บทที่ 230 ความเสียหายจากการต่อสู้ที่น่าตกใจ
“ฉินเฟิงสูญเสียคนไปเพียงแค่หยิบมือก็ทำลายล้างกองหน้าของเราหลายร้อยคนได้แล้ว กองทัพใหม่ต้าเหลียงนี้สมคำร่ำลือจริง ๆ หากการต่อสู้ดำเนินต่อไป คนที่เหลืออีกร้อยคนมีแต่จะถูกกำจัดเท่านั้น ในเมื่อเราบุกเข้ามาถึงพื้นที่ชนบทหลังเขาของต้าเหลียงแล้ว อีกทั้งประตูทางออกก็ถูกกองทหารชายแดนต้าเหลียงปิดผนึก ตอนนี้พวกเราอยู่ในสภาพเข้าตาจน ดังนั้นเราต้องใช้ประโยชน์จากภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้!”
“ตราบใดที่พวกเรายังอยู่ ชายแดนต้าเหลียงก็จะไม่มีวันได้กินและนอนอย่างสงบสุข”
เมื่อได้ยินดังนั้น รองแม่ทัพก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาตีกลองรบ ออกคำสั่งทันที
พลธนูร้อยนายที่เหลือเปลี่ยนทิศทางและล่าถอยอย่างรวดเร็ว
จงหลิงนำกองทัพที่เหลือล่าถอยไปที่ตีนเขา พลิกตัวขึ้นหลังม้า มองดูม้าศึกที่เหลืออีกหลายร้อยตัว แม้ว่าจะทุกข์ใจเหลือคณา แต่เขาก็ยังคงบัญชาการอย่างเด็ดขาด “ฆ่าม้าศึกทั้งหมดที่ไม่สามารถพาไปด้วยได้ทิ้งซะ อย่าเหลือไว้ให้ต้าเหลียง!”
เมื่อฉินเฟิงนำทหารองครักษ์ไล่ตามมาถึงตีนเขา นอกจากศพของม้าศึกแล้วก็ไม่มีร่องรอยของจงหลิงและทหารม้าคนอื่น ๆ อีก
หนิงหู่กระทืบเท้าพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “มารดามันเถอะ ปล่อยให้หนีรอดไปซะได้!”
ดวงตาของฉินเฟิงฉายแววเคร่งขรึม เขาพลันออกคำสั่ง “หนิงหู่ เจ้ารีบนำทหารองครักษ์ห้าสิบคนไล่ตามไป หากทหารม้าเป่ยตี๋เหล่านี้ไม่ถูกกำจัด เมืองเป่ยซีก็จะไม่มีวันสงบสุข”
หนิงหู่ไม่มัวโอ้เอ้ นำทหารองครักษ์วิ่งตะบึงออกไปทันที
ฉินเฟิงขมวดคิ้ว เขาไม่ได้ตื่นเต้นที่ชนะในการต่อสู้ครั้งแรก
คำถามก่อนหน้านี้ผุดขึ้นในห้วงความคิดของชายหนุ่มอีกครั้ง
ทหารลาดตระเวนเป่ยตี๋เคลื่อนไหวได้อย่างแม่นยำได้อย่างไร? หรือว่าจะมีคนคอยแจ้งข่าว? ส่วนเรื่องที่ว่าคนคนนั้นเป็นใคร ตอนนี้ฉินเฟิงยังคิดไม่ออก แต่เขามั่นใจว่าจะต้องมีหน่วยสอดแนมอยู่ในต้าเหลียงเป็นแน่!
ที่แห่งนี้ไม่ควรอยู่นาน ฉินเฟิงจึงไม่กล้าชักช้า เขาพาทุกคนกลับไปยังเมืองเป่ยซีทันที
เมื่อกลับมาถึงศาลาว่าการเมืองเป่ยซีและพบว่าเฉินลี่กลับมาแล้ว นายน้อยฉินจึงบอกเขาให้จัดที่พักสำหรับท่านแม่และพี่หญิงสาม
เฉินลี่ไหนเลยจะกล้าปล่อยปละ เขาสละห้องนอนของตนและย้ายไปอยู่เรือนข้าง ๆ พร้อมกับฮูหยินและอนุภรรยาสี่คนทันที
หลังจากนั้นไม่นาน ข่าวที่ว่าฉินเฟิงตีทหารม้าเป่ยตี๋จนแตกพ่ายก็ได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองเป่ยซี
หลังจากได้ยินเช่นนี้ แผ่นหลังของเฉินลี่พลันเย็นเยียบ ภายในหัวใจเต็มไปด้วยความตกตะลึงและความสิ้นหวัง
ต่อหน้าฉินเฉิงซื่อ ฉินเฟิงถามเฉินลี่อย่างไม่สบอารมณ์ว่า “การสำรวจเป็นอย่างไร? มีผู้รอดชีวิตในหมู่บ้านชิงฉือบ้างหรือไม่?”
เฉินลี่มองไปยังฉินเฉิงซื่อสลับกับฉินเฟิง เขาตกใจกลัวจนเหงื่อท่วมศีรษะ พูดตะกุกตะกักอย่างประหม่า “เรียน… เรียนนายน้อย พวกทหารลาดตระเวนเป่ยตี๋ล้วนเป็นทหารชั้นยอด พวกมันลงมืออย่างโหดเหี้ยม เพราะฉะนั้นจึงไม่มีใครรอดชีวิตนอกจากฮูหยินและคุณหนูขอรับ”
ทหารเป่ยตี๋ชั้นยอด!
ฉินเฟิงมีหลายความรู้สึกผสมปนเปกันไปหมด นอกเหนือจากความเห็นอกเห็นใจผู้คนในหมู่บ้านชิงฉือแล้ว ชายหนุ่มยังประหลาดใจในทักษะของหลี่เซียวหลาน พี่หญิงสามของเขาอีกด้วย
เมื่อเผชิญหน้ากับการไล่ล่าของทหารลาดตระเวนชั้นยอดสิบหกคน นางสามารถสังหารพวกมันเจ็ดคนติดต่อกันได้! แม้ว่าวิทยายุทธ์พี่หญิงสี่จิ่งเชียนอิ่งจะแข็งแกร่ง แต่ทักษะการลอบสังหารของพี่หญิงสามกลับทำให้ผู้คนเหงื่อผุดที่แผ่นหลังได้อย่างแท้จริง เมื่อมองดูหลี่เซียวหลานอีกครั้ง นายน้อยหนุ่มก็พบกับรอยยิ้มราวกับดอกไม้ สดใสเบิกบานดั่งดวงอาทิตย์ นางดูเหมือนนักฆ่าที่ฆ่าคนตาไม่กะพริบที่ไหนกัน?
หลี่เซียวหลานกับฉินเฉิงซื่อ สองแม่ลูกคู่นี้… แกะสลักมาจากแม่พิมพ์เดียวกันโดยแท้ ทั้งคู่ต่างก็หน้าเนื้อใจเสือ มิน่าเล่า ตอนนั้นตาเฒ่าฉินถึงส่งพี่หญิงสามกลับมายังดินแดนบรรพบุรุษพร้อมกับท่านแม่ แทนที่จะเป็นพี่หญิงสี่จิ่งเชียนอิ่งผู้มีบุคลิกเย็นชา
ฉินเฉิงซื่อรู้สึกเศร้าใจอยู่พักหนึ่ง
ถึงอย่างไรนางก็อาศัยอยู่ในหมู่บ้านชิงฉือมาหลายปี ทุกคนล้วนเป็นเพื่อนบ้านกัน เงยหน้าไม่พบก้มหน้าก็ได้เจอ
อีกทั้งยังมีหลายคนที่เป็นญาติพี่น้องกับตระกูลฉินด้วย พวกเขาไม่ได้อาศัยภูมิหลังตระกูลฉินไปก่อความวุ่นวายในช่วงหลายปีมานี้เลย แสดงให้เห็นว่าพวกเขาภักดีและซื่อสัตย์เพียงใด
บัดนี้พวกเขากลับถูกทหารลาดตระเวนเป่ยตี๋สังหารหมู่ ฉินเฉิงซื่อจะไม่เสียใจได้อย่างไรเล่า


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ