เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ นิยาย บท 25

บทที่ 25 วาจากระทบกระเทียบ

เมื่อเห็นสายตาส่อแววกินปูนร้อนท้องของฉินเฟิง หลี่จ้านก็รู้ทันทีว่าเจ้าเด็กนี่ต้องกำลังคิดอะไรแผลง ๆ อยู่เป็นแน่

ทว่าขันทีเฒ่าก็ไม่ได้เอาเรื่องเอาราว พลางเอ่ยกับดินกับฟ้าขณะที่เดินไปด้วย “นายน้อยฉินเข้าวังคราแรกจักต้องเข้าใจกฎเกณฑ์ ไม่สำคัญว่านอกวังเจ้าจะทำเรื่องเหลวไหลอย่างไร แต่หากยังประพฤติตัวเช่นนี้ เมื่อเข้าเฝ้าฝ่าบาท จะไม่ใช่เจ้าคนเดียวที่รักษาชีวิตไว้ไม่ได้ สกุลฉินทั้งหมดเองก็จะถูกลากเข้ามาเกี่ยวด้วย”

คำเตือนพวกนี้ไม่จำเป็นต้องให้หลี่จ้านบอก ฉินเฟิงก็เข้าใจเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่ตาแก่นี่เป็นขันทีคนสนิทของฮ่องเต้ และเป็นคนเดียวในเมืองหลวงที่สามารถ ‘เข้าถึงสวรรค์’ ได้โดยตรง ในอนาคตเขาจะต้องมีประโยชน์กับฉินเฟิงอย่างแน่นอน ดังนั้นต้องสานสัมพันธ์ไว้

นายน้อยตระกูลฉินถูมือไปมา ดวงตาของเขาฉายแววประจบประแจงเยี่ยงทาสรับใช้ “สิ่งที่กงกงพูด ข้าสลักไว้ในใจแล้ว”

ต่อหน้าทหารองครักษ์ทั้งหมด ฉินเฟิงกอดหลี่จ้านโดยไม่มีแม้แต่จะลังเล นั่นเกือบทำให้ชายชราตกใจตาย

ชายหนุ่มไม่สนใจ เขากล่าวด้วยความรู้สึกผิดชอบชั่วดีว่า “ในชีวิตของข้า คนที่ข้าชื่นชมที่สุดก็คือกงกง หากไม่ใช่เพราะต้องส่งต่อธูปตะเกียงตระกูลฉิน ข้าคงตอนตัวเองแล้ว”

หลี่จ้านทั้งโกรธทั้งขำ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับการประจบประแจงไร้ยางอายเช่นนี้ ขณะที่กำลังจะผลักฉินเฟิงออก ชายชรากลับรู้สึกว่ามีบางอย่างถูกยัดเข้ามาที่อก เมื่อก้มลงไปดู ปรากฏว่าเป็นตั๋วเงินปึกหนา

ขันทีหลี่ผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงผลักฉินเฟิงออกไปด้วยรอยยิ้มและจัดเสื้อผ้าอย่างเป็นธรรมชาติ “ก่อนหน้านี้ ข้ากังวลว่านายน้อยอาจจะไม่รู้จักมารยาทในวัง และทำให้ฝ่าบาทขุ่นเคืองจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย แต่ดูแล้วเป็นข้าที่กังวลมากเกินไป นายน้อยฉินรู้กฎดียิ่ง”

ความสัมพันธ์ระหว่างฉินเฟิงและหลี่จ้านแนบแน่นขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าประหลาด แม้แต่ผู้บัญชาการทหารรักษาพระราชวังที่ติดตามมาก็อดรู้สึกเหลือเชื่อไม่ได้

แต่ฉินเฟิงไม่ได้ใส่ใจ คำก็กงกงสองคำก็กงกง หลี่จ้านเองก็เช่นเดียวกัน ชายชราผูกสัมพันธ์กับนายน้อยตระกูลฉินอย่างกระตือรือร้น

ทว่า จู่ ๆ นายน้อยตระกูลฉินก็แยกเขี้ยวยิงฟันโดยไม่บอกไม่กล่าว “ไอ้จ้าวฉางฟู่นั่นบังอาจทำให้นายน้อยอย่างข้าขุ่นเคือง ทำตัวเป็นตะเกียงใหญ่ในห้องน้ำมองหาอึ!*[1] รอดูเถอะ หอสุราข้าเปิดเมื่อใด รับรองเลยว่าหอเซียนเมามายนั่นเจ๊งแน่ ถึงเวลานั้นข้าจะเตะตูดจ้าวฉางฟู่แรง ๆ เลย”

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ฉินเฟิงก็เปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังมือ ชายหนุ่มหันมายิ้มให้หลี่จ้าน “ถึงเวลานั้น ถ้าขันทีหลี่มารับประทานอาหาร ข้าจะให้ส่วนลดร้อยละสิบ”

ส่วนลดร้อยละสิบ… หลี่จ้านขบขันอยู่ครู่หนึ่ง ตราบเท่าที่เขาเต็มใจ หอสุราแห่งใดในเมืองหลวงจะไม่ลงทุนกับหัวเสา*[2]? เจ้าเด็กคนนี้ไม่ขมวดคิ้วเลยสักนิดตอนติดสินบน แต่พอเป็นเรื่องของธุรกิจกลับกลายเป็นไก่เหล็กตัวผู้*[3] เสียอย่างนั้น

อย่างไรก็ตาม การที่ฉินเฟิงขู่ว่าจะทำให้จ้าวฉางฟู่จ่ายค่าตอบแทนต่อหน้าทหารรักษาพระราชวังจำนวนมากเช่นนี้ ทำให้ชายชรารู้สึกกังวลใจไปชั่วขณะ

ท้ายที่สุด ภูผาเบื้องหลังหอเซียนเมามายก็คือองค์ชายรอง และความจริงที่ว่าองค์ชายรองสามารถโยกย้ายกองทหารรักษาพระราชวังอย่างลับ ๆ ได้ก็เพียงพอที่จะยืนยันว่า หากไม่มีอะไรผิดพลาด ถ้อยคำสบประมาทเหล่านี้คงจะไปถึงหูอีกฝ่ายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม

ขันทีมากประสบการณ์แสร้งวางท่าสงบนิ่งและเอ่ย “กิจการขนาดใหญ่ในเมืองหลวงนี้พัวพันกับผลประโยชน์ไม่มากก็น้อย หอเซียนเมามาย ในฐานะหอสุราที่ใหญ่ที่สุดแห่งต้าเหลียง จะล้มลงอย่างง่ายดายได้อย่างไร?”

ฉินเฟิงเข้าใจความหมายอันลึกซึ้งในคำพูดของหลี่จ้านที่เตือนให้เขาหยุดเพียงเท่านี้ อย่าแตะต้องผลประโยชน์ขององค์ชายรอง ไม่เช่นนั้นมีโอกาสสูงที่ชีวิตจะต้องพบกับหายนะและความตาย

นายน้อยตระกูลฉินจึงเปลี่ยนเรื่อง ก่อนจะทำท่าชกมวยอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เขาเหวี่ยงหมัดในอากาศสองสามครั้ง “พวกคนเถื่อนจากเป่ยตี๋ มันไม่กล้าสู้ตัวต่อตัวกับทหารกล้าต้าเหลียง ทำแต่เรื่องลับ ๆ ล่อ ๆ อย่าให้ข้าจับได้เชียว! มิเช่นนั้น ข้าจะรัวหมัดชุดทุบศีรษะฮ่องเต้เป่ยตี๋อะไรนั่นให้อุจจาระราดเลย”

ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา หลี่จ้านก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “นายน้อยฉินเต็มใจที่จะรับใช้ต้าเหลียง ช่างมีความทะเยอทะยานน่ายกย่อง แต่เกรงว่าโอกาสเช่นนั้นจะน้อยนัก”

ฉินเฟิงส่งเสียงฮึเบา ๆ อย่างไม่เห็นด้วย “วางใจเถอะ ตาแก่ของข้ากำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อส่งเสริมเรื่องการส่งทหาร อีกไม่กี่วันข้าก็จะสามารถ…”

ที่ฉินเฟิงถูกคนชั่วลอบสังหาร ก็เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

หลังจากพิจารณาสิ่งเหล่านี้อย่างถี่ถ้วน นายน้อยตระกูลฉินก็เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมสำหรับการเข้าเฝ้า ชายหนุ่มเปิดปากฮัมเพลงเล็กน้อย เท้าก็เดินโซเซเข้าไปในประตูพระราชวังพร้อมกับทหารคอยคุ้มกัน

หลี่จ้านเตือนฉินเฟิงมากกว่าหนึ่งครั้งให้เดินอย่างสำรวมมากขึ้น อย่าบ้าบิ่นเกินไป!

ทว่านายน้อยเจ้าสำราญกลับเพิกเฉย ปล่อยให้คำเตือนดังกล่าวเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ชายหนุ่มสอดมือทั้งสองข้างลงในกระเป๋าด้วยความเคยชิน พลันตระหนักได้ว่าชุดนี้ไม่มีกระเป๋ากางเกง เจ้าตัวเลยยกชุดคลุมขึ้นและสอดมือเข้าไปในเอวกางเกงทั้งสองด้าน ทำท่าทำทางเหมือนนักเลงหัวไม้ไม่มีผิด

นับตั้งแต่ก่อตั้งต้าเหลียง ไม่มีใครกล้าเผชิญหน้ากับฝ่าบาทด้วยท่าทางเช่นนี้มาก่อน ขันทีหลี่คิดว่าฉินเฟิงต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ เจ้านี่กำลังรนหาที่ตายชัด ๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อส่งนายน้อยตระกูลฉินไปที่ห้องทรงพระอักษรของฮ่องเต้เรียบร้อย ภารกิจของหลี่จ้านก็ถือเป็นอันเสร็จสิ้น อีกฝ่ายจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขา!

[1] เป็นตะเกียงใหญ่ในห้องน้ำมองหาอึ : รนหาที่ตาย

[2] ลงทุนหัวเสา : ริเริ่มเป็นฝ่ายเข้าไปประจบประแจงก่อน

[3] ไก่เหล็กตัวผู้ : ตระหนี่ถี่เหนียว

[4] แร็กคูนโพรงเดียวกัน : ล้วนเป็นพวกเลวทรามต่ำช้าเช่นเดียวกัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ