บทที่ 1073 ผู้นำที่แท้จริง
แม้ว่าฉินเฟิงจะเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการจากไปของเฉินซือ ข่าวนี้ก็แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
หลี่จางเข้าใจฉินเฟิงดีที่สุด เขารู้ว่าในโลกนี้ นอกจากคนตระกูลเฉินแล้ว ผู้ที่ไม่อยากให้เฉินซือตายมากที่สุดก็คือฉินเฟิงเท่านั้น
หลี่จางจึงกล้าท้าทายความเห็นของผู้คน สั่งให้จัดงานศพอันยิ่งใหญ่ให้แก่เฉินซือ
หลังจากปรึกษากับกรมพิธีการแล้วจึงล้างมลทินข้อหา ‘ขุนพลทรยศ’ ของเฉินซือ แต่งตั้งให้เป็นวีรบุรุษแห่งเป่ยตี๋และเผยแพร่ ‘ทฤษฎีความแค้น’ ของเฉินซืออย่างกว้างขวาง
หวังว่าทุกคนจะสืบทอดเจตนารมณ์ของเฉินซือ ไม่นำความแค้นจากสนามรบมาสู่การใช้ชีวิต เพื่อไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมซ้ำรอย สำหรับหลี่จาง นี่ก็ถือเป็นผลลัพธ์ที่ดี
ตอนนั้นที่น้องชายของเขา หลี่หลาง เสียชีวิตในสนามรบ เขาได้รับผลกระทบทางการเมือง หากไม่ใช่เพราะฉินเฟิงยืนกรานจุดยืนอย่างแน่วแน่ คงไม่สามารถนำร่างกลับไปยังศาลบรรพชนราชวงศ์ได้
การกระทำของหลี่จางเป็นเพียงการเอาใจเขามาใส่ใจเราเท่านั้น อีกด้านหนึ่ง ฉินเฟิงไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรกับสตรีผู้ต่ำต้อย แต่เมื่อรู้ถึงการตัดสินใจของหลี่จาง ฉินเฟิงรีบแจ้งข่าวนี้ให้สตรีร่างน้อยตระกูลเฉินทราบ
แม้ในใจของสตรีผู้ต่ำต้อยยังมีปมที่คลี่คลายไม่ได้ แต่เมื่อได้รู้ว่าเฉินซือได้รับการแต่งตั้งเป็นวีรบุรุษแห่งเป่ยตี๋ และตระกูลเฉินก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตระกูลที่จงรักภักดี
สตรีผู้นั้นมองฉินเฟิงด้วยสายตาที่อ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าฉินเฟิงจะแสร้งทำเพื่อเอาใจ หรือกำลังพยายามดึงจิตใจผู้คน ตอนนี้ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว
อย่างน้อยสำหรับตระกูลเฉิน สงครามที่ไม่มีวันจบสิ้นครั้งนี้ก็ได้จบลงอย่างแท้จริงแล้ว
สตรีผู้นั้นมองไปยังทายาทตระกูลเฉินที่อยู่ข้างกาย พลางเอ่ยเสียงเบา “พวกเจ้าจงจดจำใบหน้าของคนผู้นี้ไว้…”
“หากวันหน้าได้พบเขาในสนามรบ จงสังหารเขาเพื่อแก้แค้นให้ผู้คนตระกูลเฉิน”
“แต่พวกเจ้าต้องจำไว้ว่า จำกัดอยู่แค่ในสนามรบเท่านั้น…”
เด็ก ๆ ตระกูลเฉินที่เดมมีแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ในที่สุดก็ปรากฏแววตาที่แปลกไปด้วยความความสงสัย
“อาสะใภ้ไม่เกลียดเขาแล้วหรือ?”
หญิงสาวร่างเล็กหัวเราะขมขื่น “เกลียด แน่นอนว่าข้าเกลียด เกลียดจนเข้าไปถึงกระดูก แต่ลุงใหญ่ของพวกเจ้า ได้พิสูจน์ความเชื่อของเขาด้วยความตายของตัวเองแล้ว”
“คนที่พวกเราควรเกลียดคือฉินเฟิงผู้สวมชุดเกราะ และบัญชาการทหารให้สังหารผู้คนในสนามรบต่างหาก”
“หาใช่ฉินเฟิงที่ถอดเกราะ ออกจากสนามรบ และสวมชุดผ้าฝ้ายตรงหน้านี้”
หลานชายยังคงงุนงงอยู่ “อาสะใภ้ ต่างกันอย่างไรหรือ?”
หญิงสาวลูบศีรษะหลานชายพลางอธิบายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “แตกต่างกันมาก…”
“เพราะในสนามรบ พวกเราต่างเป็นตัวแทนของฝ่ายที่อยู่เบื้องหลัง แต่เมื่อออกจากสนามรบ พวกเราก็เป็นเพียงตัวแทนของตัวเองเท่านั้น”
“หากนอกสนามรบพวกเจ้าสังหารฉินเฟิง ความแค้นก็จะกลายเป็นเพียงความแค้นส่วนตัว ลูกหลานของเขาก็จะไล่ล่าพวกเจ้าไม่หยุดหย่อนจนกว่าชีวิตจะหาไม่ กลายเป็นความแค้นที่ไม่มีที่สิ้นสุด แค้นนี้จะยืดเยื้อไม่มีวันจบ ไม่มีวันหยุดพัก”
หลานชายคนเล็กเหมือนจะเข้าใจความเชื่อของเฉินซือในที่สุด นับตั้งแต่ลุงใหญ่เฉินซือต่อสู้กับฉินเฟิง ลุงใหญ่ก็กลับบ้านมาหลายครั้ง โดยเฉพาะตอนที่แขนถูกองครักษ์ค่ายเทียนจีทำลาย จึงกลับมาพักรักษาตัวที่บ้าน
หลานชายคนเล็กพยายามนึกถึงภาพตอนที่ลุงใหญ่อยู่บ้าน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็นึกตอนลุงใหญ่พูดถึงฉินเฟิงในแง่ร้ายไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว อีกอย่าง… ลุงใหญ่แทบไม่เคยพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในสนามรบเลย
เด็ก ๆ ในตระกูลเกลียดชังฉินเฟิงกลับกลายเป็นว่า เกิดจาดสมาชิกในตระกูลบางคนนำข่าวร้ายกลับมาบ้าน ทำให้สมาชิกในตระกูลเฉินเริ่มเกลียดชังฉินเฟิงกัน
ไม่เพียงลุงใหญ่เฉินซือ แม้แต่ลุงเฉินโหมว ลุงเฉินหลี่ สองท่านในตระกูลก็คงจะเป็นเช่นเดียวกัน
หลังจากกลับบ้าน พวกเขาจะได้ชื่นชมช่วงเวลาแห่งการพบหน้ากันอันแสนสั้นแต่มีค่า ส่วนเรื่องแค้นเลือดในสนามรบ ไม่มีใครพูดถึงแม้แต่คำเดียว
เฉินป้า ผู้ที่เคยดักสังหารฉินเฟิง แม้จะมีคุณสมบัติของการเป็นแม่ทัพ แต่กลับขาดประสบการณ์ในสนามรบ



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ