บทที่ 238 รังโจร
หลี่เซียวหลานยิ้มหวาน เพิกเฉยต่อคำเยินยอไร้ยางอายของฉินเฟิง นางเหลือบมองแผนที่ของเมืองเป่ยซีที่กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ เทือกเขาอิงกังถูกฉินเฟิงทำเครื่องหมายไว้เป็นพิเศษ พลันเข้าใจได้ว่า น้องชายจะทำการใดต่อไป นางจึงเอ่ยเตือนทันที “แม้ว่าทหารองครักษ์หนึ่งร้อยนายที่เจ้านำมาจากเมืองหลวงจะมีกำลังรบแข็งแกร่ง แต่หากผลีพลามเข้าไปในเทือกเขาอิงกัง เจ้าจะต้องจ่ายในราคาที่ยากจะยอมรับอย่างแน่นอน”
“นอกเหนือจากภูมิศาสตร์ที่ซับซ้อนของเทือกเขาอิงกังแล้ว ก็มิอาจประมาทกองกำลังต่าง ๆ ที่ปักหลักอยู่ในนั้นได้”
ฉินเฟิงมาที่นี่เป็นครั้งแรก ความเข้าใจทั้งหมดของเขาเกี่ยวกับเทือกเขาอิงกัง มีพื้นฐานตามคำบอกกล่าวของหนิงหู่เท่านั้น
บัดนี้เขากำลังจะโจมตีเทือกเขาอิงกัง อารมณ์ของฉินเฟิงย่อมสับสนปรวนแปรอย่างไม่ต้องสงสัย
ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่เซียวหลาน ดวงตาของชายหนุ่มก็พลันสว่างวาบ เขาดื่มน้ำแกงไก่ลงไปในอึดใจเดียว และถามอย่างตื่นเต้น “พี่หญิงสาม ดูเหมือนว่าท่านจะรู้จักเทือกเขาอิงกังเป็นอย่างดีใช่หรือไม่? ที่นั่นเป็นอย่างไรกันแน่? รีบเล่าให้ข้าฟังเร็วเข้า”
มุมปากของหลี่เซียวหลานยกขึ้นเป็นเส้นโค้ง นางกล่าวอย่างใจเย็น “มิใช่ว่าจะบอกเจ้าไม่ได้ แต่ข้ามีเงื่อนไขอยู่หนึ่งข้อ”
เพราะข้อมูลเรื่องเทือกเขาอิงกัง มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อฉินเฟิง
หากพูดให้ดูเล็กน้อย มันเป็นเรื่องของความสงบสุขในเมืองเป่ยซี
แต่หากพูดให้ดูยิ่งใหญ่ มันเกี่ยวข้องกับความรุ่งเรืองและการล่มสลายของเกียรติยศ ตลอดจนความอับอายของฉินเฟิง
ชายหนุ่มรู้ว่าเขาไม่มีที่ว่างสำหรับการต่อรอง จึงตบหน้าอก และกล่าวอย่างมั่นใจ “อย่าว่าแต่เงื่อนไขเดียวเลย แม้แต่สิบเงื่อนไขก็ไม่มีปัญหา”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่เซียวหลานก็ปรากฏชัดขึ้น “เช่นนั้นก็ดี เอาอย่างที่เจ้าพูด ข้ามีเงื่อนไขสิบข้อ แต่ตอนนี้ข้าต้องการเพียงข้อเดียวก่อน ส่วนอีกเก้าข้อจะขอทีหลัง เมื่อข้าต้องการในอนาคต”
ฉินเฟิงสะดุดไปหนึ่งลมหายใจ มองหลี่เซียวหลานด้วยความเหลือเชื่อ พลางคร่ำครวญว่า “พี่หญิงสาม ข้าแค่พูดตามมารยาท แต่ท่านกลับไม่เกรงใจเลยจริง ๆ”
หลี่เซียวหลานระเบิดเสียงหัวเราะ ยื่นมือออกมาบีบปลายจมูกเจ้าน้องชาย แล้วบิดไปมาสองครั้ง ราวกับว่านางกำลังเอ็นดู แต่แท้จริงแล้วหน้าเนื้อใจเสือ “เราต่างก็เป็นคนในครอบครัว ยังต้องเกรงใจกันไปไย? กลับเข้าประเด็นดีกว่า เงื่อนไขนี้จะว่ายากก็ไม่ยาก จะว่าง่ายก็ไม่ง่าย หากเจ้าจัดการทุกอย่างได้ดีในเมืองเป่ยซี นี่จะเป็นเรื่องประเภทที่น้ำมาคลองก็เกิด”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินเฟิงก็มีลางสังหรณ์ถึงบางสิ่งบางอย่าง เขารีบถามด้วยเสียงแผ่วเบา “หรือจะเป็นเรื่องพาท่านและท่านแม่กลับเข้าเมืองหลวง?”
หลี่เซียวหลานยกมือลูบศีรษะชายหนุ่ม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม “สมกับเป็นน้องชายของข้า ช่างเฉลียวฉลาดจริง ๆ”
ฉินเฟิงหดหู่ใจมากจนนึกอยากตาย อีกอย่างอย่าว่าแต่ปกป้องคนอื่นเลย เพราะตัวเขาเองยังเอาไม่รอด ไหนเลยจะพาฉินเฉิงซื่อกับหลี่เซียวหลานกลับไปยังเมืองหลวงได้?
นอกจากนั้น วิธีเดียวที่จะนำทั้งสองคนกลับไปยังเมืองหลวงได้ ก็มีแต่ต้องทำให้กุ้ยเฟยยอมผ่อนปรนเท่านั้น
เหตุการณ์ ‘การสิ้นพระชนม์ขององค์ชายใหญ่’ ในปีนั้นเป็นโรคทางใจของกุ้ยเฟยมาโดยตลอด ไม่จำเป็นต้องหารือเรื่องนี้
กล่าวโดยสรุปคือ เงื่อนไขของพี่หญิงสามยากยิ่งกว่าการจัดการเรื่องในเมืองเป่ยซีเสียอีก!
ทว่า…
ฉินเฟิงชอบหลอกลวงด้วยการใช้สัญญาปากเปล่ามาโดยตลอด
เขาจะทำได้หรือไม่ได้นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ตกลงกันก่อน เอาข้อมูลเทือกเขาอิงกังมาอยู่ในมือให้ได้ เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง ในกรณีที่แย่ที่สุด… แค่บ่ายเบี่ยงไปก็พอแล้ว
ต่างฝ่ายต่างเป็นพี่น้องกัน หลี่เซียวหลานคงจะฆ่าเขาไม่ลงหรอก ใช่หรือไม่?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฉินเฟิงก็ตบหน้าอกและพูดด้วยความมั่นใจ “เรื่องแค่นี้เองหรือ? จัดการง่ายดายนัก! แม้ว่าพี่หญิงสามจะไม่พูด แต่ข้าจะทนดูท่านแม่และท่านต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
หลี่เซียวหลานมองฉินเฟิงอย่างลึกซึ้ง
สายตานั้นจ้องมองกันจนขนที่หลังของฉินเฟิงลุกซู่
เขามักจะรู้สึกเสมอว่าหลี่เซียวหลานกับฉินเฉิงซื่อล้วนมีท่าทีและหลายสิ่งที่เหมือนกัน กระทั่งมีดวงตาที่ดูเหมือนจะสามารถมองผ่านคำโกหกทั้งหมดในโลกได้



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ