บทที่ 186 อัดให้เละ
หลี่ว์เชียนปาดเหงื่อเย็นที่ไหลออกมาจากหน้าผาก แล้วแอบสาปแช่งตนเองที่เลอะเลือน จนพาตัวมาเปื้อนน้ำโคลน ตอนนี้ใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวัง “บรรดาขุนนางที่ท่านกล่าวถึง ในตอนนี้กำลังดื่มและพูดคุยกันอยู่ที่จวนฉิน วันนี้จวนฉินจัดงานเลี้ยงครั้งใหญ่ และมีขุนนางกว่าครึ่งในเมืองหลวงไปร่วมแสดงความยินดี…”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ ร่างของหลินเฟยโม่ก็อ่อนแรงจนเกือบจะล้มลง
เขาไม่ได้กลับมาที่นี่แค่ไม่กี่ปี ทั้งเมืองหลวงก็กลายเป็นใต้หล้าของตระกูลฉินไปแล้วหรือ?!
ใบหน้าของหลินเฟยโม่เดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาว เขาแอบกัดฟันกรอด ชี้ไปที่ฉินเฟิง แล้วตะโกนด้วยความโกรธ “คนแซ่ฉิน เรื่องนี้ยังไม่จบง่าย ๆ แน่ เจ้ารอก่อนเถอะ!”
หลินเฟยโม่หันหลังกลับ เตรียมตัวจะจากไป
ฉินเสี่ยวฝูที่รออยู่เป็นเวลานาน พุ่งไปพร้อมกับทหารองครักษ์ ล้อมรอบหลินเฟยโม่เอาไว้
หลินเฟยโม่ขมวดคิ้ว หันมองฉินเฟิง ก่อนจะกัดฟันพูดว่า “ท่านป้าของข้าเป็นกุ้ยเฟยและท่านปู่ของข้าเป็นไท่เป่า เจ้ากล้าดียังไงมาแตะต้องข้า หลีกไปให้พ้นทางเดี๋ยวนี้! ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้ทั้งตระกูลฉินถูกฝังไปพร้อมกับเจ้า!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้
รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินเฟิงก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
เมื่อผู้คนรอบ ๆ เห็นรอยยิ้มของนายน้อยฉิน แผ่นหลังของพวกเขาก็เย็นวาบขึ้นมา
ขณะฉินเฟิงกำลังจะยืนขึ้น หลิ่วหงเหยียนก็คว้าแขนของเขาเอาไว้ นางกัดริมฝีปากบาง แล้วพูดเสียงเบา “ช่างมันเถอะ อย่าก่อเรื่องใหญ่”
ฉินเฟิงตบหลังมือของหลิ่วหงเหยียนพลางพูดเบา ๆ และส่งสายตาเป็นเชิงปลอบใจ “พี่หญิงรอง ถ้าหลินเฟยโม่หาเรื่องแค่ข้าก็แล้วไปเถิด! ยังไงคนที่ไม่ชอบหน้าข้าก็มีถมเถไป ข้าชินเสียแล้ว แต่เขาสร้างความยุ่งยากให้ท่านและตระกูลฉินซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว”
“ใครก็ตามที่กล้าคุกคามคนในตระกูลของข้า คนผู้นั้นจะต้องชดใช้!”
“พี่หญิงรอง ตราบใดที่ข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะไม่ยอมให้ท่านและคนในตระกูลต้องทนทุกข์แม้เพียงนิด!”
ความกังวลในใจของหลิ่วหงเหยียนถูกแทนที่ด้วยอารมณ์ซาบซึ้งโดยสิ้นเชิง
ราวกับว่าตราบใดที่ฉินเฟิงอยู่ที่นี่ ทั้งใต้หล้าก็ไม่มีอะไรน่าหวาดหวั่นอีกแล้ว
เหตุการณ์วันนี้ ไม่ว่าจะใหญ่โตและรุนแรงแค่ไหน หรือถึงขั้นต้องแลกชีวิต หลิ่วหงเหยียนก็ไม่สนใจอีกต่อไป นางแค่ต้องการสนับสนุนฉินเฟิงอย่างไร้เงื่อนไขเท่านั้น
ในตอนที่คุณหนูรองตระกูลฉินยอมปล่อยมือ ฉินเฟิงก็เดินตรงไปหาหลินเฟยโม่ทันที
เมื่อมองฉินเฟิงที่ก้าวประชิดเข้ามาทีละก้าว หลินเฟยโม่ยังคงเต็มไปด้วยความรังเกียจ แม้ว่าฉินเฟิงจะเป็นเหมือนปลาได้น้ำ*[1] ในเมืองหลวง แล้วอีกฝ่ายจะทำอะไรเขาได้?
หลินเฟยโม่ไม่เชื่อว่าเจ้าหมอนี้จะกล้าแตะต้องร่างกายเขาแม้เพียงปลายเล็บ เว้นเสียแต่ว่าคนแซ่ฉินอยากจะแบกรับกับความเกรี้ยวกราดของไท่เป่าและกุ้ยเฟยเหนียงเหนียง
ใบหน้าของหลินเฟยโม่ยังคงเย็นชา เขาถ่มน้ำลาย พลางพูดว่า “ถ้าเจ้าแน่จริงก็ลองแตะต้องตัวข้าดูสิ เฮอะ ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่กล้าลงมือเสียมากกว่า!”
ความคิดของหลินเฟยโม่นั้นง่ายดายมาก เขาคิดว่าการทำให้ฉินเฟิงโกรธและลงมือ คือโอกาส เพราะตราบใดที่ฉินเฟิงกล้าลงมือ ไท่เป่าและกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงจะไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่
และหากอีกฝ่ายไม่กล้า หลินเฟยโม่ย่อมได้กอบกู้ศักดิ์ศรีที่เขาเพิ่งเสียไปกลับคืนมา
ในตอนที่หลินเฟยโม่กำลังคิดว่าตนเองถือไพ่เหนือกว่านี่เอง
ฉินเฟิงก็ค่อย ๆ หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ บนนั้นมีรายชื่อเขียนอยู่เรียงราย
ฉินเฟิงชี้ไปที่ชื่อบนกระดาษ และกล่าวแนะนำด้วยรอยยิ้ม “คนเหล่านี้ล้วนเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง และยังมีหมอเทวดาชื่อก้องแคว้นอยู่ด้วย เจ้าจำชื่อนี้ได้หรือไม่ นี่คือลายมือชื่อของแพทย์หลวงประจำพระราชวังต้องห้าม ดูสิ คำวินิจฉัยคืออะไร?”
หลินเฟยโม่รู้สึกแปลกใจ ไม่รู้ว่าฉินเฟิงเอาลายมือชื่อของหมอมากมายมาทำไม
เขาจึงก้มดู และถึงได้เห็นผลการวินิจฉัย…โรควิปลาส…
โรควิปลาส?!
หรือว่าฉินเฟิงเป็นคนบ้า สมองพิกลพิการรึ?
ก่อนที่หลินเฟยโม่จะได้สติกลับมา หลี่ว์เชียนที่อยู่ด้านข้างก็ตกใจมากจนกรีดร้อง “นายน้อยหลิน ระวัง! ฉินเฟิงมักจะอ้างว่าตนเองป่วยเป็นคนบ้าเพื่อปกป้องตัวเอง”
อะไรนะ?

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ