บทที่ 223 ขี่ช้างจับตั๊กแตน
เมื่อได้ยินเช่นนี้หลู่หมิงก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาหันกายไปโบกมือสั่ง “เอามันขึ้นมา”
ช่างฝีมือสี่คนถือของที่มีลักษณะเป็นรูปสี่ทรงเหลี่ยมจัตุรัสทว่าบางมากเข้ามา ของสิ่งนั้นคลุมด้วยผ้าสีแดง ดูไปแล้วก็คล้ายแผ่นป้าย
จากนั้นก็มีช่างฝีมืออีกคนถือกล่องไม้เดินตามมาด้วย
เสิ่นชิงฉือขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยถามด้วยความสับสน “นี่คืออะไร? แผ่นป้ายกระมัง? เฟิงเอ๋อร์จะมอบแผ่นป้ายให้ผู้ใดหรือ?”
ลู่หมิงไม่ได้อธิบาย เพียงเผยรอยยิ้มแฝงความนัย “คุณหนูใหญ่ดูแล้วก็จะรู้ทันทีขอรับ”
เสิ่นชิงฉือเดินเข้ามา ชั่วพริบตาที่นางยกผ้าสีแดงขึ้น ร่างทั้งร่างพลันแข็งทื่อ
สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าหาใช่แผ่นป้าย!
แต่เป็นแผ่นกระจกหลิวหลีสี่แผ่นที่สร้างขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์!
กระจกสวยล้อมรอบด้วยไม้แดงที่ผ่านการแกะสลักเป็นลวดลายมังกรอันงดงาม ที่แท้มันคือหน้าต่าง!
เสิ่นชิงฉือรักษาลูกแก้วหลิวหลีที่องค์หญิงใหญ่ตบรางวัลให้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด มันเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดในชีวิตของนาง
แต่บัดนี้ เมื่อเทียบกับหน้าต่างหลิวหลีตรงหน้าแล้ว ลูกแก้วหลิวหลีที่นางหวงหนหนักหนาก็สามารถโยนทิ้งไปได้เลย!
ทั้งสองอย่างนี้ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันแม้แต่น้อย
เสิ่นชิงฉือป้องปาก พยายามระงับความประหลาดใจลง “หลิวหลีนี้มาจากที่ใด?”
หลู่หมิงคาดเดาปฏิกิริยาของเสิ่นชิงฉือไว้ล่วงหน้าแล้ว อดไม่ได้ที่จะภาคภูมิใจอยู่เงียบ ๆ “นายน้อยเป็นผู้หลอมขอรับ”
ทันทีที่เขาพูดจบ คุณหนูใหญ่ก็ตกตะลึงไปอีกครั้ง
หลอมหลิวหลี?!
หลายปีที่ผ่านมา อย่าว่าแต่พ่อค้าในเมืองหลวงเลย แม้แต่กรมโยธาก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อศึกษาวิธีการทำหลิวหลี แต่น่าเสียดายที่ไม่ประสบความสำเร็จ
ทว่าบัดนี้ ฉินเฟิงกลับรู้วิธีการทำหลิวหลี ช่างเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริง ๆ
หากมีเครื่องเคลือบหลิวหลีเพียงหนึ่งหรือสองชิ้นก็นับว่ามีสินค้าฟุ่มเฟือยแล้ว
แต่บัดนี้เรากลับรู้วิธีการทำหลิวหลี ซึ่งนี่จะพัฒนาเป็นกิจการที่ยั่งยืน อีกไม่นานตระกูลฉินคงจะร่ำรวยจนเป็นศัตรูกับแคว้นได้เลยกระมัง?
เสิ่นชิงฉือตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่านางจะคุ้นเคยกับนิสัยทำให้คนตกใจโดยไม่คาดคิดของฉินเฟิงนานแล้ว แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะอุทานอย่างเหลือเชื่อเมื่อมองไปที่หน้าต่างหลิวหลีตรงหน้า
เสิ่นชิงฉือระงับความตกใจ ถามด้วยความสงสัยว่า “แม้จะกุมความลับเรื่องวิธีการทำหลิวหลีไว้ได้ แต่ก็ไม่สามารถใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลืองเช่นนี้ การทำหน้าต่างมีประโยชน์อันใด?”
หลู่หมิงถ่ายทอดคำพูดของฉินเฟิงให้แก่เสิ่นชิงฉืออย่างครบถ้วน
จึงรู้ว่าฉินเฟิงต้องการถวายมันเป็นของขวัญให้กับฮ่องเต้
การเดินทางของฉินเฟิงไปยังเมืองเป่ยซีครั้งนี้อันตรายยิ่ง
เสิ่นชิงฉือแอบทอดถอนใจ ฉินเฟิง เด็กคนนี้ดูเหมือนบ้า ๆ บอ ๆ แต่ความจริงแล้วเขาระมัดระวังมาก ก่อนที่จะทำอะไรล้วนปูทางล่วงหน้าและเตรียมพร้อมอยู่เสมอ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็มากับข้าสักเที่ยวเถอะ”
ว่าแล้ว คุณหนูใหญ่ก็ไม่สนใจแม้แต่งานที่อยู่ในมือ พาหลู่หมิงมุ่งหน้าไปยังพระราชวังทันที…
ขณะเดียวกัน ณ เมืองเป่ยซี
ระยะทางยี่สิบลี้สำหรับม้าศึกที่วิ่งด้วยความเร็วเต็มกำลังนั้นใช้เวลาเพียงแค่พริบตาเดียว


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ