บทที่ 256 อันตรายถึงตายปรากฏ
เซี่ยปี้ที่กำลังดื่มชาแทบสำลักตายหลังได้ยินคำตอบของฉินเฟิง
เขาวางถ้วยชาด้วยท่าทางลนลาน ไอแห้ง ๆ สองสามครั้ง แสร้งปัดคราบชาที่กระเด็นมาถูกตัวด้วยท่าทางผ่อนคลาย “เป็นอย่างที่ข้าคิด เจ้ายังไม่เข้าใจสถานการณ์ของตนเองดี ที่ข้าทำเช่นนี้เป็นการช่วยชีวิตเจ้า!”
ฉินเฟิงที่เมื่อครู่ยังเอ้อระเหยลอยชายพลันจริงจังขึ้นหลังได้ยินวาจานี้ “ขอท่านพ่อตาโปรดชี้แนะ”
เซี่ยปี้ถอนหายใจ พูดด้วยความประสงค์ดี “หากเป็นในอดีต ต่อให้เจ้าปั่นป่วนจนวุ่นไปทั้งเมืองหลวง ผู้คนจักคิดเพียงว่าเจ้าเป็นพวกเจ้าเล่ห์ไม่เอาอ่าว ทว่าบัดนี้ เจ้าถูกลดขั้นเป็นนายอำเภอเป่ยซี แต่สามารถกลับมายังเมืองหลวงได้ในเวลาเพียงไม่กี่วัน ซ้ำยังสังหารจงหลิงแห่งเป่ยตี๋สำเร็จ เผยให้เห็นถึงกำลังรบชั้นเยี่ยมขององครักษ์”
“ต่อแต่นี้ไป ไม่ว่าศัตรูในราชสำนักหรือที่อื่นล้วนต้องหาทางเอาชีวิตเจ้า”
“แม้แต่ในเมืองหลวงแห่งนี้ก็ไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
กับคำกล่าวเกินจริงเช่นนี้ของเซี่ยปี้ ฉินเฟิงมิได้เคลือบแคลงสักนิด
ท้ายที่สุด อย่างไรความสามารถด้านการค้าของฉินเฟิงก็ไม่เป็นภัยต่อศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่
ทว่าการไปเยือนอำเภอเป่ยซีครานี้ได้พิสูจน์ความสามารถของเขาแล้ว
โดยเฉพาะความสามารถด้านยุทธการ
เรื่องนี้ถือเป็นภัยคุกคามถึงชีวิตศัตรู ไม่ว่าจะคนใดก็ตาม
เป็นดั่งคำพังเพยคำเดิมที่ว่า อำนาจทางการเมืองมาจากความสามารถทางทหาร ทันทีที่ฉินเฟิงมีสิทธิ์มีเสียงในการทหาร จักคุกคามผลประโยชน์ของผู้อื่นได้ง่ายดาย แม้แต่กับฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียง!
เพียงแต่ฮ่องเต้ต้าเหลียงเห็นแก่ความภักดีของตระกูลฉิน กอปรกับมีปรีชาสามารถ จึงไม่ถูกขุนนางชั่วช้าเป่าหู ตระกูลฉินถึงมิเคยเป็นที่ไม่ไว้วางพระทัยของฝ่าบาท
และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ทุกคนหวั่นเกรง!
ดวงตาเซี่ยปี้ทอประกายคมปราบวาบหนึ่ง “ยิ่งเจ้าเป็นที่โปรดปรานในเมืองหลวงเพียงใด ก็ยิ่งได้รับอำนาจทางทหารมากขึ้นเพียงนั้น และยิ่งเข้าใกล้ความตายเข้าไปเรื่อย ๆ ด้วย เจ้าอย่าได้มองข้ามความเด็ดเดี่ยวของคนเหล่านั้นที่ต้องการกำจัดเจ้า ขอเพียงมีโอกาส ต่อให้อยู่บนถนนหลักในเมืองหลวง หรือต่อให้อยู่ต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท คนเหล่านั้นย่อมเอาชีวิตเจ้าโดยไม่ลังเล”
“ราชสำนักเป็นศึกเอาชีวิตกันเรื่อยมา”
แม้เซี่ยปี้จะมิได้แถลงนามว่า ‘คนเหล่านั้น’ เป็นผู้ใด
กระนั้นฉินเฟิงก็เดาออก คงไม่พ้นมหาเสนาเกา ไท่เป่าหลิน พระสนมกุ้ยเฟย และองค์ชายรอง
ยิ่งฉินเฟิงแต่งงานกับเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์เร็วเพียงใด ก็จะได้รับการคุ้มครองจากตระกูลเซี่ยเร็วเพียงนั้น
ไม่ว่าในราชสำนักหรือฝ่ายทหาร เซี่ยปี้ล้วนสามารถสนับสนุนตระกูลฉินได้โดยมิต้องปิดบัง หาได้เป็นอย่างยามนี้ที่ทุกอย่างไม่เป็นไป ‘ตามครรลอง’
ฉินเฟิงสูดหายใจ ค่อย ๆ ลุกขึ้นและคำนับเซี่ยปี้ “ขอบคุณท่านพ่อตาที่ชี้แนะ ข้าจักจำไว้ ทว่าเรื่องแต่งงาน รอให้สงครามแคว้นจบลงก่อนแล้วค่อยหารืออีกครั้งเถิด มิใช่ข้านั้นไม่รู้จักมองสถานการณ์ หากแต่มิต้องการไขว้เขว”
แน่นอนว่าเซี่ยปี้เข้าใจความกังวลของฉินเฟิง
ถึงอย่างไรฉินเทียนหู่ก็เป็นขุนนางผู้บัญชาการศึก สงครามแคว้นเกี่ยวพันถึงเกียรติยศและความอยู่รอดของตระกูลฉินในภายภาคหน้า
ขณะเดียวกัน ภาพของเซี่ยปี้ในใจฉินเฟิงกลับตาลปัตร
ผู้คนรู้เพียงว่าเซี่ยปี้คือหนึ่งในสี่ยอดฝีมือแห่งเมืองหลวง เป็นขุนพลฝ่ายบู๊
หารู้ไม่ว่า ความแยบคายของเซี่ยปี้หาได้ด้อยไปกว่าขุนนางฝ่ายบุ๋นเหล่านั้นเลย!
เซี่ยปี้รู้ดีว่าการดองกันระหว่างตระกูลฉินและตระกูลเซี่ยมิอาจจัดโดยเร่งรีบ อย่างน้อยก่อนสงครามแคว้นจบคงยากจะดำเนินการ
ทว่าคืนนี้การให้ฉินเฟิงนอนค้างในจวนตระกูลเซี่ย นี่ก็เป็นการประกาศถึงความสัมพันธ์ตระหว่างตระกูลฉินและตระกูลเซี่ยต่อเมืองหลวง หรือแม้กระทั่งคนทั้งต้าเหลียงได้เป็นอย่างดี
ฉินเฟิงถือเป็น ‘ลูกเขยทางพฤตินัย’ แล้ว หากผู้ใดลงมือกับฉินเฟิง ย่อมสร้างความขุ่นเคืองต่อเซี่ยปี้แน่นอน คนโฉดเหล่านั้นจักต้องคิดให้มากขึ้น


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ