บทที่ 113 การแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท
ในเวลาเดียวกัน ตำหนักจิ่งอวิ๋นในวังหลัง
เพล้ง!
เสียงถ้วยชาราคาแพงถูกทุบเป็นชิ้น ๆ ดังสนั่น นางกำนัลที่อยู่รอบ ๆ ตกใจจนหน้าซีดเผือด และไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
องค์ชายรองหน้าเขียวคล้ำ นัยน์ตาจับจ้องไปที่ประตูตำหนัก และเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ฉินเฟิง เจ้าทำลายแผนการของข้า!”
สตรีผู้บรรเลงฉินสั่งให้นางกำนัลเก็บกวาดเศษแก้วที่แตกกระจาย แล้วเดินเข้ามาปลอบด้วยเสียงนุ่ม ๆ ว่า “องค์ชายโปรดอย่าทรงกริ้วไปเลยเพคะ หากทรงกริ้วจนทำร้ายพระวรกายตนเองเข้า นั่นจะมิสมปรารถนาของคนบางคนหรอกหรือเพคะ? หากองค์ชายปล่อยวางไม่ได้จริง ๆ บ่าวจะไปเอาศีรษะของฉินเฟิงกลับมาเองเพคะ”
“แม้ว่าจิ่งเชียนอิ่งจะมีวรยุทธ์ยอดเยี่ยม แต่หากบ่าวกับแขกชุดขาวโจมตีพร้อมกันล่ะก็…”
ก่อนที่สตรีบรรเลงกู่ฉินจะเอ่ยจบ องค์ชายรองก็ขัดจังหวะอย่างเย็นชา “หยุดสร้างปัญหาได้แล้ว!”
สตรีบรรเลงกู่ฉินหน้าซีด นางรีบก้มศีรษะลง และไม่กล้าพูดเรื่องไร้สาระอีกต่อไป
แขกชุดขาวเห็นเช่นนี้ เขาก็จ้องมองไปที่สตรีบรรเลงกู่ฉิน “ฉินเอ๋อร์ เจ้าฉินเฟิงจะต้องตายไม่ช้าก็เร็ว ยามนี้ยังไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ตอนนี้ฉินเฟิงกำลังได้เปรียบ ผู้ที่จับตาดูเขามิได้มีเพียงฮ่องเต้ ได้ยินมาว่าหลังจากเขาออกจากราชสำนักวันนี้ก็ถูกองค์หญิงใหญ่เรียกเข้าเฝ้า ไม่ว่าจะเป็นใครการกำจัดฉินเฟิงในเวลานี้นับว่าเป็นเรื่องยาก”
สตรีบรรเลงกู่ฉินรู้ว่าแขกชุดขาวพยายามแก้ต่างให้นาง ดังนั้นนางจึงตอบอย่างนอบน้อม “ศิษย์พี่สั่งสอนได้ถูกต้องเจ้าค่ะ ฉินเอ๋อร์โง่เขลาเกินไป มีแต่จะทำให้องค์ชายทรงรำคาญเท่านั้น”
แขกชุดขาวหันกลับมา ประสานหมัดคำนับองค์ชายรอง “กระหม่อมว่าหากฉินเฟิงอวดดีเช่นนี้ ต่อไปไม่ช้าก็เร็วจะต้องนำพาไฟหายนะมาถึงตัว ทันทีที่เขาสูญเสียความโปรดปราน เมื่อนั้นจะกลายเป็นวันตายของเขา ไยเราไม่เริ่มเตรียมการตอนนี้ ระดมพลนักฆ่าให้ดักซุ่มรอบกายฉินเฟิง ทันทีที่โอกาสมาถึงก็ลงมือทันทีโดยไม่ให้โอกาสเขาลุกขึ้นได้อีก”
องค์ชายรองพยักหน้าเห็นด้วย เพราะมีชายชุดขาวช่วยแก้ปัญหาอยู่ข้างกาย สีหน้าของเขาจึงดูดีขึ้นเล็กน้อย “พระทัยของเสด็จพ่อคาดเดาได้ง่าย เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่ามีเงาของฝ่ายต่อต้านสงครามอยู่ข้างหลังเรา? เขาแค่คิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกจึงไม่ยินดีที่จะเปิดเผยเรื่องนี้ก็เท่านั้น”
ทันทีที่เอ่ยออกมา สตรีที่บรรเลงกู่ฉินก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ “ฮ่องเต้ทรงรู้ทุกอย่าง? แล้วเพราะเหตุใดถึงทรงเพิกเฉยเล่าเพคะ? ท้ายที่สุดแล้วการเริ่มสงครามกับเป่ยตี๋ล้วนเป็นความประสงค์ของฮ่องเต้มิใช่หรือเพคะ”
องค์ชายรองสูดหายใจเข้าลึก ๆ แววตาปรากฏความนับถืออย่างไม่เต็มใจนัก “นี่คือวิถีของจักรพรรดิ หากข้าสามารถระงับการกรีธาทัพได้ด้วยตนเอง สำหรับเสด็จพ่อ สิ่งนี้มิใช่เรื่องเลวร้ายไปเสียทั้งหมด อย่างน้อยก็สามารถพิสูจน์ความสามารถของข้าได้ พระทัยของเสด็จพ่อมิเคยแบ่งแยกขาวดำ ไม่มีการแบ่งแยกที่ชัดเจนระหว่างดีชั่ว ถูกผิด ถนนทุกสายเปิดกว้างสำหรับทุกการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ”
ทุกคนล้วนสามารถคาดเดาพระทัยฮ่องเต้ได้ แต่มีเพียงองค์ชายและพระราชนัดดาเท่านั้นที่กล้าแสดงความคิดเห็น แม้ว่าแขกชุดขาวจะเป็นคนสนิทกับองค์ชายรอง แต่เขาไม่กล้าพาดพิงจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“แผนการขององค์ชายถูกทำลายเนื่องจากความวุ่นวายของฉินเฟิง องค์ชายทรงทำงานหนักแต่กลับสูญเสียคะแนนไป ในทางกลับกันองค์ชายเจ็ดที่มิได้ทำอะไรเลยกลับได้รับผลประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อสงครามเป่ยตี๋ดำเนินการตามแผน ท้องพระคลังจะมุ่งเน้นไปที่การเตรียมพร้อมสำหรับสงคราม เพื่อความปลอดภัยองค์ชาย โปรดทรงเว้นระยะห่างจากขุนนางกรมคลังในช่วงระยะเวลานี้ เพื่อป้องกันตนเอง และคุ้มครองขุนนางกรมคลังด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายรองถอนหายใจ พลางยิ้มอย่างขมขื่น “ถูกของเจ้า เสด็จพ่ออาจจะไม่ฆ่าข้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ทำความสะอาดกรมคลัง ท้ายที่สุดแล้วกรมคลังคือเลือดที่หล่อเลี้ยงของแว่นแคว้น จริงสิ องค์หญิงใหญ่เรียกพบฉินเฟิงด้วยเหตุใด?”
สตรีบรรเลงกู่ฉินแอบแค่นเสียงหึในใจ โมโหทันทีที่เอ่ยถึงเจ้าฉินเฟิงนั่น นางกระซิบเสียงเบา “ดูผิวเผินเหมือนจะพูดคุยเรื่องหยุมหยิมเพคะ ทว่าความจริงแล้วทรงต้องการตรวจสอบความตื้นลึกของฉินเฟิง ดูเหมือนว่าว่าองค์หญิงใหญ่ตั้งใจที่จะส่งเสริมการแต่งงานระหว่างตระกูลฉินกับตระกูลเซี่ย ตระกูลเซี่ยเป็นคนขององค์หญิงใหญ่ เห็นได้ชัดว่าองค์หญิงใหญ่เองก็ทรงสนใจฉินเฟิงมากเช่นกัน”



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ