บทที่ 228 ถูกซุ่มโจมตี
ทหารอีกสามหมู่ที่เหลือดันหินมากองไว้ด้านข้าง แค่หลุมดินและกำแพงหินรวมกันก็เพียงพอที่จะให้พวกทหารใช้ในการหลบภัยได้
ทันทีที่มีการจัดตั้งป้อมปราการชั่วคราวเสร็จสิ้น กองทหารของศัตรูก็มาถึงตีนเขาแล้ว
ฉินเฟิงซ่อนตัวอยู่หลังกองหิน เงยหน้าขึ้นเพื่อสังเกตการณ์ก่อนจะพบพลธนูม้าของฝ่ายศัตรู ในใจยิ่งรู้สึกกังวล รีบหันกลับไปตะโกนบอกหลี่เซียวหลาน “พี่หญิงสาม ฝากคุ้มครองท่านแม่ด้วย!”
ตอนแรกหลี่เซียวหลานรู้สึกท้อแท้ใจอยู่บ้าง
เพราะฝ่ายศัตรูมีจำนวนถึงสองร้อยคน! แถมยังเป็นทหารผ่านศึกที่มีประสบการณ์การต่อสู้ เมื่อเผชิญหน้ากับการล้อมโจมตีแบบนี้ มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่คนเพียงห้าสิบคนจะรอดชีวิตไปได้
แต่เมื่อเห็นฉินเฟิงออกคำสั่งอย่างเป็นระเบียบ จากนั้นทหารที่ติดตามมาก็ดึงพลั่วหน้าตาแปลก ๆ ออกมาสร้างหลุมหลบภัยที่เรียบง่ายแต่ใช้งานได้จริงในเวลาอันสั้น ความกังวลของหลี่เซียวหลานก็ค่อย ๆ หายไป ถึงขนาดที่รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเลยทีเดียว
บุรุษสกุลฉิน มีพรสวรรค์โดยแท้!
หลี่เซียวหลานพยุงฉินเฉิงซื่อนั่งลงข้างหลังแนวหิน พลางกระซิบเสียงเบา “เฟิงเอ๋อร์ เจ้าทำในสิ่งที่เจ้าต้องทำก็พอ ท่านแม่มีข้าอยู่ที่นี่ ไม่จำเป็นต้องกังวล”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ฉินเฟิงก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมา เขาเบนความสนใจทั้งหมดไปที่ศัตรู
จำนวนแม่ทัพบนยอดเขาตรงข้าม เปลี่ยนจากหนึ่งเป็นสองคนแล้ว
ช่วงเวลานี้ ศัตรูนับร้อยเริ่มดาหน้าขึ้นมาบนภูเขา
รองแม่ทัพตีกลองส่งสัญญาณ สายตาเขาจริงจัง พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ท่านแม่ทัพ กองทัพต้าเหลียงบนภูเขามีบางอย่างผิดปกติ! พวกเขาสร้างแนวกำบังได้ในเวลาอันสั้น ข้าเกรงว่าพวกเขาจะเป็นกองทัพชั้นยอดของต้าเหลียง”
แม่ทัพหนุ่มวัยสามสิบต้น ๆ ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ไม่ไกล ดวงตาของเขาแสดงออกถึงความชื่นชม “เราเคยต่อสู้กับกองทัพชั้นยอดของต้าเหลียงมาหลายครั้งแล้ว และที่เรียกกันว่ากองทัพชั้นยอดของต้าเหลียงก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากคนธรรมดาสักนิด กองกำลังต้าเหลียงที่อยู่ตรงหน้าเราเหล่านี้ เกรงว่าจะเป็นกองทัพใหม่ที่หน่วยสอดแนมของเรากล่าวถึง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ รองแม่ทัพจึงยังคงตีกลองในมือต่อไป แต่ใบหน้าฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย “หน่วยสอดแนมที่แทรกซึมเข้าไปในต้าเหลียง เพียงแต่บอกว่าต้าเหลียงต้องการฝึกกองกำลังใหม่ น่าเสียดายที่การป้องกันของเมืองหลวงเป็นดั่งถังเหล็ก โดยเฉพาะองครักษ์ชุดดำรอบกายฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียง เรียกได้ว่าไม่สามารถแทรกแซงเข้าไปได้เลย ทั้งยังสร้างความเสียหายให้กับหน่วยสอดแนมเราจำนวนมากอีก จึงเป็นการยากที่จะตรวจสอบรายละเอียดของกองทัพใหม่”
“อดีตแม่ทัพเคยสั่งให้เราค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับกองทัพใหม่ทุกวิถีทางแต่ก็ล้มเหลวทั้งหมด ไม่คิดว่าวันนี้เราจะได้ต่อสู้กับกองทัพใหม่ หากเราสามารถจับภรรยาของฉินเทียนหู่และลูกมันไปได้จะต้องเป็นผลงานชิ้นใหญ่อย่างแน่นอน!”
แม่ทัพโบกมือ ส่งสัญญาณให้นายกองอย่าเพิ่งได้ใจเร็วไปนัก “ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงมีพรสวรรค์และเจ้าแผนการ ข่าวลือเกี่ยวกับฉินเฟิงไปถึงพระกรรณของฮ่องเต้เป่ยตี๋นานแล้ว เกรงว่ากองทัพใหม่ที่ได้รับการฝึกฝนจากฉินเฟิงจะมีความสามารถไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสามารถสร้างหลุมหลบภัยได้ในเวลาอันสั้น อย่าประมาทศัตรูเด็ดขาด!”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ แววตาของแม่ทัพก็ฉายแววระมัดระวัง แล้วตะโกนเสียงต่ำ “กองทัพของเรามาถึงไหล่เขาและอยู่ในระยะยิงของธนูแล้ว รีบออกคำสั่งให้หยุดเดินหน้า!”
ทันทีที่เขาพูดจบ เสียงกลองก็เริ่มขึ้น
เมื่อกองทัพเป่ยตี๋มาถึงไหล่เขาก็หยุดลงกะทันหัน แล้วพากันซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้หรือโขดหิน
เมื่อเห็นสถานการณ์เบื้องหน้า ฉินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะสาปแช่ง “อีกฝ่ายมีสติเกินไปแล้วกระมัง? ให้ตายเถอะ นับจำนวนหัวให้ข้าเร็วเข้า!”
หากศัตรูเข้ามาในระยะแต่ไม่โจมตีเช่นนี้ จะต้องมีบางอย่างเป็นแน่
อย่างไรเสียนี่ก็คืออาณาเขตของต้าเหลียง ศัตรูจะต้องต่อสู้อย่างรวดเร็ว และไม่มีทางใช้กลยุทธ์ปิดล้อมแน่นอน
ไม่นานหลังจากนั้น หัวหน้าหมู่ที่สองก็รายงานกลับมาด้วยเสียงเคร่งขรึม “นายน้อย ศัตรูมีประมาณเจ็ดสิบคนขอรับ”
เจ็ดสิบคน?
ฉินเฟิงขมวดคิ้วทันที พลันตะโกนสั่ง “หมู่ที่สาม รีบไปปกป้องแนวหลังเร็วเข้า!”
หัวหน้าหมู่สามนำกองกำลังสิบนายเปลี่ยนทิศทางไปยังแนวหลังของฉินเฟิง เป็นไปตามคาด พวกเขาพบกับทหารม้าเป่ยตี๋สามสิบคนที่ข้ามไหล่เขามาแล้ว และอยู่ในตำแหน่งห่างจากยอดเขาไม่ถึงสองร้อยก้าวเท่านั้น



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ