บทที่ 258 ผู้บังคับกองพัน
นับตั้งแต่ฉินเฟิงออกจากเมืองหลวง บัญชีของตระกูลฉินกับค่ายเทียนจีตกเป็นภาระบนบ่าหลิ่วหงเหยียนเพียงผู้เดียว เรียกได้ว่าแยกร่างไม่ทัน
จนนางไม่ได้รู้เลยว่า ก่อนฉินเฟิงจะกลับเมืองหลวงข่าวเกี่ยวกับเขากำลังแพร่สะพัดออกไปทั่ว
นายน้อยเจ้าสำราญผู้ปั่นป่วนเมืองหลวงจนโกลาหลในอดีตราวกับถูกอู๋ฉวี่ซิงสิงร่าง เดินทางพันลี้ไปยังชายแดนทิศเหนือ ไม่เพียงแต่ช่วยมารดาไว้ได้ แต่ยังโค่นกองทหารม้าชั้นยอดของเป่ยตี๋ได้คณานับ ปลิดชีพขุนพลหยาเจี้ยงระดับตำนานของฝ่ายศัตรูขณะต่อสู้ชุลมุน สร้างขวัญกำลังแก่กองทหารต้าเหลียง ปลุกความเลือดร้อนของพลทหารทั้งหลายและกลายเป็นความภาคภูมิของแวดวงบุ๋นแห่งเมืองหลวง
กระทั่งบัดนี้ ทันทีที่ก้าวออกจากประตูจวนตระกูลฉิน ย่อมได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ นานา
แม้แต่พ่อค้าขายผักข้างทาง แรงงานที่เดินทางไปทุกตรอกซอกซอย ทุกคนต่างพากันสรรเสริญคุณูปการอันยิ่งใหญ่ของนายน้อยตระกูลฉินด้วยความยินดีปรีดา
หลิ่วหงเหยียนวางสมุดบัญชี ลูบแขนตนเบา ๆ คล้ายว่ายังรู้สึกถึงอุณหภูมิที่หลงเหลือจากอ้อมกอดของฉินเฟิง พลันมุมปากก็ยกยิ้มพิมพ์ใจอย่างอดมิได้
“บทกวี ‘ออกด่าน’ เลื่องชื่อไปทั่วใต้หล้า เดินทางพันลี้เพื่อบั่นศีรษะขุนพลฝ่ายศัตรู กิตติศัพท์แซ่ซ้อง อีกทั้งแตกฉานด้านการค้า ซ้ำยังทำดีต่อครอบครัว หากได้ฝากชีวิตไว้กับบุรุษเช่นเขา ยังจะต้องวอนขอกระไรไปมากกว่านี้เล่า”
นี่เป็นครั้งแรกที่หลิ่วหงเหยียนผู้สนใจแต่กิจในตระกูล และทำงานอย่างขยันขันแข็ง รู้สึกเหมือน ‘หัวใจผลิบาน’
ในอดีต นางเห็นฉินเฟิงเป็นเพียงน้องชายขี้อ้อนเท่านั้น
ทว่าบัดนี้ นางเห็นเขาเป็นบุรุษเต็มตัวแล้ว
แต่เมื่อนึกได้ว่าฉินเฟิงหมั้นหมายกับเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์ สายตาหลิ่วหงเหยียนก็ทอประกายเศร้าสร้อย นางส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อน “นี่ข้าเป็นอันใดไป เฟิงเอ๋อร์ได้ครองคู่รักมั่นกับบุตรีหนิงกั๋วกง ข้าควรดีใจกับเขาถึงจะถูก”
หลิ่วหงเหยียนสั่นศีรษะ สลัดความคิดเพ้อเจ้อในใจออกไป นางหยิบสมุดบัญชีขึ้นมาอีกครั้ง และตั้งใจคำนวณ
ทั้งยังตัดสินใจกับตนเองแล้วว่า ชีวิตนี้ต่อให้ไร้สถานะบรรดาศักดิ์ ขอเพียงช่วยคลายความกังวล ขจัดอุปสรรคให้เฟิงเอ๋อร์ได้ก็นับว่าพอแล้ว…
…
เมืองหลวง ณ จวนของหย่งอันโหว
เวลานี้ในจวนหนิงคึกคักเป็นพิเศษ เหล่าผู้บัญชาการและแม่ทัพจากฐานทัพต่าง ๆ ล้วนพากันมาเยี่ยมเยียนพร้อมด้วยของกำนัลล้ำค่า
ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งกองทัพมังกรซ่อนพยัคฆ์พาบุตรชายคนโปรดก้าวเข้ามาในลาน ประสานมือคำนับหย่งฮันโหวอย่างหนิงเหวินอวี่ตั้งแต่ไกล ๆ ด้วยท่าทีกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง “ฮ่า ๆๆ มิได้พบกันนาน ท่านโหวยังคงองอาจเช่นเคยเลยหนา ท่านโหวออกรบมาทั้งชีวิต สร้างคุณูปการแก่ต้าเหลียง คุณความดีล้วนเป็นที่ประจักษ์ บัดนี้บุตรชายของท่านมีความดีความชอบตั้งแต่คราแรกที่ออกรบเช่นนี้ เรียกได้ว่าลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้นจริง ๆ!”
ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งกองทัพมังกรซ่อนพยัคฆ์เสมือนเป็นแขนของฝ่าบาท และเป็นผู้นำของกองทัพซึ่งประจำการในเมืองหลวง เขามีฐานะสูงส่ง ในบางแง่ แม้แต่ตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ยังมั่นคงมิสู้ตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดของเขา
และเพราะเหตุนี้ ผู้บัญชาการสูงสุดจึงมิค่อยข้องแวะกับพรรคพวกต่าง ๆ ในเมืองหลวง มักปลีกวิเวกอยู่ตามลำพังเสมอ
เพียงแต่…
วันนี้มิเหมือนวันวาน
ผู้บัญชาการสูงสุดผลักบุตรชายตนเองด้วยสีหน้าผิดหวัง “เจ้ามีอายุไล่เลี่ยกับท่านโหวน้อย แต่กลับยังเสเพลในเมืองหลวงไปวัน ๆ ดูอย่างท่านโหวน้อยสิ เขาตวัดง้าวปลิดชีพขุนพลหยาเจี้ยงระดับตำนานของเป่ยตี๋ได้ท่ามกลางความชุลมุน เขาองอาจกล้าหาญเพียงใด เจ้าหัดเอาอย่างเสียบ้าง!”
หนิงเหวินอวี่ทั้งปลื้มปีติกับคำชื่นชม ทั้งภาคภูมิทรนง เขาจึงรีบประสานมือคำนับกลับ “ผู้บัญชาการสูงสุดกล่าวเช่นนี้ก็เกินไป บุตรชายของท่านยังเยาว์วัย หากวันหนึ่งได้ออกรบอยู่แนวหน้าย่อมต้องมีความดีความชอบใหญ่หลวง หนิงหู่บุตรชายข้าเพียงแต่โชคดีที่ได้ติดตามนายน้อยฉินไปยังเมืองเป่ยซี ส่วนเรื่องปลิดชีพจงหลิง ฮ่า ๆ ล้วนเป็นเพราะนายน้อยฉินบัญชาการได้เยี่ยมยอด บุตรชายข้าเพียงแต่ได้หน้าเพราะโชคหล่นทับเท่านั้น”
ขณะกล่าวเช่นนั้น หนิงเหวินอวี่ก็ปรายตามองหนิงหู่ข้างกายเงียบเชียบ ความลำพองนั้นอย่าให้ต้องเอ่ย
เขายังลอบสะท้อนใจว่า ดีที่ยามพิธีชำระอาภรณ์ตนไหวพริบดี กลับตัวได้ทัน เบนจากฝ่ายกรมคลังไปหาฝ่ายกรมกลาโหม ถึงได้ผูกไมตรีกับตระกูลฉินทำให้หนิงหู่มีโอกาสร่วมทางกับฉินเฟิงได้
การตัดสินใจนี้เรียกได้ว่าปรีชาเกรียงไกร เกี่ยวพันถึงชะตากรรมของตระกูลหนิง!
ใบหน้าหนิงหู่แดงก่ำด้วยความเขินอาย เขาเกาท้ายทอยไม่หยุด หัวเราะแหะ ๆ ด้วยท่าทางซื่อ ๆ
ผู้อื่นไม่รู้ แต่หนิงหู่นั้นตระหนักดี


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ