บทที่ 244 รวดเร็วดั่งนกฮูกราตรี?
ไม่นานหลังจากที่ฉินเฟิงหลับไป หนิงหู่ก็วิ่งกลับมาอย่างเร่งรีบพลางตะโกนลั่น “พี่ฉิน กองทหารชายแดนปฏิเสธที่จะส่งคนมา! เจ้าหมอนั่นต้องได้รับคำสั่งจากใครบางคนให้ต่อต้านเจ้าแน่ ๆ”
หลี่เซียวหลานขมวดคิ้วแล้วรีบทำท่าทางให้หนิงหู่เงียบเสียง นางเอื้อมมือไปแตะฉินเฟิงอย่างอ่อนโยน แล้วกล่าวเบา ๆ “เฟิงเอ๋อร์เพิ่งผล็อยหลับไป ให้เขาพักผ่อนสักหน่อยเถอะ”
เมื่อเห็นฉินเฟิงนอนหลับสนิท หนิงหู่ก็รีบลดเสียงลง เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “เช่นนั้น ข้าจะกลับมาภายหลัง”
หลี่เซียวหลานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเรียกหนิงหู่อย่างอ่อนโยน “เจ้าก็อย่าวิพากษ์วิจารณ์กองทหารชายแดนรุนแรงเกินไปนัก อย่างไรเสียตระกูลฉินก็มีศัตรูทางการเมืองนับไม่ถ้วน เป็นเรื่องยากสำหรับกองทหารชายแดนที่จะรับมือกับพวกเขาเช่นกัน การที่มิได้ส่งกองทหารมา ถือว่าพวกเขารักษาความเป็นกลาง หลีกเลี่ยงไม่ให้คนในราชสำนักยื่นมือมาก่อเรื่องวุ่นวาย ถือเป็นการป้องกันอย่างหนึ่ง”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ หนิงหู่ก็หยุดฝีเท้าลง แล้วถอนหายใจยาว “เขาพูดเอาไว้ว่า… อย่าว่าแต่สองร้อยคนเลย แม้แต่ยี่สิบคนก็ไม่ได้ กองทัพชายแดนมีหน้าที่รับผิดชอบในการป้องกันชายแดนเท่านั้น ไม่ได้มีหน้าที่ปราบปรามกลุ่มโจร เขายังกล่าวอีกว่า… หากฉินเฟิงไม่สามารถจัดการกับค่ายโจรเล็ก ๆ ได้ ไม่สู้กลับเมืองหลวงไปดื่มน้ำนมจะดีกว่า! ข้าโกรธจะแย่แล้ว!”
แม้ว่าสีหน้าหลี่เซียวหลานจะดูไม่มีพอใจแต่นางก็ไม่ได้ติดใจเอาความ
เพื่อให้น้องชายได้พักผ่อนอีกสักหน่อย หลี่เซียวหลานจึงคิดจะแบ่งเบาภาระนี้มา นางรีบถามต่อ “ทางด้านมือปราบเป็นอย่างไรบ้าง?”
โดยปกติแล้ว หนิงหู่ไม่ควรพูดถึงเรื่องเหล่านี้กับหลี่เซียวหลาน
แม้ว่านางจะเป็นพี่หญิงของฉินเฟิง ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนนอก
แต่เมื่อพิจารณาว่าหลี่เซียวหลานอาศัยอยู่กับฮูหยินฉินมาตลอด นั่นหมายความว่าหูตาของนางจะต้องเฉียบแหลมเป็นอย่างยิ่ง หนิงหู่ลังเลครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สุดท้ายก็รายงานตามความเป็นจริง “เมืองเป่ยซีมีมือปราบที่ลงทะเบียนแล้วสองร้อยเจ็ดสิบคน แต่ข้าไปตรวจสอบที่ค่ายมาแล้วพบว่ามีเพียงห้าสิบคน อีกทั้งยังเป็นคนชรา เจ็บป่วย อ่อนแอ พิกลพิการ เพราะเฉินลี่ผู้นั้นกวาดล้างมือปราบเกือบทั้งหมดไป เพื่อหาเงินเข้าตัวเอง”
ถ้าฉินเฟิงรู้เรื่องนี้จะต้องสาปแช่งด้วยความโกรธแค้นอย่างแน่นอน
แต่หลี่เซียวหลานกลับไม่แปลกใจ นางยกมือเท้าคางพลางครุ่นคิด “เห็นได้ชัดว่ามือปราบไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป แม้ทหารร้อยนายในมือของพวกเจ้าจะแข็งแกร่ง แต่ถ้าต้องการโจมตีเทือกเขาอิงกัง เกรงว่าจะเกิดการสูญเสียไม่น้อย”
“จริงสิ เจ้าเข้าใจภูมิประเทศของเทือกเขาอิงกังอย่างถ่องแท้แล้วหรือไม่?”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ หนิงหู่ก็ถอนหายใจอีกครั้งด้วยสีหน้าสลด “ในภูเขาทิศตะวันออก พื้นที่ส่วนใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกพิษ และพื้นที่ที่เหลือก็ถูกโจรหลายกลุ่มยึดครอง พวกทหารกังวลว่าจะเผยร่องรอยจึงไม่กล้าเข้าไปลึก ส่วนสถานการณ์ทางทิศตะวันตกกับภูเขาด้านหลังยังไม่ทราบแน่ชัด”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หนิงหู่ก็อดไม่ได้ที่จะกำหมัด แล้วกล่าวอย่างมีโทสะ “แค่โจรไม่กี่ร้อยคนกลับจัดการยากเย็นเพียงนี้ พูดแล้วก็ช่างน่าขายหน้าจริง ๆ!”
หลี่เซียวหลานเป็นคนใจเย็น หากกองกำลังชายแดนหรือทหารทางการเต็มใจที่จะมาปราบโจร การกำราบเทือกเขาอิงกังก็เป็นแค่เรื่องง่าย
แต่ปัญหาก็คือ…
กองทหารชายแดนไม่อยู่ฝั่งเรา พวกเขาไม่ได้คิดเลือกฝ่าย ในขณะที่กองทหารทางการต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดศึกทำสงคราม ไม่สามารถระดมพลได้ตามต้องการ
หากต้องการตัดเนื้อร้ายอย่างเทือกเขาอิงกังทิ้งเสีย นั่นก็ต้องพึ่งพาพลังอำนาจของเมืองเป่ยซีเท่านั้น ทว่าภายใต้ ‘การบริหาร’ ที่ ‘อุตสาหะ’ มาหลายปีของเฉินลี่ ความแข็งแกร่งทางการเงินและกองกำลังทหารของเมืองเป่ยซีจึงอ่อนแอเกินไป แค่ดูแลตัวเองยังจะไม่รอดแล้วจะเอาอะไรไปพูดถึงการปราบโจรได้เล่า?
หลี่เซียวหลานครุ่นคิด หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็เอ่ยถาม “หากเจ้าเข้าใจภูมิศาสตร์ที่แม่นยำของเทือกเขาอิงกัง รวมถึงการกระจายกำลังของพวกโจร เจ้ามั่นใจเพียงใดว่าจะยึดเทือกเขาอิงกังสำเร็จ”
หนิงหู่เชิดหน้ายืดอกขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ข้ามั่นใจเต็มเปี่ยม!”
หลี่เซียวหลานได้เห็นพวกทหารองครักษ์เอาชนะทหารลาดตระเวนชั้นยอดของเป่ยตี๋แล้ว นางจึงเชื่อในพลังการต่อสู้ของทหารเหล่านั้น นางหยุดพูด แล้วประคองฉินเฟิงพิงลงบนเก้าอี้เบา ๆ พลางถอนหายใจ “เจ้าอยู่กับฉินเฟิงเถิด ข้าจะออกไปสักครู่”
หนิงหู่ตกตะลึง “คุณหนูสาม ท่านจะไปที่ใด?”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ