บทที่ 1251 สถานการณ์สนามรบพลิกผัน
ในขณะที่การต่อสู้กำลังดำเนินไป จ้าวอวี้หลงกลับพบว่าองครักษ์รอบตัวเหลือน้อยลงเรื่อย ๆ ในขณะนั้นเอง เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดรุนแรงที่ไหล่ เพาระถูกศัตรูโจมตีจากจุดอับสายตาจน
ตะบองหัวหนามฟาดลงบนไหล่ของจ้าวอวี้หลง
โชคดีที่เกราะของจ้าวอวี้หลงหนาพอ จึงไม่ถึงกับถูกทุบกระดูกแตก แต่ถึงกระนั้นจ้าวอวี้หลงก็ยังเจ็บจนต้องกัดฟัน
แม้เขาจะกล้าหาญไร้เทียมทาน แต่ก็ยังเป็นเพียงร่างกายที่มีเลือดเนื้อ
จ้าวอวี้หลงพลิกมือถือแหลนแทงศัตรูที่ลอบโจมตีเขาจนตาย เขาเซถอยหลังไปหลายก้าว ก่อนจะพยุงตัวด้วยแหลนพลางหอบหายใจเฮือกใหญ่ ดวงตาแดงก่ำฉายแววอำมหิต แต่แฝงไว้ด้วยความหดหู่
“ข้าไม่ควรตายที่นี่!”
“ประชาชนต้าเหลียงยังไม่ได้มีชีวิตที่ดี ข้าจะยอมตายในสนามรบได้อย่างไร?”
จ้าวอวี้หลงนึกถึงตอนที่ต่อสู้อย่างดุเดือดกับเป่ยตี๋ และลี่หลางที่ตายในสนามรบ เขาจึงเปล่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ เขาไม่อยากเป็นเหมือนลี่หลางที่ตายก่อนจะได้ชัยชนะ
“ฆ่า! ฆ่า! ฆ่าให้หมด!”
จ้าวอวี้หลงโบกแหลนอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่ทุกครั้งที่เขาโบก ความเร็วและพลังของเขาก็ลดลงอย่างมาก
ในยามคับขันนี้ ก็มีเสียงโห่ร้องดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“อะไรกัน?”
ก่อนที่จ้าวอวี้หลงจะหันหลัง องครักษ์ก็ตื่นเต้นจนน้ำตาคลอ “ท่านแม่ทัพ กองกำลังเสริมมาแล้ว!”
กองกำลังเสริม? เวลาเช่นนี้จะมีกองกำลังเสริมได้อย่างไร?
จ้าวอวี้หลงมาจากค่ายหน้าแนวรบ จึงรู้ดีที่สุดว่าสถานการณ์ฝ่ายตนเป็นอย่างไร ไม่มีทางที่จะสามารถส่งกองกำลังใดมาเสริมได้อีกแล้ว
หรือจะเป็นภาพลวงตา?
เมื่อจ้าวอวี้หลงหันไปมองด้วยความไม่อยากเชื่อ กลับเห็นกองกำลังหนึ่งเคลื่อนพลมาอย่างเป็นระเบียบ
พวกเขาเคลื่อนที่ช้ามาก แม้ด้านหน้าจะชุลมุนวุ่นวาย แต่กองกำลังนี้ก็ไม่รีบร้อน กลับก้าวเดินอย่างมั่นคงเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างไม่เร่งรีบ
เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ จ้าวอวี้หลงไม่เพียงไม่โกรธ แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นดีใจ
เพราะการเคลื่อนทัพเช่นนี้ เป็นเพียงเพื่อรักษากำลัง และมีเพียงทหารเกราะหนักเท่านั้นที่จะระมัดระวังเช่นนี้
จากขนาดของกองกำลัง จ้าวอวี้หลงตัดสินได้ทันทีว่า กองกำลังเสริมนี้มีทหารเกราะหนักอย่างน้อยสี่ร้อยนาย
“ยืนหยัดไว้!”
“ทุกคนยืนหยัดไว้ให้ข้า รอให้กองกำลังเสริมเข้ามาแทนที่แนวรบก่อนแล้วค่อยถอย!”
ภายใต้คำสั่งของจ้าวอวี้หลง กองกำลังหลักยิ่งไม่กลัวตายมากขึ้น เพราะพวกเขารู้ว่าหากอดทนอีกสักพัก กองกำลังเกราะหนักของฝ่ายตนก็จะมารับช่วงแนวป้องกัน
ผ่านไปประมาณหนึ่งถ้วยชา องครักษ์ค่ายเทียนจีห้าร้อยนายก็แบ่งเป็นสามแถว จัดรูปแบบอย่างแน่นหนา ในที่สุดก็เคลื่อนมาถึงแนวหน้าสุด
“ถอยทัพ!”
จ้าวอวี้หลงตะโกนเสียงดัง กองกำลังหลักที่กำลังเผชิญหน้ากับศัตรูอยู่นั้นรีบละทิ้งการต่อสู้ทันที และถอยออกจากปีกทั้งสองข้างของกองทหารเกราะหนัก
กองทหารเกราะหนักจัดทัพเป็นรูปสามเหลี่ยมเหมือนปลายหอก เมื่อกองกำลังหลักถอยร่นออกมา พวกเขาก็กระจายกำลัง ปิดล้อมศัตรูที่ถาโถมเข้ามาดั่งคลื่น
องครักษ์ค่ายเทียนจีที่อยู่แถวหน้าถือโล่ใหญ่ ราวกับกำแพงเหล็กที่หล่อขึ้น ทำให้ศัตรูไม่อาจก้าวหน้าเข้าได้แม้แต่ครึ่งก้าว
แถวที่สองขององครักษ์ค่ายเทียนจีถือขวานด้ามยาวหรือดาบใหญ่ด้ามยาว ฟันสับลงมาตามช่องว่างระหว่างโล่อย่างต่อเนื่อง
ศัตรูที่ถูกขวานใหญ่หรือดาบใหญ่ฟันโดน ไม่ว่าจะสวมเกราะหรือไม่ก็ตาม ล้วนสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ทันที
ส่วนแถวที่สามขององครักษ์ค่ายเทียนจี ก็ถือแหลนแทงไปข้างหน้าผ่านช่องว่างของสองแถวแรกในแนวระนาบอย่างต่อเนื่อง
องครักษ์ค่ายเทียนจีสร้างกำแพงเหล็กที่แข็งแกร่งไม่อาจเจาะทะลวง เมื่อเผชิญกับศัตรูที่มีจำนวนมากกว่าหลายสิบเท่า พวกเขาไม่เพียงไม่ถูกผลักดันให้ถอย แต่กลับเริ่มรุกคืบหน้าอย่างเป็นระเบียบ


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ