บทที่ 227 แก้วหลิวหลีเป็นของขวัญชิ้นใหญ่
หลี่จ้านตกตะลึง รีบหันไปทางฮ่องเต้ และก็เห็นว่าพระเนตรของฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงกำลังหรี่ลงเล็กน้อย นัยน์ตาฉายแววลึกล้ำ
เรื่องการหลอมแก้วหลิวหลี ฉินเฟิงทำเรื่องน่าอัศจรรย์ได้จริง ๆ
ฮ่องเต้นึกไปถึงก่อนหน้านี้ ตอนนั้นหน่วยสอดแนม ‘องครักษ์ชุดดำ’ รายงานว่า ฉินเฟิงได้ส่งคนไปยังกรมโยธากลางดึก ติดสินบนขุนนาง และลักลอบนำวัตถุดิบจำนวนมากออกไป
และเนื่องจากสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อย ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงจึงไม่ได้ติดใจเอาความ และถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่ายามนี้ของเหล่านั้นกลับเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถของฉินเฟิงในการหลอมแก้วหลิวหลี
ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงทอดพระเนตรบานหน้าต่างหลิวหลีอันงดงามอย่างน่ามหัศจรรย์ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ตัดสินใจ “ในเมื่อมันเป็นความตั้งใจของฉินเฟิงก็เก็บเอาไว้เถิด ใครก็ได้ไปเอาหนึ่งพันตำลึงทองมาเป็นรางวัลให้คุณหนูใหญ่จวนฉิน แล้วส่งนางออกจากวัง”
เสิ่นชิงฉือรีบกล่าวขอบพระทัยอย่างรวดเร็ว แล้วออกจากห้องทรงพระอักษร แต่นางไม่ได้รีบร้อนจากไป ภายใต้การนำของขันทีน้อย คุณหนูใหญ่ตระกูลฉินก็ได้ขอเข้าพบองค์หญิงใหญ่ที่วังหลัง
ในห้องทรงพระอักษรเหลือนายบ่าวเพียงสองคน หลี่จ้านอดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป เสียงของเขาสั่นเล็กน้อยยามกล่าวว่า “ฉินเฟิงสามารถหลอมแก้วหลิวหลีได้ด้วยตนเอง นั่นหมายความว่าเขากุมภูเขาเงินภูเขาทองที่ไม่มีวันสิ้นสุดไว้ หากฝ่าบาทออกคำสั่งให้ฉินเฟิงมอบวิธีการหลอมแก้วหลิวหลีมาเสีย พระคลังต้าเหลียงก็จะมีแหล่งรายได้ที่มั่นคงในอนาคตนะพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงก็มีความตั้งใจนี้เช่นกัน แต่เมื่อมองไปที่หน้าต่างหลิวหลี ดวงเนตรก็พลันเผยให้เห็นถึงเล่ห์เหลี่ยม เขาแย้มริมฝีปากแผ่วเบา “ช่างเถอะ ฉินเฟิงภักดีต่อเจิ้นมากเพียงนี้ เจิ้นจะตัดเส้นทางทำเงินของเขาได้อย่างไร ทำเหมือนเดิมไปก่อน ให้เขาใช้มันหาเงินสักสองสามปีแล้วค่อยริบเข้าหลวงภายหลัง”
“วันนี้ฉินเฟิงส่งหน้าต่างหลิวหลีบานนี้มา หลี่จ้าน เจ้าคิดว่ามันหมายความว่าอย่างไร?”
หลี่จ้านครุ่นคิด แล้วพูดอย่างโยนหินถามทาง “หรือเขากังวลว่า ในอนาคตเมื่อเริ่มกิจการหลิวหลีแล้ว ฝ่าบาทจะขัดขวางจึงแสดงไมตรีต่อฝ่าบาทก่อน เพื่อขอให้เส้นทางร่ำรวยราบรื่น”
มุมพระโอษฐ์ของฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงยกขึ้นเล็กน้อย ตรัสอย่างลึกซึ้ง “นั่นเพียงหนึ่งในเหตุผล”
“เด็กคนนี้เก่งยิ่งนัก! เขาสร้างศัตรูไว้มากมายในเมืองหลวงจึงรู้ว่าถ้าออกจากเมืองหลวงแล้วจะกลับมาได้ยาก เขาจึงใช้หน้าต่างหลิวหลีนี้เพื่อเตือนเจิ้นตลอดเวลาว่า ใต้หล้านี้ยังมีเขาอยู่ ฮ่าฮา แม้ว่าฉินเฟิงจะฉลาด แต่วิธีการของเขารุนแรงเกินไป ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีความสามารถอันยอดเยี่ยมในการหาเงิน เจิ้นคงฆ่าเขาไปหลายสิบครั้งแล้ว!”
“เจ้าเด็กคนนี้รู้ว่าเจิ้นให้ความสำคัญกับตนเอง เขาจึงไร้ความเกรงกลัว แต่ในบรรดาบุตรหลานแห่งเมืองหลวงก็ไม่มีใครมีความสามารถเหนือกว่าเขาอีกจริง ๆ”
เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงให้ความสำคัญฉินเฟิงสูงเช่นนี้ ในใจหลี่จ้านก็แอบปลื้มปิติ เพราะท้ายที่สุดแล้วเขากับฉินเฟิงก็มีความสัมพันธ์ที่ดีเป็นการส่วนตัว ในอนาคตพอฉินเฟิงมีอำนาจ หลี่จ้านออกจากวังยามชราก็ถือว่ามีคนคอยคุ้มครอง
ขณะนี้เอง องครักษ์ชุดดำก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังฉากกั้นห้องทรงพระอักษร และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “กราบทูลฝ่าบาท เสิ่นชิงฉือไม่ได้ออกจากวังทันที แต่มุ่งหน้าไปวังหลังเพื่อมอบของขวัญให้กับองค์หญิงใหญ่เป็นชุดจอกสุราหลิวหลี องค์หญิงใหญ่ทรงชื่นชอบอย่างมาก ให้รางวัลเสิ่นชิงฉือไปอีกไม่น้อยพ่ะย่ะค่ะ”
ชุดจอกสุราหลิวหลี…
พระเนตรของฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงเป็นประกายด้วยความอิจฉา ทรงพระสรวลแผ่วเบา “เจิ้นเพิ่งพูดอะไรไปนะ เจ้าเด็กเหลือขอคนนี้ ก่อนออกจากเมืองหลวงได้เตรียมการทั้งหมดไว้แล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หลังบ้านเกิดไฟไหม้ เขามอบของขวัญชิ้นใหญ่เช่นนี้ อย่างน้อยภายในสองถึงสามเดือน องค์หญิงใหญ่ย่อมไม่ลืมเขาแน่”
หลี่จ้านรู้ดีว่าฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงกลัวและกังวล ‘คนฉลาด’ ขันทีชราจึงถามด้วยเสียงต่ำทันที “ฉินเฟิง… ฉลาดเกินไปหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงโบกพระหัตถ์ ตรัสอย่างไม่ใส่ใจ “ฉลาดเกินไปก็ไม่เป็นไร สิ่งที่เจิ้นกลัวคือความฉลาดของเขาจะนำไปสู่การหลงผิด เจ้าเด็กฉินเฟิงฉลาดล้ำเลิศ ทว่าก็สามารถไตร่ตรองตนเองได้ดี รู้ว่าต้องทำอะไร คิดอย่างไร ไม่จำเป็นต้องกังวลในตัวเขา เพียงแต่ฉลาดก็ส่วนฉลาด เขามีประสบการณ์น้อยเกินไป เจิ้นกลัวเขาจะหลงลืมหลักการที่ว่า เหนือคนยังมีคน เหนือภูเขาย่อมมีภูเขา”
นับตั้งแต่ฉินเฟิงออกจากเมืองหลวง เขารู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะกลับมาที่นี่อีกครั้ง
เวลานี้ เมื่อมองไปที่ทหารม้าที่มาถึงตีนเขา ฉินเฟิงก็เริ่มมั่นใจในความคิดนั้นมากขึ้น
ทหารลาดตระเวนชั้นยอดของเป่ยตี๋จำนวนสองร้อยนาย มีกำลังทหารและม้าครบครัน ได้เริ่มตรวจค้นภูเขาแล้ว
ไม่จำเป็นต้องคิดก็รู้ว่าแนวหน้าไม่สามารถทำภารกิจให้สำเร็จ ทหารม้าที่กำลังเตรียมตอบโต้จึงได้รับข่าวว่าฉินเฟิงมาที่อำเภอเป่ยซี ตอนนี้เมื่อฮูหยินฉินกับฉินเฟิง บุคคลสำคัญสองคนปรากฏตัวขึ้น นั่นก็เพียงพอแล้วที่ชาวเป่ยตี๋จะยอมเสี่ยง!


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ