บทที่ 203 ลอบสังหารกลางดึก
ค่ำคืนดำเนินไปเรื่อย ๆ ทั้งเมืองหลวงหลับใหลอยู่ในห้วงนิทรา แต่ค่ายฝึกซ้อมยังคงมีแสงสว่างไสว
ลานฝึกอยู่ใกล้แค่เอื้อม
ฉินเฟิงคลายความระมัดระวังลงโดยไม่รู้ตัว
ในตอนนี้เอง เสียงดังแผ่วเบาแต่ชัดเจนก็ดังมาจากทางด้านขวา
ก่อนที่ชายหนุ่มจะทันได้ตอบสนองก็รู้สึกถึงความเจ็บที่แล่นโจมตีรอบลำคอแล้ว
พลันยื่นมือไปคลำก็พบเข็มหนึ่งเล่มปักอยู่บนคอ และเข็มนี้มีพู่ห้อยอยู่ด้านหลัง
กล้องเป่าลูกดอก!
โชคดีที่ลูกดอกแบบเป่านั้นโดยทั่วไปไม่ทรงพลังมากนัก จึงมีเพียงส่วนปลายเท่านั้นที่ปักเข้าเนื้อบริเวณลำคอ
ฉินเฟิงดึงลูกดอกออก เมื่อก้มดูก็พบว่าปลายเข็มเปื้อนเลือดของเขา อีกทั้งยังมีร่องรอยของสีเขียวปนมาเล็กน้อย
“แย่แล้ว! มีพิษ!”
ฉินเฟิงตกใจหน้าซีด เขาคลำจับส่วนที่บาดเจ็บ แล้วบีบอย่างสุดกำลัง เลือดถูกบีบออกจนลำคอครึ่งหนึ่งเปื้อนไปด้วยโลหิตสีแดง จากนั้นชายหนุ่มก็ตะโกนใส่ฉินเสี่ยวฝูที่อ้าปากตาค้างอยู่ข้าง ๆ “หยุดมึนงงได้แล้ว รีบไปที่ค่ายเร็ว!”
ฉินเฟิงบีบแผลที่คอไว้ด้วยมือเดียว ไม่สนใจว่าพิษจะถูกบีบออกมาหมดแล้วหรือไม่ ขณะเดียวกันมืออีกข้างคว้าคอเสื้อของฉินเสี่ยวฝูให้วิ่งไปที่ค่าย
ปรากฏว่าทันทีที่ก้าวขาไปได้เพียงสองก้าว เขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอยางดังแหวกอากาศมาจากข้างหลังอีกครั้ง
นายน้อยเจ้าสำราญพลันรู้สึกว่าขาสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง ร่างทั้งร่างล้มกระแทกพื้นอย่างแรงทันที
ขณะที่กำลังงุนงงก็หันกลับมอง เขาเห็นว่าปลายเท้าของตนเองพันเข้ากับ ‘บ่วง’ อย่างแน่นหนา
ในที่สุดฉินเสี่ยวฝูก็ตระหนักได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และอุทานด้วยความตกใจ “นายน้อย มีนักฆ่า!”
ฉินเฟิงตื่นตระหนกในใจ ปกติเขาจะมีผู้คุ้มกันมาด้วยตลอด ถ้าไม่ใช่จิ่งเชียนอิ่งก็ชูเฟิง แต่วันนี้เขาดันไม่ได้พาพวกนางมาด้วย แล้วดันมาเจอนักฆ่าเสียนี่
เดี๋ยวก่อนนะ!
โลกนี้จะไปมีเรื่องบังเอิญขนาดนั้นได้ยังไง?
หรือว่านักฆ่าผู้นี้ซ่อนตัวและเฝ้ารอหาโอกาสในการลงมือมานานแล้ว?
แผ่นหลังของฉินเฟิงเย็นเยียบ เนื่องจากเขาไม่สามารถหลุดออกจากบ่วงที่รัดแน่นได้ เขาผลักฉินเสี่ยวฝูอย่างแรง “ปล่อยข้าไว้! รีบไปหากำลังเสริมที่ค่าย ไม่อย่างนั้นเราทั้งคู่จะต้องตายที่นี่!”
ฉินเสี่ยวฝูรู้ว่าอยู่ต่อไปตัวเองก็ไร้ประโยชน์ จึงออกแรงวิ่งไปทางค่ายอย่างบ้าคลั่ง
ทันทีที่นายน้อยฉินพลิกตัวนั่ง เขาก็เอื้อมมือไปพยายามปลดบ่วงรอบข้อเท้าออก เสียงบุรุษที่ฟังดูเย็นชาพลันดังขึ้นเบื้องหน้า
“การตอบสนองของเจ้าเร็วดีนี่ รู้ว่าต้องบีบเลือดออกทันทีเสียด้วย หรือว่าเจ้าเคยถูกพิษมาก่อน?”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ นายน้อยฉินก็ตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าแสดงอาการหุนหันพลันแล่น เขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองดูชายชุดดำ
คนผู้นี้ตัวไม่สูงนัก
หากคาดคะเนจากสายตา อีกฝ่ายสูงเพียงร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร รูปร่างโปร่ง สวมกางเกงรัดรูปสีดำสนิท มีผ้าปิดบังใบหน้ามิดชิด เผยให้เห็นเพียงดวงตาและจมูกเท่านั้น จึงมองไม่สามารถเห็นใบหน้าได้ชัดเจน แต่อีกฝ่ายมีอาวุธห้อยอยู่ที่เอวด้วย เห็นได้ชัดว่าเป็นนักฆ่ามืออาชีพ
ฉินเฟิงกลืนน้ำลาย รีบยิ้มขอโทษขอโพย “พี่ชาย! มีอะไรก็พูดกันดี ๆ เถิด อย่าเพิ่งลงมือเลย ข้าให้หนึ่งท่านแสนตำลึงเงินเพื่อละเว้นชีวิตสุนัขอย่างข้าดีหรือไม่?”
นักฆ่าชุดดำหัวเราะเยาะ “จ่ายเงินเพื่อซื้อชีวิต? นายน้อยฉิน เจ้าไร้เดียงสาเกินไปหน่อยกระมัง? ตั้งแต่ข้าท่องไปในยุทธภพ ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีคนสามารถซื้อชีวิตต่อหน้านักฆ่าป้ายทองจากสมาคมรายนามสวรรค์ได้เลย”
นักฆ่าป้ายทองจากสมาคมรายนามสวรรค์…



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ