เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ นิยาย บท 152

บทที่ 152 การต่อสู้อันดุเดือดกลางกระบวนทัพ

ทั้งสองฝ่ายต่างสวมเกราะหนัก แต่กองทัพของหนิงหู่เป็นกองกำลังชั้นยอดของทหารรักษาพระราชวัง มีข้อได้เปรียบของจำนวนพลเป็นเท่าตัว แม้ว่ากองทัพของสวีโม่จะยืนหยัดต่อต้าน แต่ความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันมากเกินไปก็ทำให้กองทัพของสวีโม่ประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก

ในเวลาเพียงหนึ่งถ้วยชา ทหารมากกว่าห้าสิบนายก็ถูกกำจัดออกไป

เนื่องจากกำแพงโล่ด้านหน้าถูกง้าวของกองทัพหนิงหู่ตีแตก การกำบังของโล่จึงหายไป เหล่าทหารด้านหลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากขึ้น กระบวนทัพจึงเริ่มสั่นคลอนแล้ว

สวีโม่ทำได้เพียงเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยตนเอง เขาถือขวานยาวเจ็ดฉื่อ ‘ฟาดฟัน’ ใส่แนวรบของศัตรู

แม้ว่าอาวุธหนักจะไม่สามารถเจาะทะลุเกราะได้ แต่ก็สามารถอาศัยแรงกระแทกที่ทะลุเข้าไปสร้างความเสียหายให้กับผิวเนื้อของคู่ต่อสู้ที่อยู่ภายใต้เกราะ

ดังนั้น ยิ่งอาวุธหนักมากเท่าไร ผลกระทบที่มีต่อทหารราบหุ้มเกราะหนักก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีอันบ้าคลั่งของสวีโม่ กระบวนทัพกระดองเต่าที่ไร้เทียมทานของหนิงหู่ก็ถูกฉีกออก

สวีโม่คำรามอย่างบ้าคลั่ง “อดทนไว้ แม้ว่าจะต้องสู้จนเหลือคนเดียวก็ห้ามถอย!”

กองพันหุ้มเกราะที่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ที่สุด จริง ๆ แล้วเป็นแกนหลักของกลยุทธ์กองโจรของฉินเฟิง กองพันหุ้มเกราะเปรียบเสมือนตะปูที่อยู่ตรงกลางสนามรบ คอยปิดกั้นแนวรบของหนิงหู่

หากกองพันหุ้มเกราะแตกพ่าย กองทัพของหนิงหู่ก็จะสามารถบุกถล่มโจมตีได้ ถึงตอนนั้น กองพันเพลิงอย่างพลธนูราบก็มีจุดจบเดียวคือ ถูกถล่มราบคาบ

หนิงหู่ย่อมรู้ว่ากุญแจสำคัญในผลลัพธ์ของการประลองครั้งนี้ว่า อยู่ที่กองทหารราบเกราะหนักของสวีโม่ เขาจึงคำรามลั่นทันที “หยิบอาวุธขึ้นมา!”

ผู้ใต้บังคับบัญชารีบมอบ ‘ลูกตุ้มสีทองคู่เล็ก’ ให้เขาอย่างรวดเร็ว

หนิงหู่วิ่งราวกับโผบิน พุ่งไปที่ด้านหน้าของขบวนทันที แม้ว่าลูกตุ้มสีทองคู่เล็กจะมีขนาดเท่าปากเสือ ยาวไม่เกินสองฉือ แต่เมื่อกระทบลงบนเกราะหนัก พลังของมันล้วนรุนแรงเด็ดขาด

ทหารราบเกราะหนักที่ติดอาวุธทั้งร่าง เมื่อโดนลูกตุ้มนั่นฟาดไม่ว่าจะโดนที่จุดใด ต่างก็ร้องระงมอย่างน่าเวทนา พริบตาเดียวก็สูญเสียพลังรบไป

ทหารทั้งห้านายล้มลงหลังการโจมตีเพียงไม่กี่ครั้ง มีทั้งได้รับบาดเจ็บสาหัส และบาดเจ็บเล็กน้อย

แม้ว่าจะเป็นเพียงการประลอง แต่ก็โหดร้ายราวกับสนามรบจริง

ขุนนางบุ๋นบู๊ที่อยู่ในสถานที่จัดงานต่างตกตะลึง นับตั้งแต่ก่อตั้งต้าเหลียง มีพิธีชำระอาภรณ์จัดขึ้นมากกว่าสิบครั้ง ทุกครั้งล้วนแต่เป็นการประลองเพื่อผูกมิตร ไม่เคยมีครั้งไหนที่รุนแรงมากเพียงนี้มาก่อนเลย

นี่มันใช่การประลองเสียที่ไหน? เห็นได้ชัดว่าเป็นการสู้แบบชีวิตแลกชีวิต!

ขุนนางบุ๋นหลายคนยืนขึ้นหมายจะหยุดการแข่งขัน แต่พวกเขาก็ถูกฉินเทียนหู่ และหลี่ซวี่ผลักกลับไป

ในฐานะแม่ทัพที่เกษียณจากสนามรบ ฉินเทียนหู่เข้าใจถึงความโหดร้ายของสนามรบโดยธรรมชาติ ยิ่งได้รับบาดเจ็บมากเท่าไร โอกาสที่จะรอดในสนามรบก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

หลี่ซวี่คิดว่ากองทัพของสวีโม่จะต้องแพ้เป็นแน่ แม้ว่าหนิงหู่กับฉินเฟิงจะแอบส่งสายตาให้กัน จนเห็นได้ชัดว่ามีใจทรยศฝ่ายกรมคลัง แต่นั่นใช่เรื่องสำคัญที่ไหน ต่อให้หนิงหู่และฉินเฟิงจะไปอยู่ฝ่ายเดียวกันจริง ๆ แล้วอย่างไร

ตราบใดที่ฉินเฟิงพ่ายแพ้ คนชนะจะเป็นใครก็ได้!

เพราะเมื่อฉินเฟิงพ่ายแพ้ก็จะพิสูจน์ได้ว่า ความสามารถในการบังคับบัญชาของเขาไม่ผ่านเกณฑ์ และไม่สามารถออกทัพไปเป๋ยตี๋ด้วยตัวเอง หรือส่งคนสนิทไปได้

ตราบใดที่มือของตระกูลฉินไม่สามารถเข้าถึงเป่ยตี๋ หลี่ซวี่ก็จะมีโอกาสอีกมาก

ใบหน้าขององค์ชายรองกับองค์ชายเจ็ดต่างก็ซีดเซียวเล็กน้อย

แม้ว่าพวกเขาจะนั่งอยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจอย่างมั่นคง แต่ก็อาศัยอยู่ในเมืองหลวงมาเป็นเวลานาน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นฉากการต่อสู้ที่ดุเดือดเลือดพล่านเช่นนี้ ช่างน่าตื่นตะลึงจริง ๆ

มีเพียงพระเนตรของฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงเท่านั้นที่ร้อนผ่าว รู้สึกถึงความตื่นเต้นเล็กน้อย พลางเอ่ยชมกับหลี่จ้านที่อยู่ข้างกายเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า “พิธีชำระอาภรณ์ควรจะเป็นเช่นนี้! การแข่งทำลายกระบวนทัพครั้งนี้มีจิตวิญญาณของการต่อสู้ในสนามรบอยู่บ้าง ทำให้เจิ้นหวนนึกถึงในอดีตที่เคยนำทัพไปปราบพวกโจรชั่ว ช่างมีความสุขเสียจริง!”

ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงผู้สูงศักดิ์ ครั้งหนึ่งเคยประทับอยู่ที่ชายแดนเหนือเป็นเวลาสามปี ก่อนที่จะสืบทอดราชบัลลังก์ ถือได้ว่าผ่านประสบการณ์มาโชกโชน จิตวิญญาณการต่อสู้ยังไม่มอดดับ

บทที่ 152 การต่อสู้อันดุเดือดกลางกระบวนทัพ 1

บทที่ 152 การต่อสู้อันดุเดือดกลางกระบวนทัพ 2

บทที่ 152 การต่อสู้อันดุเดือดกลางกระบวนทัพ 3

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ