บทที่ 183 คนหนุนหลังมาถึงแล้ว?
ฉินเสี่ยวฝูรู้สึกสับสน เขาเอ่ยถามด้วยเสียงต่ำ “นายน้อย เราจะหายาบำรุงจากที่ใดในค่ายนี้ขอรับ?”
ฉินเฟิงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนส่งให้ผู้ช่วยเจ้ากรมเมือง จากนั้นก็หันไปจ้องฉินเสี่ยวฝู และเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าโง่หรืออย่างไร!”
จากนั้นเขาก็กระซิบสองสามคำข้างหูของบ่าวคู่ใจ
ยิ่งฉินเสี่ยวฝูฟังมากเท่าไร เขาก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้นเท่านั้น สายตาที่ใช้มองฉินเฟิงเปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ว่าเขาจะติดตามนายน้อยฉินมาเป็นเวลานาน แต่ฉินเสี่ยวฝูก็ยังรู้สึกว่าตนเองประเมินความไร้ยางอายของอีกฝ่ายต่ำเกินไปจริง ๆ
ไม่นานหลังจากนั้น ฉินเสี่ยวฝูก็ทำตามคำชี้นำของฉินเฟิง เขานำกล่องไม้มายัดใส่มือของผู้ช่วยเจ้ากรมเมือง ยิ้มชั่วร้ายอย่างขื่อบนไม่ตรงคานล่างย่อมเอียง แล้วกล่าวว่า “นายน้อยของข้าเห็นคุณค่าของน้ำใจไมตรีเป็นที่สุด แม้ว่ายาบำรุงเหล่านี้จะล้ำค่ามาก แต่เพราะคำนึงถึงเพื่อนเก่าอย่างใต้เท้าฉี จึงขายมันในราคายุติธรรมและไม่คิดกำไรใด ๆ เลย ดังคำกล่าวที่ว่า ถอนขนเส้นเดียวเป็นประโยชน์แก่ทั้งใต้หล้า”
ยามนี้ผู้ช่วยเจ้ากรมเมืองแค่อยากจะหนีจากสถานที่สุ่มเสี่ยงให้เร็วที่สุด ไหนเลยจะกล้าลังเล เขารีบรับกล่องไม้มา แล้วถามด้วยความหวาดระแวง “ข้าขอถาม ยาบำรุงตัวนี้จะขายราคาเท่าไหร่? ข้าจะได้รายงานใต้เท้าฉีตามความเป็นจริง”
ฉินเสี่ยวฝูโพล่งออกมาโดยไม่ต้องคิด “แค่สามหมื่นตำลึงเงินเท่านั้น!”
หัวใจของผู้ช่วยเจ้ากรมเมืองเต้นรัว เขาสงสัยนักว่ายาบำรุงนี่เป็นยาบำรุงชนิดใด จึงมีมูลค่าถึงสามหมื่นตำลึงเงิน? หรือบางทีอาจเป็นเขากวางและโสมกระมัง?
ช่างเถอะ!
เงินสามหมื่นตำลึงเงินนี้ถือเป็น ‘ค่าคุ้มครอง’ ก็แล้วกัน!
ผู้ช่วยเจ้ากรมเมืองพยักหน้ารัวเร็ว แล้วเปิดกล่องไม้ออกตรวจสอบทันที แต่เมื่อเขาเห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน ใบหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ
ยาบำรุงคุณภาพสูงมูลค่าหลายหมื่นตำลึงเงินนี้ จริง ๆ แล้วคือเห็ด เห็ดหูหนู และผักสดชนิดอื่น ๆ!
ผู้ช่วยเจ้ากรมเมืองแอบก่นด่าตัวเองที่ไร้เดียงสานัก
รู้ทั้งรู้ว่าฉินเฟิงไร้ยางอาย และอีกฝ่ายพร้อมที่จะฝังกลบใครก็ตามที่กล้าทำเขาขุ่นเคือง
คนอย่างพวกเขามาปะทะเข้ากับปากกระบอกปืนเข้าแล้วจริง ๆ
แต่เมื่อคิดดูอีกครา ผู้ช่วยเจ้ากรมเมืองก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย เงินสามหมื่นตำลึงเงินนั้นไม่มาก ถ้าหากมันสามารถซื้อชีวิตคืนได้
ท้ายที่สุดแล้ว หากเขาทำให้ฉินเฟิง เจ้าพ่อค้าหน้าเลือดผู้นี้ขุ่นเคือง เขาคงไม่สามารถหลบหนีได้ แม้จะมีเงินถึงสามแสนตำลึงเงิน นับประสาอะไรกับการยอมจ่ายแค่สามหมื่นตำลึงเงินกัน!
ผู้ช่วยเจ้ากรมเมืองมองหลินเฟยโม่ที่อยู่ข้าง ๆ อีกครั้ง
การล่วงเกินนายท่านผู้นี้ก็เป็นอันตรายถึงชีวิตเช่นกัน!
ผู้ช่วยเจ้ากรมเมืองเผยรอยยิ้มที่น่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้ออกมา จ้องมองกล่องเห็ดที่มีมูลค่าหลายหมื่นตำลึง ก่อนจะเพิกเฉยต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของตนเอง และชี้กวางเป็นม้า*[1] “ดี! ดีจริง ๆ สมกับเป็นยาบำรุงล้ำค่าของนายน้อยฉิน ท่านขายเพียงสามหมื่นตำลึงเงินเท่านั้น ขาดทุนแล้วจริง ๆ ข้าน้อยจะกลับไปรายงานข่าวดีต่อใต้เท้าฉีให้นะขอรับ”
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ กรามของเฉินเฉิงก็แทบจะร่วงลงกับพื้น
นี่มันเหตุการณ์บ้าบออันใดกัน?
ท้ายที่สุดแล้ว ชายผู้นี้เป็นผู้ช่วยเจ้ากรมเมืองจากศาลาว่าการกรมเมือง แต่เขากลับเกรงกลัวฉินเฟิง ชนิดที่ว่า ไม่มีท่วงท่าของมือปราบพญายมแห่งเมืองหลวงเลยแม้แต่ครึ่ง? นี่มีอย่างที่ไหนกัน!
เฉินเฉิงอดไม่ได้ที่จะตำหนิ “เจ้าดูให้ดี ๆ สิ นี่มันอะไรกัน! สามหมื่นตำลึงเงินรึ? แค่สามร้อยตำลึงเงินก็ยังไม่คุ้มเลยด้วยซ้ำ!”
ผู้ช่วยเจ้ากรมเมืองปิดกล่องอย่างรวดเร็ว ยิ้มขอโทษขอโพยเฉินเฉิง เมื่อเปิดปากขึ้นก็พูดไร้สาระ “นายน้อยเฉินคงจะไม่รู้ เห็ดเหล่านี้เป็นสมบัติบนภูเขาที่หายากมาก พวกมันช่วยรักษาอาการของใต้เท้าฉีได้ดียิ่ง ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้วข้าน้อยจะกลับไปรายงานใต้เท้าเพื่อนับเงินแล้วส่งไปที่จวนของนายน้อยฉินนะขอรับ”
หลังจากพูดจบ ผู้ช่วยเจ้ากรมเมืองก็ขยิบตาให้ผู้ใต้บังคับบัญชา และจากไปราวกับกำลังวิ่งหนี
ความตื่นตัวนี้สามารถพบได้โดยผู้ที่เคยประมือกับฉินเฟิงเท่านั้น
เดิมทีฉินเฟิงวางแผนจะไปเยี่ยมเจ้ากรมเมืองสักหน่อย แต่เมื่อเขาเห็นว่าผู้ช่วยเจ้ากรมเมืองรู้กฎเกณฑ์เป็นอย่างดี เขาก็ล้มเลิกความคิด
ใบหน้าสวยของหลิ่วหงเหยียนแดงก่ำ นางอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวด้วยอารมณ์
เจ้าน้องชายตัวเหม็นคนนี้ คงไม่มีใครกล้าหาญด้านหน้าได้เท่าเขาอีกแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นฉินเฟิงสงบเยือกเย็น ความกังวลในใจของหลิ่วหงเหยียนก็ค่อย ๆ หายไป
หลิ่วหงเหยียนปกป้องน้องชายมาตลอด แต่ในขณะนี้นางกลับพึ่งพิงอยู่ข้างหลังฉินเฟิงโดยไม่รู้ตัว


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ