย่างสมบูรณ์แล้ว ตอนนั้นอยากกอบกู้สถานการณ์ก็จะยากแล้ว
กล่าวได้ว่า เฉินซือคืออุปสรรคใหญ่ที่สุดต่อการพัฒนาเมืองป๋อโจว
อู๋คังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเสนอว่า “องค์ชาย ไม่สู้ให้แม่ทัพเฉินได้พักผ่อนสักระยะ รอให้ป๋อโจวมั่นคงเสียก่อน แล้วค่อยแต่งตั้งแม่ทัพเฉินกลับมาเล่า”
จิ่งเผิงกำลังคิดเช่นนี้พอดี!
เฉินซือมีอิทธิพลในกองทัพสูงเกินไปมีแนวโน้มความดีความชอบมากเกินหน้าผู้เป็นนายอย่างจิ่งเผิง อีกทั้งเฉินซือยังมีความคิดทางการเมืองที่ขัดแย้งกับเขา หากปล่อยให้สถานการณ์ตึงเครียดต่อไป เกรงว่าความสำเร็จที่อยู่แค่เอื้อมจะพังทลาย
การลดทอนอำนาจของเฉินซือชั่วคราวจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
เพียงแต่จิ่งเผิงกังวลใจ “หากแม่ทัพเฉินไม่ยอมจะทำอย่างไร?”
ความหมายของคำพูดนี้ชัดเจนมาก หากถึงขั้นต้องแตกหัก ทั้งสองฝ่ายต้องต่อสู้กัน ด้วยพลังของเฉินซือเกรงว่าจะสังหารเขาก่อนที่ฉินเฟิงจะทันได้ลงมือ
อู๋คังโบกมือบอกจิ่งเผิงว่าไม่ต้องกังวล “แม่ทัพเฉินตามพวกเรามาถึงป๋อโจว แสดงว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”
“แม้ว่าแม่ทัพเฉินจะมีความคิดทางการเมืองไม่ตรงกับพวกเรา แต่ข้าเชื่อว่าเขาจะให้ความร่วมมือแน่”
“หรือพูดอีกอย่างก็คือ การให้แม่ทัพเฉินได้พักผ่อนชั่วคราวเป็นความประสงค์ของเขาเอง”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ