บทที่ 215 ผลิตสำเร็จ
หลี่เซียวหลานได้ยินเสียงกรีดร้องนอกลาน ดังใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาของนางพลันเคร่งขรึม “ท่านแม่ เป็นทหารลาดตระเวนเป่ยตี๋ เกรงว่าพวกมันจะพุ่งเป้ามาที่ท่านและข้า”
ฉินเฉิงซื่อพยักหน้าแต่สีหน้ากลับไม่ได้วิตกแต่อย่างใด ดูเหมือนว่าการมาถึงของทหารลาดตระเวนเป่ยตี๋ จะเป็นสิ่งที่นางคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วด้วยซ้ำ
ขณะปล่อยให้หลี่เซียวหลานเก็บข้าวของ ฮูหยินฉินก็พูดขึ้นเบา ๆ “การต่อสู้ระหว่างต้าเหลียงกับเป่ยตี๋ใกล้เข้ามาแล้ว หน่วยสอดแนมเป่ยตี๋กระจายอยู่ทั่วต้าเหลียง พวกมันคงสืบสาวจนรู้ความจริง ตอนนี้ที่มาโจมตีเราสองแม่ลูกคงเพราะจะจับเป็นตัวประกันเพื่อข่มขู่ท่านพ่อของเจ้า แม้ว่าท่านพ่อของเจ้าจะองอาจผึ่งผาย และไม่หวั่นไหวไปกับพวกมันง่าย ๆ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ฮ่องเต้จะยอมเสี่ยงมอบอำนาจบัญชาการสงครามเป่ยตี๋ให้กับเขาต่อ”
“การเคลื่อนไหวตัดไฟตั้งแต่ต้นลมของเป่ยตี๋ครั้งนี้ แม้จะเป็นเรื่องไม่คาดฝัน แต่ก็สมเหตุสมผล!”
“หลานเอ๋อร์อย่าเพิ่งตกใจ พวกทหารลาดตระเวนเป่ยตี๋สามารถเข้ามาในอำเภอเป่ยซีได้ แปลว่าจะต้องพาคนมาไม่มาก เจ้าเพียงแค่หนีไปพร้อมกับแม่ก็พอ”
ขณะพูดคุย ฉินเฉิงซื่อกับหลี่เซียวหลานก็แบกสัมภาระ เปิดหน้าต่างด้านหลัง และปีนออกไปผ่านช่องหน้าต่างแคบ ๆ นั่น
พวกนางซ่อนตัวอยู่ใต้กำแพงเตี้ย เดินอ้อมไปตามถนนเล็ก ๆ ไม่นานก็มาถึงบริเวณชายขอบของหมู่บ้าน
และข้างหน้าก็เป็นป่ารกร้างผืนหนึ่ง
ช่วงขณะที่สองแม่ลูกกำลังจะหลบหนีจากความตาย พลันก็ได้ยินเสียงกีบเท้าม้าอันรวดเร็วดังก้อง
ม้าศึกที่ดักซุ่มอยู่นอกหมู่บ้านเห็นทั้งคู่จึงควบม้าเข้ามา ทวนในมือชี้ไปตรงหน้าฉินเฉิงซื่อ และตวาดด้วยเสียงต่ำ “เจ้าเป็นภรรยาของเสนาบดีกรมกลาโหมแห่งต้าเหลียงใช่หรือไม่?!”
ฉินเฉิงซื่อปกป้องหลี่เซียวหลานไว้ข้างหลัง เผชิญหน้ากับปลายทวนอันเย็นเยียบ คิ้วของนางขมวดเล็กน้อย “พวกเราสองแม่ลูกเป็นเพียงแค่สตรีธรรมดา ๆ ในหมู่บ้าน ใต้เท้าจำคนผิดหรือไม่เจ้าคะ?”
ความเย็นชาวาบผ่านดวงตาของทหารม้า “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเก็บพวกเจ้าไว้!”
ทันทีที่เขาพูดจบ ทวนในมือก็แทงไปทางฉินเฉิงซื่ออย่างรวดเร็ว
…
ณ โรงงาน ค่ายเทียนจี
หลู่หมิงนำกลุ่มช่างฝีมือผู้ชำนาญการสร้างถังดีบุกจนเสร็จสมบูรณ์
และวัตถุดิบสำหรับการสกัดลูกแก้วหลิวหลีก็กองอยู่ที่มุมหนึ่งของโรงงาน
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือเริ่มการผลิตอย่างเป็นทางการ
ลูกแก้วหลิวหลีเป็นสินค้าหรูหราที่หาได้ยากมากในยุคนี้
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้วิธีการผลิตรั่วไหล ฉินเฟิงจึงสร้างโกดังติดกับโรงงาน เอาไว้สำหรับการผลิตลูกแก้วหลิวหลีโดยเฉพาะ และอนุญาตให้หลู่หมิงเข้ามาได้เพียงคนเดียวเท่านั้น หากในอนาคตฉินเฟิงไม่สามารถทำงานนี้ได้ หลู่หมิงจะได้รับช่วงต่อ
ขั้นแรกนายน้อยเจ้าสำราญบดวัตถุดิบทั้งหมดให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
จากนั้นจึงบันทึกอัตราส่วนของวัตถุดิบต่าง ๆ ลงในสมุด ผสมให้เข้ากันแล้วนำทั้งหมดเข้าเตาหลอม
หลังจากการปรับไปเปลี่ยนมาของนายน้อยฉินและหลู่หมิง เตาที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาก็เป็นตัวแทนเทคโนโลยีสูงสุดของเตาหลอมในยุคนี้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเชื้อเพลิงเป็นเพียงถ่านไม้เท่านั้น อุณหภูมิสูงสุดที่สามารถทำได้จึงไม่เพียงพอ อีกทั้งยังห่างไกลจากการจะใช้กลั่นลูกแก้วหลิวหลีออกมาได้
และเนื่องจากไม่มีเทอร์โมมิเตอร์ ฉินเฟิงจึงทำได้เพียงอาศัยความรู้ของตนเองในการตัดสินว่า เพดานอุณหภูมิสูงสุดในเตาเผานี้อยู่ที่หนึ่งพันสองร้อยองศา
ทว่าการละลายแก้วหลิวหลีให้หลอมเหลวต้องใช้ความร้อนถึงหนึ่งพันเจ็ดร้อยองศา
เท่ากับว่ายังขาดอีกห้าร้อยองศา การแก้ปัญหานั้นในยุคนี้ยากพอ ๆ กับการปีนขึ้นฟ้าเลยทีเดียว

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ