บทที่ 1107 ต้องยอมมอบตัวเองให้เท่านั้น
หม่าฟางหยวนรีบอธิบาย “หญิงสาวผู้นี้คือบุตรสาวคนที่สองของตระกูลหลิว นางชื่อหลิวอวิ๋นเซีย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินเฟิงก็รู้สึกสนใจ จึงมองสำรวจเด็กสาวตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า
ตอนที่กลับมาที่ศาลว่าการอำเภอฉินเฟิงได้ยินหม่าฟางหยวนพูดถึงหลิวอวิ๋นเซีย ที่กลับมาช้าก็เพราะเด็กคนนี้จับตัวยากเหลือเกิน วิ่งขึ้นวิ่งลง แม้จะมีเจ้าหน้าที่หลายคนไล่ล้อมจับก็ยังจับไม่ได้
ยามนี้เมื่อได้เห็นตัวจริง ฉินเฟิงอดขำในใจไม่ได้ ช่างมีพลังงานเต็มเปี่ยมสมกับที่ได้ยินมาจริง ๆ
หลิวอวิ๋นเซียปีนี้อายุสิบแปดพอดี อายุน้อยกว่าหลิวอวิ๋นชุนสองปี แต่ส่วนสูงกลับเท่ากันเลย
เมื่อเทียบกับความเป็นผู้ใหญ่ของพี่สาว หลิวอวิ๋นเซียดูเด็กกว่าและมีชีวิตชีวามากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ใบหน้ากลมคล้ายแมว ดวงตาคู่โตเป็นประกายแวววาว มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นหญิงสาวที่ ‘มีความคิดเป็นของตัวเอง’
นึกถึงตอนที่หลิวอวิ๋นเซียหนีออกจากตระกูลหวัง นางได้เรียกร้องสถานะภรรยาจากหวังฉี ยิ่งพิสูจน์ว่านางเป็นคนฉลาด
นางรู้ดีว่าหนีไม่พ้นความโลภของหวังฉี จึงตัดสินใจใช้ความบริสุทธิ์ของตนแลกกับความเป็นอยู่ที่สุขสบายของพี่น้องในอนาคต แต่ไม่คิดว่าหวังฉีจะเลวถึงเพียงนั้น ต้องการเพียงร่างกายของนาง แต่ไม่ยอมให้สถานะ
หลิวอวิ๋นเซียก็ไม่ใช่คนที่จะยอมง่าย ๆ พอเห็นว่าการต่อรองไม่สำเร็จ ก็ตัดสินใจหนีทันที
หากไม่ใช่เพราะการหนีของหลิวอวิ๋นเซีย ฉินเฟิงคงไม่มีวันรู้ว่าในอำเภอหมิงมีตระกูลใหญ่ที่กำลังผงาดขึ้น พูดไปแล้ว ฉินเฟิงต้องขอบคุณหลิวอวิ๋นเซียที่ช่วยให้ต้าเหลียงกำจัดภัยร้ายได้ก่อนที่มันจะลุกลาม
ขณะที่ฉินเฟิงกำลังพินิจมองหลิวอวิ๋นเซียอยู่นั้น จู่ ๆ หลิวอวิ๋นเซียก็เดินเข้ามาหาและคุกเข่าลงตรงหน้าฉินเฟิง
“ขอบคุณท่านโหวฉินที่ช่วยชีวิตครอบครัวของข้าทั้งสามคนเอาไว้”
“ข้าน้อยไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณอย่างไร ยินดีจะรับใช้ท่านโหวฉินทุกอย่างเพื่อตอบแทนพระคุณ”
เมื่อเห็นความจริงใจในคำขอบคุณของหลิวอวิ๋นเซีย ฉินเฟิงอดขำในใจไม่ได้
ต้องบอกว่านางเป็นคนฉลาด รีบคว้าโอกาสเกาะขาใหญ่ทันที
คำว่ายินดีรับใช้ทุกอย่างนั้น แท้จริงแล้วแฝงความหมายลึกซึ้งว่าอยากจะติดตามฉินเฟิงออกจากที่นี่ และเมื่อถึงเวลานั้น การรับใช้ก็จะกลายเป็นการมอบกายถวายชีวิต พี่น้องสกุลหลิวทั้งสามคนก็จะได้พลอยตามไปด้วย นี่มิใช่ตัวอย่างที่ชัดเจนหรอกหรือ?
หลิวอวิ๋นเซียรู้ดีว่าข้อได้เปรียบของตนคืออะไร นั่นก็คือร่างกายอันเยาว์วัยงดงามของนาง
การที่นางยอมเดิมพันความบริสุทธิ์เพื่อวันพรุ่งนี้ จะว่านางเหลวไหลก็ไม่ใช่ มีแต่ต้องบอกว่านางเป็นคนที่มองความเป็นจริง
ฉินเฟิงไม่ได้รังเกียจหลิวอวิ๋นเซีย แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพื่อนางอีก อีกอย่างหลี่เซียวหลานกับ
จิ่งเชียนอิ่งก็ตั้งครรภ์แล้ว ที่เมืองหลวงยังมีเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ที่เฝ้ารอเขาราวกับหินรอสามี
ถึงฉินเฟิงจะไม่ใช่คนดี แต่ก็ไม่มีทางที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับหญิงอื่นในเวลานี้
แต่หลิวอวิ๋นเซียผู้นี้กล้าคิดกล้าทำ นับว่าเป็นคนมีความสามารถ และตอนนี้ศาลว่าการอำเภอกำลังขาดคน บางทีอาจจะช่วยได้
“เจ้าเคยเข้าสำนักศึกษาหรือไม่?”
เมื่อเจอคำถามกะทันหันของฉินเฟิงหลิวอวิ๋นเซียงุนงงเล็กน้อย แต่ก็ตอบตามตรง
“ท่านโหวคิดว่าคนจนอย่างข้าจะมีโอกาสได้เข้าสำนักศึกษาหรือเจ้าคะ?”
คำถามย้อนกลับของหลิวอวิ๋นเซียนั้น ทั้งตอบคำถามและแสดงให้เห็นถึงความยากจนและไร้ที่พึ่งของนาง หวังจะได้รับความเมตตาจากฉินเฟิง
กลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ ฉินเฟิงจะมองไม่ออกได้อย่างไร?
เขาไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเลย เพียงแต่พูดต่อไปว่า “ไม่มีความรู้เลยนั้นไม่ได้ ตอนนี้เริ่มเรียนก็ยังทัน”
ขณะที่พูด ฉินเฟิงหยิบเงินห้าสิบตำลึงออกมามอบให้ม่าฟางหยวน
“เงินห้าสิบตำลึงนี้ รวมค่ารักษาพยาบาลของพี่น้องตระกูลหลิว และค่าจ้างอาจารย์จากสำนักศึกษาสำหรับหลิวอวิ๋นเซีย”
“รอให้หลิวอวิ๋นเซียมีความรู้แล้ว ให้นางไปหางานที่ศาลว่าการอำเภอเพราะเด็กคนนี้ทั้งฉลาด กล้าหาญ และมีจิตใจดีงาม”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ