บทที่ 1052 ความสัมพันธ์อันดีระหว่างตระกูลฉินและราชวงศ์หลี่
ตอนแรกฮ่องเต้ต้าเหลียงยังกังวลว่าจะพระราชทานรางวัลใดให้ฉินเฟิงดี แต่ตอนนี้การแต่งงานถือเป็นรางวัลที่เหมาะสมที่สุด เพราะต่อให้ฉินเฟิงดื้อดึงจะแต่งงานกับสตรีอื่นก็จะมีสถานะเพียงอนุภรรยาเท่านั้น ไม่เพียงฮ่องเต้ต้าเหลียงจะไม่รับรอง แม้แต่ผู้คนทั่วหล้าก็จะไม่ยอมรับ
ยศถาบรรดาศักดิ์สำคัญยิ่งสำหรับทุกคน
และตามที่ฮ่องเต้ต้าเหลียงทราบ นอกเหนือจากหลี่เซียวหลาน จิ่งเชียนอิ่ง และเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์แล้ว สตรีที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือกับฉินเฟิงยังมีอีกไม่น้อย
ขอเพียงฉินเฟิงตั้งใจทำงานและจงรักภักดีต่อต้าเหลียง การจะมอบยศถาบรรดาศักดิ์ให้สตรีเหล่านั้นก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้
ส่วนตอนนี้ เรื่องสำคัญที่สุดของต้าเหลียงคือการต้อนรับการกลับมาอย่างผู้ชนะของฉินเฟิงและจัดการกับตระกูลใหญ่ทางใต้ให้เรียบร้อย
การประชุมราชสำนักจึงจบลงอย่างรวดเร็ว
ฮ่องเต้ต้าเหลียงเสด็จกลับห้องทรงพระอักษร ไม่นานฉินเทียนหู่ก็มาถึง
หลังจากจางซิวเย่ออกไป ภายในห้องทรงพระอักษรเหลือเพียงฮ่องเต้ต้าเหลียงกับฉินเทียนหู่สองคน
ขณะที่ฉินเทียนหู่กำลังจะคำนับ ฮ่องเต้ต้าเหลียงก็โบกมือพลางหัวเราะเบา ๆ “ใต้เท้าฉินไม่ต้องมากพิธีแล้ว”
“เจ้าคือขุนนางผู้จงรักภักดีอันดับหนึ่งของต้าเหลียง อีกทั้งไม่นานก็จะกลายเป็นญาติของเจิ้น ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับเจิ้นในฐานะขุนนางและฮ่องเต้จะกลายเป็นตำนานที่คนรุ่นหลังต้องจารึกไว้ให้จดจำ”
“ไม่มีคนนอกแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องมากพิธี”
แม้จะได้รับการอนุญาตจากฮ่องเต้ แต่ฉินเทียนหู่ก็ไม่ลังเลที่จะคุกเข่าลงด้วยท่าทีมั่นคง
“พระมหากรุณาของฝ่าบาท กระหม่อมซาบซึ้งยิ่งนัก”
“แต่ความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องเต้และขุนนางเป็นหลักการที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง กระหม่อมจะกล้าล่วงเกินได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
“พิธีการเหล่านี้ไม่อาจละเลย เพื่อเตือนให้กระหม่อมระลึกอยู่เสมอว่า ขุนนางก็คือขุนนาง”
เมื่อได้ยินคำของฉินเทียนหู่ ฮ่องเต้ต้าเหลียงซาบซึ้งใจยิ่งนัก
ด้วยกำลังของตระกูลฉินตอนนี้ แม้จะก่อกบฏ ยึดชายแดนเหนือและซางโจวเป็นที่มั่น แล้วต่อกรกับราชสำนักต้าเหลียง ฮ่องเต้ต้าเหลียงก็ไม่อาจต้านทาน
กล่าวได้ว่า…หากตระกูลฉินก่อกบฏ ฮ่องเต้ต้าเหลียงย่อมพ่ายแพ้แน่นอน
เพราะถึงเวลานั้น ตระกูลใหญ่ทางใต้จะต้องร่วมมือกับตระกูลฉิน พลังอันยิ่งใหญ่จากทั้งสองทาง เพียงพอที่จะบีบให้ต้าเหลียงต้องเปลี่ยนราชวงศ์แล้ว
แต่ฉินเทียนหู่กลับไม่ลืมความภักดี ยังคงวางตัวเป็นขุนนางอย่างเคร่งครัด ฮ่องเต้ต้าเหลียงจะไม่ซาบซึ้งใจได้อย่างไร
ฮ่องเต้ต้าเหลียงถอนหายใจ แล้วกล่าวอย่างรู้สึกตื้นตันว่า
“อย่าว่าแต่ผู้คนทั่วไปเลย บางครั้งเจิ้นก็ยังไม่อยากเชื่อ”
“ด้วยกำลังของตระกูลฉินตอนนี้ เหตุใดยังจงรักภักดีต่อต้าเหลียงถึงเพียงนี้”
“ใต้เท้าฉินมีตำแหน่งขุนนางสูงสุด ทั้งยังมีฉินเฟิงเป็นบุตรชาย ใต้หล้านี้ไม่มีผู้ใดกล้าแสดงความไม่เคารพต่อเจ้า”
“อีกทั้งฉินเฟิง ด้วยการอาศัยและเลือกใช้ปัจจัยสามอย่างอย่างเหมาะสม ทั้งเวลา สถานที่ และผู้คน รวมถึงการใช้กลยุทธ์สงครมามฤดูหนาว ทำให้เขายึดเป่ยตี๋ได้สำเร็จ”
“ด้วยกำลังมากมายของเขา แม้ไม่อาจโจมตีต้าเหลียงได้ แต่ก็มีศักยภาพมากพอจะครอบครองดินแดนได้แล้ว”
“แล้วเหตุใดฉินเฟิงยังยอมภักดีต่อเจิ้นเล่า?”
ฉินเทียนหู่รู้ดีว่าคำพูดของฮ่องเต้ต้าเหลียงมาจากใจจริง มิใช่การข่มขู่แต่อย่างใด ตอนนี้กำลังของทั้งสองฝ่ายได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ฮ่องเต้ต้าเหลียงเป็นคนฉลาด ย่อมไม่หาเรื่องยุ่งยากให้ตนเอง
ฉินเทียนหู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะทูลถามเสียงเบา “ไม่ทราบว่าฝ่าบาทต้องการฟังความจริงหรือคำลวงพ่ะย่ะค่ะ?”
ฮ่องเต้ต้าเหลียงเลิกคิ้ว ก่อนจะถามตรง ๆ “ไม่ต้องอ้อมค้อม คำลวงเจิ้นย่อมรู้ดีว่าคงไม่พ้นเรื่องจงรักภักดี ซื่อสัตย์กล้าหาญ บอกความจริงมาเถิด”
ฉินเทียนหู่สูดหายใจลึก ก่อนจะกล่าวว่า “เกรงว่า…เฟิงเอ๋อร์คงไม่ได้จงรักภักดีต่อฝ่าบาท แต่…จงรักภักดีต่อแผ่นดิน”
คำพูดนี้ทำให้ฮ่องเต้ต้าเหลียงชะงัก
จงรักภักดีต่อแผ่นดิน?


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ