บทที่ 217 ข่าวร้ายแว่วมา
ฉินเสี่ยวฝูโบกมืออยู่ไกล ๆ พลางส่งเสียงตะโกน “นายน้อย แย่แล้ว เกิดเรื่องแล้วขอรับ!”
ฉินเฟิงรู้สึกหดหู่ ที่นี่อยู่ใต้พระบาทโอรสสวรรค์ จะมีเรื่องใหญ่โตอะไรได้อีก?
วัน ๆ ดีแต่ส่งเสียงเอะอะมะเทิ่ง ช่วยสงบสติอารมณ์หน่อยได้ไหมนั่น?
ฉินเสี่ยวฝูวิ่งมาตรงหน้าฉินเฟิง มือทั้งสองข้างจับเข่า และหอบหายใจแรง “นายน้อย ท่านรีบกลับจวนเถิด ครั้งนี้เกิดปัญหาใหญ่จริง ๆ ท่านรีบไปก่อน ข้าน้อยจะไปแจ้งคุณหนูให้ทราบ”
เมื่อเห็นใบหน้าตื่นตระหนกของบ่าวคู่ใจจึงรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดไปเรื่อยอย่างเคย ฉินเฟิงขมวดคิ้วแน่น “เกิดอะไรขึ้น!”
ฉินเสี่ยวฝูตะโกนบอกขณะที่วิ่งไปทางห้องบัญชี “พวกทหารลาดตระเวนเป่ยตี๋กำลังบุกโจมตี พวกมันพุ่งเป้าไปบ้านเก่าตระกูลฉิน ฮูหยินฉินมีภัยแล้ว!”
อะไรนะ!
ฉินเฟิงตัวแข็งค้างอยู่กับที่ ดวงตาของชายหนุ่มฉายแววไม่เชื่อ
เป่ยตี๋จะโจมตีมารดาของฉินเฟิงรึ?!
หลังตกใจอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าเป่ยตี๋ไม่มั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเอง กลัวว่าต้าเหลียงจะมีชัยในการศึก และขับไล่เป่ยตี๋ออกไปได้ พวกมันจึงต้องการจับฮูหยินฉินเป็นตัวประกัน ขัดขวางแผนยุทธศาสตร์ของต้าเหลียง!
ฉินเฟิงไม่กล้าลังเล รีบมุ่งหน้ากลับจวนฉินทันที
เมืองหลวงต้าเหลียง ณ จวนตระกูลฉิน
เพล้ง!
เสียงคมชัด ตามด้วยเศษถ้วยชาที่แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
ตอนนี้ ใบหน้าของฉินเทียนหู่แดงก่ำด้วยความโกรธ เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันราวกับเสือที่โมโหจัด “ไร้ยางอาย! คนป่าเถื่อนเป่ยตี๋ไร้ความสามารถเสียจริง ถึงกับใช้วิธีการน่ารังเกียจเช่นนี้! ถ้าแน่จริงก็มารบกับบุรุษต้าเหลียงของข้าสิวะ! จับภรรยากับบุตรสาวของข้าฉินเทียนหู่ไปทำไมกัน!”
เสียงคำรามของเสนาบดีกรมกลาโหมดังก้องอยู่ในจวน
บ่าวรับใช้ที่รออยู่ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง
จนกระทั่งมีรายงานจากนอกประตู บ่าวรับใช้ทุกคนถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“นายน้อยกับคุณหนูกลับมาแล้วขอรับ”
ฉินเฟิงและพี่หญิงทั้งสามรีบเข้าไปในห้องโถงอย่างรวดเร็ว
เวลานี้ไม่มีใครสนใจเรื่องมารยาทอันใดแล้ว มาถึง ฉินเฟิงก็ถามขึ้นทันที “ท่านพ่อ! ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น! ท่านแม่กับพี่หญิงสามเป็นอย่างไรบ้าง?”
เมื่อฉินเฟิงได้รับข่าวก็รีบกลับมาโดยเร็วที่สุด
แม้จะมีความทรงจำส่วนใหญ่ของเจ้าของร่างเดิม แต่ในเรื่องมารดา ชายหนุ่มกลับรู้เพียงเล็กน้อย อาจเป็นเพราะท่านแม่ออกจากเมืองหลวงไปบ้านเกิดนานแล้ว แม่ลูกพรากจากกันนานเกินไป
พูดตามตรงฉินเฟิงไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อท่านแม่ที่เขาไม่เคยพบมากนัก
แต่ถ้าไม่ใช่เพราะความทุ่มเทและการเสียสละของฮูหยินฉินในตอนนั้น ตระกูลฉินคงไม่เป็นอย่างทุกวันนี้
อีกทั้งบุญคุณของมารดาผู้ให้กำเนิดก็สูงส่ง ไม่ว่าอย่างไรฉินเฟิงก็จะไม่มีวันเพิกเฉยต่อเรื่องนี้เด็ดขาด
ตลอดมาฉินเทียนหู่พยายามหลีกเลี่ยงการพูดถึงฮูหยินฉินอย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้เป่ยตี๋ต้องการโจมตีนางเพื่อขัดขวางเขา ต่อให้อยากจะหลีกเลี่ยง เขาก็หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว
เมื่อนึกถึงปีที่ฮูหยินฉินออกจากเมืองหลวง เสนาบดีกรมกลาโหมก็รู้สึกเศร้าใจนัก เขาเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วถอนหายใจ “อำเภอเป่ยซีเป็นบ้านเกิดตระกูลฉิน แม้ว่าจะอยู่ห่างจากชายแดนสี่สิบลี้ และระหว่างทางก็มีค่ายทหารรักษาการณ์หลายแห่ง แต่เพราะเป่ยตี๋จงใจโจมตีด้านตะวันออก กองทหารชายแดนจึงหันเหความสนใจไปประจำการในแนวรบด้านตะวันออกอย่างหนาแน่น แนวรบด้านตะวันตกจึงเหลือทหารไม่มาก หากเป่ยตี๋ส่งทหารลาดตระเวนเล็ดรอดเข้ามาทางด้านตะวันตกเพื่อยึดอำเภอเป่ยซี ก็เกรงว่าคงยากจะป้องกัน”
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ