บทที่ 239 ประกาศกฎใหม่
“นี่ไม่ใช่ส่วย แต่เป็นกฎระเบียบเพื่อประโยชน์ของชาวบ้าน!”
บรรดาปัญญาชนอ่านข้อความนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกด้วยความไม่เชื่อในสายตา
ชั่วขณะหนึ่ง เสียงโต้แย้งที่รุนแรงดังก้องหน้าป้ายประกาศ
ปัญญาชนในชุดขาวหน้าแดงก่ำ รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง “เป็นไปไม่ได้! เนื้อหาในประกาศนี้จะต้องหลอกลวงผู้คนเป็นแน่! นับตั้งแต่ก่อตั้งต้าเหลียง นายอำเภอทุกคนที่เข้ารับตำแหน่งในเมืองเป่ยซีล้วนถอนขนห่านป่าที่บินผ่าน*[1] แม้จะเป็นนายอำเภอที่ซื่อสัตย์ที่สุด พอพ้นตำแหน่งเขายังขนข้าวของไปถึงสามสี่คันเกวียน”
“ข้าไม่เคยเห็นขุนนางท้องถิ่นแบบนี้มาก่อนในชีวิต!”
ด้านข้างเป็นปัญญาชนสวมชุดผ้าเนื้อหยาบที่มีรอยปะเต็มตัว ดวงตาปัญญาชนคนนั้นเป็นประกายร้อนแรง เขากล่าวอย่างตื่นเต้น “ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่จริง แต่ตอนนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนแล้ว นายอำเภอเป็นนายน้อยตระกูลฉิน”
เมื่อเห็นว่าปัญญาชนยากจนคิดอย่างไร้เดียงสา ปัญญาชนในชุดขาวก็อดไม่ได้ที่จะมองอย่างดูถูกเหยียดหยาม แล้วคัดค้าน “หากประกาศนี้เป็นจริงทุกประการ ไม่สู้เชื่อว่าดวงตะวันขึ้นทิศตะวันตก ใต้หล้ามืดมนราวอีกาจะดีเสียกว่า ถ้าฉินเฟิงสามารถปกครองเป่ยซีให้ดีขึ้นได้จนไม่มีผู้ใดกระทำการโฉดชั่วในเมืองนี้ ข้าก็ไม่ลังเลที่จะจุดธูปบูชาเขาเลย ไยเราต้องมาถกเถียงเรื่องประกาศที่ไม่สามารถเป็นจริงได้เหล่านี้ด้วย”
“เอาเช่นนี้เถิด! หากฉินเฟิงสามารถทำตามเนื้อหาในประกาศได้ ข้ายินดีที่จะระดมทุนสร้างโถงบรรพบุรุษให้เขา และกราบไหว้บูชาเขาไปชั่วลูกชั่วหลาน!”
เมื่อเห็นบรรดาปัญญาชนทะเลาะกันจนหน้าดำหน้าแดง คนธรรมดาที่อยู่รอบ ๆ ก็เกาหัวอย่างกังวล
พวกเขารู้เพียงว่าบนประกาศระบุกฎสามข้อ แต่เนื่องจากไม่มีการศึกษา พวกเขาจึงไม่สามารถเข้าใจเนื้อหาได้
แต่เมื่อพิจารณาจากปฏิกิริยาของปัญญาชนก็รู้ได้ว่า กฎทั้งสามข้อนี้ต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงต่อเมืองเป่ยซีแน่
หากไม่ใช่เรื่องดีก็คงเป็นโชคร้าย
ถ้าครั้งนี้ไม่ใช่โชคดีของชาวบ้าน ก็เตรียมขุดดินสามฉื่อไว้รอฝังร่างได้เลย!
ชายชราคนหนึ่งพูดเร่งเร้าด้วยเสียงสั่นเครือ “ประกาศนี้เขียนอะไรกันแน่? พวกเจ้าบอกข้าหน่อยเถิด เป็นส่วยหรือเกณฑ์แรงงาน? ข้าได้ยินมาว่าเจ้าหน้าที่ทางการถูกใต้เท้าฉินกำราบ เจ้าหน้าที่ระดับสูงในศาลาว่าการถูกจำคุก คนชั่วอย่างเฉินลี่ถูกส่งไปยังเมืองหลวงเพื่อลงโทษประหาร พวกมือปราบกลัวจะชักไฟเข้าตัวจึงแปรพักตร์ไปเข้าร่วมกับค่ายโจรเฟยอิง”
“ตอนนี้ศาลาว่าการขาดแคลนคนอย่างมาก ได้ยินมาว่าเมื่อคืนนี้มีการเรียกปัญญาชนจากทั่วเมืองและดึงตัวไปสามสิบคนทันที”
“หรือว่า… จะเกณฑ์แรงงานอีกแล้ว!”
สิ่งที่ชาวบ้านในเป่ยซีกลัวที่สุดคือการเก็บส่วยและการเกณฑ์แรงงาน
บุรุษในครอบครัวเป็นแรงงานสำคัญ ทันทีที่ถูกดึงตัวไป คนทั้งครอบครัวจะต้องทนต่อความอดอยาก
หัวใจของชาวบ้านในตอนนี้แทบกระเด็นออกมาแล้ว พวกเขาจับจ้องไปทางปัญญาชนไม่วางตา
ปัญญาชนในชุดผ้าป่านหยาบที่มีรอยปะเต็มตัวชี้ป้ายประกาศและอ่านช้า ๆ “ประกาศจากศาลาว่าการเมืองเป่ยซี ลงนามโดยนายอำเภอฉินเฟิง! อดีตนายอำเภอเฉินลี่เป็นคนชั่วช้า ก่อความผิดร้ายแรง ส่งผลให้ชาวบ้านต้องทนทุกข์ทรมานจึงถูกคุมตัวไปยังเมืองหลวงเพื่อรับโทษประหาร รองนายอำเภอ หัวหน้ามือปราบ และคนอื่น ๆ ถูกจำคุก และเพื่อดูแลความเป็นอยู่ของชาวบ้านในเมืองเป่ยซีต่อไป ข้าจึงขอประกาศใช้กฎสามข้อ ดังนี้”
“หนึ่ง นับจากวันนี้ไปศาลาว่าการจะตั้งกล่องรับเรื่องร้องเรียนและร้องทุกข์ หากพบใครที่ใช้อำนาจในทางที่ผิดหรือทุจริตต่อหน้าที่เพื่อประโยชน์ส่วนตนสามารถรายงานตามความเป็นจริงได้ โดยจะมีการตรวจสอบเดือนละครั้ง หากเป็นจริงตามคำรายงาน คนผู้นั้นจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง ไม่มีการผ่อนปรน”
“สอง ปัญญาชนเป็นรากฐานของการปกครองเมือง ทว่าในเป่ยซีที่กว้างใหญ่กลับไร้ผู้มีตำแหน่งซิ่วไฉ ช่างน่าเสียใจอย่างมาก นับจากนี้ไป ศาลาว่าการจะจัดสรรเงินทุนเฉพาะเพื่อสนับสนุนการศึกษาในเป่ยซี และจะจัดตั้งสำนักศึกษา ผู้มีใจใฝ่รู้สามารถเข้าเรียนได้โดยไม่ต้องจ่ายเงิน ผู้ใดได้ตำแหน่งถงเซิงจะได้รับสองตําลึงเงินจากศาลาว่าการทุกเดือน ส่วนผู้ที่ได้ตำแหน่งซิ่วไฉจะได้รับห้าตำลึงเงิน นอกจากนี้ยังมีร้านหนังสือที่จะจัดตั้งขึ้นเป็นพิเศษ หากปัญญาชนในเป่ยซีต้องการซื้อตำรา โปรดแจ้งชื่อกับทางร้านแล้วจะสามารถซื้อตำราได้ในราคายุติธรรม”
เพียงได้ยินกฎสองข้อแรก สถานการณ์ก็เรียกได้ว่าเดือดพล่านแล้ว



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ