บทที่ 188 ร้านสุราธารหยก
เพื่อป้องกันไม่ให้หลิ่วหงเหยียนคิดมากเกินไป ฉินเฟิงรีบอธิบายว่า “จะไม่ไว้ใจท่านได้อย่างไร เพียงแต่ห้องบัญชีของตระกูลฉินจะไม่เพียงพอสำหรับเราอีกต่อไป ท้ายที่สุดนอกเหนือจากหอสุราและอุตสาหกรรมน้ำตาลแล้ว ก็ยังมีรายรับและรายจ่ายของตระกูลฉินด้วย เราจะคำนวณทั้งหมดได้อย่างไร? นี่แค่ระยะเริ่มแรก รอกระทั่งพัฒนาใหญ่โตในอนาคต แค่คำนวณบัญชีรายวันก็ทำให้ปวดหัวได้แล้ว”
“นอกจากกิจการอาหารและน้ำตาล ก็ยังมีโรงงานและร้านหนังสืออีก เราต้องจ่ายภาษีเข้าท้องพระคลัง และสร้างกองทัพใหม่ เมื่อรวมกันแล้วจะเป็นระบบบัญชีที่ใหญ่โตมาก เพราะฉะนั้น เราจึงต้องสร้างห้องบัญชีอีกที่หนึ่ง และรับสมัครกลุ่มนายบัญชี”
“เรื่องจ้างนายบัญชีเป็นสิ่งสำคัญที่สุด พวกเขาจะต้องเชื่อถือได้ ไม่เช่นนั้นถ้าทำบัญชีปลอมขึ้นมา เราก็จบเห่ ดังนั้นหลังจากสร้างห้องบัญชีแล้ว พี่หญิงรอง ท่านจะต้องรับผิดชอบทั้งการจ้างงานและการจัดการคน”
หลิ่วหงเหยียนเข้าใจในทันที
ตลอดมานางรู้สึกว่าการที่นางช่วยเหลือฉินเฟิงคำนวณบัญชีเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย
ทว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปการคำนวณบัญชีจะกลายเป็นอาชีพหลักของนาง
แต่ไม่เป็นไร อย่างไรการฝากเรื่องสำคัญเช่นนี้ไว้กับผู้อื่นก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจไว้วางใจ
เมื่อหลิ่วหงเหยียนเห็นด้วย ฉินเฟิงก็กล่าวเสริมอีกประโยค “ชื่อเสียงของหอสุราธารหยกแพร่สะพัดออกไปแล้วใช่หรือไม่?”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลิ่วหงเหยียนก็รู้สึกแปลก ๆ นางไม่เข้าใจว่าฉินเฟิงกำลังมีความคิดชั่วร้ายอันใดอยู่ แต่นางยังคงพยักหน้า “ไม่มีใครในเมืองหลวงไม่รู้จัก ในขณะที่หอเซียนเมามายกำลังจะไปต่อไม่ไหว หอสุราธารหยกของเราก็กลายเป็นหอสุราที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวง ไม่มีใครเทียบได้ หลงจู๊บอกว่า ช่วงนี้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจำนวนไม่น้อยมาที่หอสุราธารหยกเพื่อเปิดหูเปิดตา”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินเฟิงก็รู้สึกมั่นใจ เขาเอ่ยทันทีว่า “ถ้าอย่างนั้นเราก็สามารถขยายสาขาได้แล้ว”
หลิ่วหงเหยียนรู้สึกประหลาดใจ “ขยายสาขา? แค่หอสุราหอเดียว อาทิตย์แรกก็ต้องลงทุนเงินไปจำนวนมาก เจ้าไม่ได้บอกว่าตอนนี้เป็นเวลาที่จะเก็บเงินหรือ? นี่รีบเกินไปหน่อยรึไม่?”
ฉินเฟิงส่ายศีรษะพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม “พี่หญิงรอง ข้ายังไม่ได้พูดอะไรเลย เราจะลงเงินทุนกันเองได้อย่างไรเล่า ข้ามีสองวิธี หนึ่งคือพัฒนาเครือข่ายระดับล่าง และสองคือทำสัญญาเข้าร่วมกลุ่มเช่นเดียวกับอุตสาหกรรมน้ำตาล”
กิจการเครือข่ายทั่วไปแบ่งออกเป็นสามระดับคือ สูง กลาง และต่ำ
หอสุราธารหยกครองตลาดระดับสูงอย่างมั่นคง ส่งผลให้หอสุราระดับกลางและระดับต่ำว่างอยู่ เนื่องจากการแข่งขันในหอสุราระดับกลางนั้นมีมากเกินไป และการลงทุนก็สูง ฉินเฟิงจึงไม่สนใจมากนัก เขาเพียงต้องพิชิตตลาดระดับล่างเท่านั้น
เปลี่ยนชื่อหอสุราธารหยกเป็น ‘เหลาสุราธารหยก’ และโปรโมตในวงกว้างทันที โดยมุ่งหมายให้แน่ใจว่าทุกมณฑล ทุกเมือง ในต้าเหลียงมีร้านสุราธารหยก
กำไรน้อยแต่หมุนเวียนเร็ว
และในส่วนของการทำสัญญาและการเข้าร่วมนั้นก็ดำเนินการได้ง่ายกว่า
ดังคำกล่าวที่ว่าร่มเงาใต้ต้นไม้ใหญ่นั้นสะดวกสบาย ใครก็ตามที่ต้องการทำเงินด้วยการอาศัยชื่อเสียงของหอสุราธารหยก จะต้องมอบของกำนันให้กับฉินเฟิง วิธีนี้ง่ายดาย และปฏิบัติได้จริง
พูดง่าย ๆ ก็คือ ขายโดยอาศัยชื่อ ‘หอสุราธารหยก’ นั่นเอง!
เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ทำสัญญาไม่รักษาคุณภาพและทุบทำลายชื่อเสียงของหอสุราธารหยก จะต้องฝึกอบรมกลุ่มผู้ชี้แนะ ผู้ทำสัญญาและเครือข่ายทุกคนจะต้องมีผู้ชี้แนะหนึ่งคนคอยดำเนินการควบคุมคุณภาพ
สิ่งเหล่านี้ฉินเฟิงมอบให้หลิ่วหงเหยียนเป็นคนจัดการ
หลังจากฟังแนวคิดทางกิจการที่น่าเหลือเชื่อของฉินเฟิงแล้ว หลิ่วหงเหยียนก็ตกตะลึงอ้าปากค้างไปอีกครั้ง “ความเฉียบแหลมทางกิจการนี้เรียกได้ว่าเป็นประวัติการณ์ ถ้าให้ข้าคิด ทั้งชีวิตนี้คงจะไม่สามารถคิดออกมาได้ว่ามีวิธีการเช่นนี้ด้วย”
นี่นับเป็นคำชมที่หายากจากหลิ่วหงเหยียน ฉินเฟิงพลันดีใจจนตัวลอย เขาพูดอย่างทะเล้น “พี่หญิงรอง ท่านต้องใส่ใจเรื่องนี้และเริ่มต้นให้เร็วที่สุด นี่คือกิจการของบ้านเราเอง”
ตอนแรกหลิ่วหงเหยียนยังไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเพราะคิดว่า ‘บ้านเราเอง’ หมายถึงตระกูลฉิน
แต่พอสังเกตเห็นรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าของฉินเฟิง นางถึงได้เข้าใจว่า เจ้าเด็กตัวเหม็นหมายถึงอะไร แก้มสวยพลันแดงก่ำด้วยความขวยเขินในทันที นางต่อยหลังฉินเฟิง แม้ว่ากำปั้นสีชมพูเล็ก ๆ นี่จะไม่ทรงพลังมากนัก แต่ฉินเฟิงที่ถูกทุบก็ยังต้องร้องซี้ด
หลิ่วหงเหยียนกลอกตา แล้วเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ขี้เกียจจะสนใจเจ้าแล้ว!”
หลังจากพูดอย่างนั้น นางก็หันหลังกลับ เดินจากไป
ด้วยเหตุนี้ ในที่สุดชายหนุ่มก็สามารถนอนหลับได้อย่างสงบสุขเสียที

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ