บทที่ 170 ถูกหลอกแล้ว
พื้นที่นอกค่ายมีขนาดเล็กและทหารม้าฝั่งซ้ายขวาก็ไม่สามารถใช้การได้เลย แต่อันที่จริงก็ไม่จำเป็นต้องใช้ ตราบใดที่พวกเขายังอยู่กับที่ และปักหลักสู้กับทัพกบฏ ทหารม้าทั้งสองฝั่งก็สามารถป้องกันไม่ให้ทัพกบฏโจมตีกลางกระบวนทัพได้ คนหนึ่งพันสามร้อยคนกระจุกอยู่กลางกระบวนนทัพ ทำหน้าที่เป็นกำแพงมนุษย์ ประจัญบานกับพวกศัตรู
สำหรับทุกคนความตายเป็นเรื่องของเวลา
และเวลาเป็นตัวแปรสำคัญที่สุดในขณะนี้
ในตอนนั้นเอง ทหารร่างโชกเลือดคนหนึ่งก็วิ่งมาทางด้านนี้พลางตะโกน “แย่แล้ว! พวกกบฏได้บุกเข้าประตูเมืองแล้ว ใต้เท้าฉิน แม่ทัพทหารม้า และแม่ทัพเวยอู่ ล้วนพลีชีพในสนามรบ พวกกบฏกวาดล้างทุกอย่างราบเป็นหน้ากอง สู้ไม่ได้เลยขอรับ!”
อะไรนะ?!
ตาเฒ่าฉิน… พลีชีพในสนามรบ?
เริ่มจากบรรดาพี่หญิง จากนั้นก็เป็นท่านพ่อ ตระกูลฉินที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เหลือเพียงฉินเฟิงคนเดียวเท่านั้น…
ความโศกเศร้าและความโกรธแค้นระเบิดขึ้นในใจของฉินเฟิงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะร้องไห้อย่างขมขื่น สองตาของชายหนุ่มแดงก่ำ เขายกตะบองหัวฟักทองอันเล็กขึ้น ชี้ไปยังทหารที่มาส่งรายงานการเสียชีวิต แล้วคำราม “บั่นทอนขวัญกำลังใจของกองทัพ ลงทัณฑ์ทันที! ทุกคนสงบใจไว้ ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามลนลาน เราทุกคนพร้อมพลีชีพอย่างไม่เสียดาย!”
เฉินเกออยู่ใกล้กับทหารคนนั้นมากที่สุดจึงเตะเขาลงกับพื้นก่อนจะยก ‘ตะบองหัวหนาม’ ในมือขึ้น เตรียมจะฟาดหัวทหารคนนั้น
ในขณะที่สมองของทหารผู้โชคร้ายกำลังจะแหลกกระจุย ฉินเทียนหู่ที่ควรจะเสียชีวิตในสนามรบก็ตะโกนขึ้นว่า “พวกเจ้าทุกคนล้วนเป็นวีรบุรุษแห่งต้าเหลียง!”
ตะบองหัวหนามของเฉินเกอค้างอยู่กลางอากาศ แววตาของเขามึนงงไปพักหนึ่ง ก่อนจะเห็นทหารที่ ‘รบกวนขวัญกำลังใจของกองทัพ’ ผุดรอยยิ้มแปลกประหลาด
ฉินเฟิงซึ่งยืนอยู่บนขั้นบันไดอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงจนอึ้งไปพักใหญ่ ชายหนุ่มรีบมองไปยังต้นเสียง ก่อนจะเห็นฉินเทียนหู่กับแม่ทัพทั้งสองยืนอยู่บนกำแพง มองดูเหล่าบุตรหลานที่อยู่ด้านล่างด้วยแววตาปลาบปลื้มใจและร้อนแรง
ก่อนฉินเฟิงจะทันได้โต้ตอบ ประตูที่ปิดอยู่ด้านหลังเขาก็เปิดออกช้า ๆ พร้อมกับเสียงดัง แอ๊ด…
ภายใต้การคุ้มครองของทหารรักษาพระองค์ ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงได้นำเหล่าเชื้อพระวงศ์ ขุนนางบุ๋นและบู๊เดินออกมาจากด้านในค่ายด้วยสีหน้าโล่งใจ
“ในด่านประจัญหน้าทำลายค่ายกลและยุทธศาสตร์ทางทหาร แม่ทัพผู้ได้เข้ารับการคัดเลือกทุกคนจะชนะหรือแพ้เจิ้นไม่รู้ แต่ในด่านปรับตัวตั้งรับ พวกเจ้าทุกคนผ่านคุณสมบัติ!”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้เอ่ยออกมา เหล่าบุตรหลานที่เตรียมพร้อมจะสละชีพก็อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันเลิกลั่ก
ฉินเฟิงมีสีหน้ามึนงงมากกว่าใคร
นี่มันสถานการณ์อะไรกัน? ทุกอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้น… ถูกจัดฉากทั้งหมดหรือ?!
ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงเดินมาข้างกายฉินเฟิง ก่อนจะตบไหล่แล้วแย้มพระโอษฐ์ แต่ไม่ได้ตรัสอะไรออกมา จากนั้นก็หันไปหาเหล่าบุตรหลานและทหารใหม่ที่ตั้งขบวนอยู่ด้านล่าง ก่อนจะประกาศเสียงดัง “บุตรหลานและขุนนางทุกคนจะได้รับรางวัลหนึ่งพันตำลึงเงิน แต่งตั้งร้อยครัวเรือน*[1]! ส่วนทหารทุกคนจะได้รับรางวัลหนึ่งร้อยตำลึงเงิน แต่งตั้งสิบครัวเรือน”
ทุกคนที่ตกอยู่ในความมึนงงเริ่มเดือดพล่านขึ้นมาทันที พวกเขาส่งเสียงโห่ร้องดังก้องราวกับว่าชนะสงคราม
รางวัลเงินทองนั้นไม่นับว่าเป็นอะไรเลย ไม่แม้แต่จะต้องเอ่ยถึง
สิ่งสำคัญคือสิบครัวเรือนหรือร้อยครัวเรือนจะได้รับการเลี้ยงดู ชาตินี้ล้วนไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเครื่องดื่มอีกต่อไป
โดยเฉพาะบุตรหลานที่ได้รับรางวัลร้อยครัวเรือน นับว่าได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางขุนนางครึ่งก้าวแล้ว
แม้ว่าพวกเขาจะตื่นเต้น แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณฉินเฟิง
ชั่วเวลานั้น แววตาร้อนแรงจากทุกทิศทางมาบรรจบกันที่นายน้อยตระกูลฉิน
ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงหันมองฉินเฟิง ไม่ได้เอ่ยถึงรางวัล แต่กลับถามแฝงความหมายลึกซึ้งแทน “ทุกคนในตระกูลฉินถูกสังหารนอกเมือง พ่อของเจ้าก็เสียชีวิตในแนวหน้า ข่าวร้ายทยอยเข้ามาไม่ขาดสาย มิใช่ว่าเจ้าให้ความสำคัญกับครอบครัวของเจ้ามากที่สุดหรอกหรือ? ไยเจ้าจึงสามารถเพิกเฉยต่อครอบครัวของเจ้า และเอาแต่ระดมกำลังเพื่อป้องกันศัตรูได้เล่า?”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ