บทที่ 1135 พบกันที่ทะเลสาบน้ำแข็ง
แม้แต่ฉีหยางจวิ้นจู่เองก็ไม่อาจนับได้ ว่ามีครั้งไหนบ้างที่ในใจของเธอเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมา
นางอยากทำลายความสุขของเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ให้นางกลายเป็นเหมือนกับตัวเอง
ทำไมเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ถึงได้เหมือนนกที่บินขึ้นไปเกาะกิ่งไม้สูง ในขณะที่ตัวนางต้องทนอยู่กับความธรรมดาสามัญ
นางไม่ยอมรับ! ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจระงับความโกรธในใจได้
ทุกครั้งที่จะลงมือทำตามความคิดฉีหยางจวิ้นจู่ก็ถอยกลับ นางกลายเป็นคนที่ดิ้นรนและกลัดกลุ้มอย่างยิ่ง ทั้งเกลียดชังเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์แต่ก็ไม่อยากให้เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บ
ด้านหนึ่งอยากฉุดเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ลงมาจากสวรรค์ อีกด้านหนึ่งก็ดีใจไปกับนาง
นางกลายเป็นสตรีที่ไม่มีความกล้าพอจะทำลายล้าง แต่กลับมีจิตใจคับแคบ
แค่คิดถึงสภาพตัวเองในตอนนี้ฉีหยางจวิ้นจู่ก็อยากจะกระแทกหัวตายเพื่อจบชีวิตอันกลัดกลุ้ม ตกต่ำ และธรรมดาสามัญของตน
ยามนี้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฉินเฟิงบุรุษที่มอบทุกสิ่งให้เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์จู่ ๆ ฉีหยางจวิ้นจู่ก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
นางอยากจะหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต เพื่อหลีกเลี่ยงบาดแผลทางใจที่รุนแรงยิ่งขึ้น
แต่พอจะหมุนตัวหนี เสียงของฉินเฟิงก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“เจ้าจะไปไหน? ทำไมไม่ไปอยู่เป็นเพื่อนอวิ๋นเอ๋อร์? เจ้าเป็นสหายที่ดีที่สุดของนาง ในเวลาเช่นนี้ ไม่ควรอยู่เคียงข้างนางหรอกหรือ?”
เมื่อเผชิญกับคำถามของฉินเฟิง ฉีหยางจวิ้นจู่ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี
หรือพูดอีกอย่างคือ นางไม่รู้จะเผชิญหน้ากับฉินเฟิงอย่างไร
ฉินเฟิงสังเกตเห็นความผิดปกติของฉีหยางจวิ้นจู่แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก หนึ่งเพราะคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างฉีหยางจวิ้นจู่กับเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์สองเพราะเด็กสาวผู้นี้ แม้จะดื้อรั้นและเอาแต่ใจ แต่ก็ไม่ได้มีจิตใจชั่วร้าย
“ข้ากำลังจะไปจวนหนิงกั๋วกงเพื่อเข้าพบท่านพ่อตาพอดี ไปด้วยกันเถอะ”
ฉินเฟิงก้าวเดินมาข้างหน้า มาอยู่ข้างกายฉีหยางจวิ้นจู่พลางยิ้มบาง ๆ
ในขณะนั้น สมองของฉีหยางจวิ้นจู่ว่างเปล่า นางแทบจะไม่รู้ตัวที่เดินเคียงข้างฉินเฟิงมุ่งหน้าไปยังจวนหนิงกั๋วกงที่นางเพิ่งหนีออกมา
เมื่อได้สติ นางพบว่าตนเองกำลังเดินอยู่กับฉินเฟิงรู้สึกราวกับมีก้อนหินก้อนใหญ่ทับอยู่บนอก อึดอัดจนหายใจไม่ออก
ยิ่งเข้าใกล้จวนหนิงกั๋วกง ฉีหยางจวิ้นจู่ก็รู้สึกว่าฝีเท้าของตนเองยิ่งหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ
เพราะนางรู้ว่า เมื่อฉินเฟิงและเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ได้พบกันอีกครั้ง จะต้องเป็นภาพที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง
ฉีหยางจวิ้นจู่ไม่รู้ว่าตนเองจะทนรับมือกับภาพความสุขนั้นได้หรือไม่
นางลังเลอยู่หลายครั้ง สุดท้ายก็กัดฟันพูด “ข้าตั้งใจจะไปเดินเล่นริมทะเลสาบ ท่านไปจวนหนิงกั๋วกงเองเถอะ”
“พรุ่งนี้ตอนพิธีแต่งงาน ข้าค่อยมา”
พูดจบฉีหยางจวิ้นจู่ก็หมุนตัวเดินจากไป แต่เดินได้เพียงสองก้าวก็หยุดชะงัก เพราะได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง
นางหันกลับไปมอง พบว่าฉินเฟิงเดินตามหลังมา บนใบหน้ายังคงเปื้อนรอยยิ้มอ่อนโยน
ฉีหยางจวิ้นจู่ขมวดคิ้วน้อย ๆ ถามอย่างสงสัย “เจ้าตามข้ามาทำไม? รีบไปพบอวิ๋นเอ๋อร์เถิด”
ฉินเฟิงไม่รีบตอบ แต่กลับพินิจมองการเปลี่ยนแปลงในดวงตาของฉีหยางจวิ้นจู่อย่างละเอียด
เห็นได้ชัดว่าจิตใจของฉีหยางจวิ้นจู่ในยามนี้หนักอึ้งและหม่นหมองยิ่งนัก หากปล่อยให้นางจากไปตามลำพัง แล้วเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมา เซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์จะต้องเสียใจแทบขาดใจแน่
อีกอย่าง
ฉีหยางจวิ้นจู่มีแรงจูงใจที่จะทำร้ายตัวเอง
ด้วยว่านางเคยเป็นหนึ่งในบุตรีผู้ทรงอำนาจที่สุดในเมืองหลวงแต่บัดนี้กลับต้องพลอยรับเคราะห์จากเหตุการณ์ขององค์หญิงใหญ่ผู้เป็นมารดา กลายเป็นตัวอัปมงคลที่ผู้คนต่างหลีกหนี
ความแตกต่างทางจิตใจอันใหญ่หลวงเช่นนี้ ย่อมสร้างบาดแผลไม่น้อยให้แก่ฉีหยางจวิ้นจู่
แม้เพียงเพื่อเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ ฉินเฟิงก็ไม่อาจปล่อยให้ฉีหยางจวิ้นจู่จากไป
“ยังเช้าอยู่ ข้าจะเดินเล่นเป็นเพื่อนเจ้า เดี๋ยวค่อยไปจวนหนิงกั๋วกงด้วยกัน”
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ