บทที่ 259 พี่หญิงสี่รักข้าที่ตรงไหนหรือ?
แน่นอนว่าหนิงหู่ไม่เต็มใจ ทว่าท่ามกลางสายตาคาดหวังของผู้บัญชาการสูงสุด เขาไม่อาจปฏิเสธ จึงได้แต่จำต้องกัดฟันยอมตกลง
เมื่อเห็นหนิงหู่ตกลง แม่ทัพรอบ ๆ จึงไม่ยอมแพ้ พากันผลักบุตรหลานของตนเองออกมา ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้หนิงหู่พาไปเปิดหูเปิดตาด้วยให้ได้
นั่นทำให้บัดนี้ บุตรหลานขุนนางฝ่ายบู๊กว่าครึ่งเมืองหลวงเดินตามตูดหนิงหู่ สนทนากันเพลิดเพลิน มุ่งหน้าไปยังค่ายเทียนจีอย่างตั้งตารอ
ขณะเดียวกัน ฉินเฟิงนั่งยอง ๆ อยู่หลังจวน สองมือกุมศีรษะ ใบหน้าเศร้าสลด มองจิ่งเชียนอิ่งด้วยท่าทางหวาด ๆ “พี่หญิงสี่ ท่านอย่าโกรธอีกเลย ข้ากับเซี่ยอวิ๋นเอ๋อร์นอกจากหมั้นหมายกัน ก็มิมีสิ่งใดอีกจริง ๆ”
จิ่งเชียนอิ่งนั่งคุกเข่าบนบันได สองมือกุมเข่า เปลือกตาปิดลง ทำเหมือนฉินเฟิงเป็นอากาศธาตุ
เสิ่นชิงฉือกับหลิ่วหงเหยียนแม้ดูเหมือนเจ้าอารมณ์ ทว่ายามง้อก็หาได้ยากนัก
ทว่าจิ่งเชียนอิ่ง ยามปกติแล้วไม่หือไม่อือ แต่ยามโกรธให้วัวไปลากถึงแปดตัวก็กู่ไม่กลับ
ฉินเฟิงจนปัญญา เขาจึงต้องกัดฟันกล่าวว่า “หากพี่หญิงยอมอภัยให้ข้า ข้าจักให้เงินพี่หญิงอีกเล็ก ๆ น้อย ๆ หากท่านชื่นชอบสิ่งใดก็จงนำไปซื้อเถิด”
จิ่งเทียนอิ่งมีนิสัยเย็นชา เพียงแต่ชื่นชอบในเงินทองมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
ยามได้ยินฉินเฟิงเอ่ยว่าจะยอม ‘รีดเลือด’ ในที่สุดนางก็เริ่มมีปฏิกิริยา ลืมตาขึ้นและชำเลืองมอง “เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นเป็นจำนวนเท่าใด”
ฉินเฟิงกัดฟัน “หลายปีมานี้พี่หญิงสั่งสมเงินทองไว้ไม่น้อย บวกกับที่ไถจากข้า… แค่ก ๆ ที่ได้จากข้า อย่างน้อยก็คงมีหลายแสนตำลึงเงินแล้วกระมัง หากบันทึกผ่านบัญชีตระกูลฉินไปเรื่อย ๆ น่ากลัวว่าวันหน้าอาจถูกขุนนางในราชสำนักกล่าวหา ขืนส่งผู้อื่นมาตรวจสอบบัญชี ถึงคราวนั้นคงอธิบายมิได้ และกลายเป็นเรื่องเปล่า ๆ”
“มิสู้ให้ข้าซื้อกิจการโรงแลกเงินให้พี่หญิง เพื่อให้พี่หญิงสามารถนำเงินของท่านไปฝากที่นั่น ไม่เพียงแต่เข้าออกสะดวก วันหน้ายังหากำไรด้วยโรงแลกเงินได้อีกด้วย”
จิ่งเชียนอิ่งพึงใจในข้อเสนอของฉินเฟิงมาก “เพราะอย่างนั้น เงินเล็กน้อยที่เจ้าว่าก็คือ?”
ฉินเฟิงสูดหายใจ อดทนต่อความเจ็บปวดในใจ พลันชายหนุ่มชูหนึ่งนิ้วขึ้นมาช้า ๆ
จิ่งเชียนอิ่งเลิกคิ้ว “หนึ่งหมื่นตำลึงเงิน?”
ฉินเฟิงพยักหน้าหนักแน่น เมื่อเห็นจิ่งเชียนอิ่งหลับตาลงอีกครั้งจึงรีบเสริม “หนึ่งหมื่นตำลึงเงินนี้ไว้ซื้อบ้านเพื่อทำเป็นโรงแลกเงิน นอกจากนี้ยังมีอีกเก้าหมื่นตำลึงเงินให้พี่หญิงไปซื้ออาภรณ์ชุดใหม่”
หิมะบนดวงหน้าเย็นชาของจิ่งเชียนอิ่งละลายในที่สุด นางเผยรอยยิ้มอย่างหาดูได้ยาก “เฮอะ เท่านี้ถึงนับว่าใช้ได้”
เงินรักษาได้สารพัดโรคจริง ๆ!
เสียไปหนึ่งแสนตำลึงเงินถึงเอาใจแม่ทูนหัวผู้นี้จนยอมดีด้วยได้ ฉินเฟิงปวดใจจนตับสั่น
และความสงสัยเรื่อยมาของฉินเฟิงก็ยิ่งทวีความรุนแรง ชายหนุ่มจึงถามหยั่งเชิงออกไป “พี่หญิง ปกติท่านก็ไม่ค่อยออกจากบ้านเท่าใด ทั้งยังมิใคร่สนใจในเรื่องหฤหรรษ์ทั้งหลาย แทบไม่มีรายจ่ายด้วยซ้ำ แล้วไยท่านจึงลุ่มหลงในเงินทองถึงเพียงนี้…?”
เมื่อได้ยินคำถาม สายตาจิ่งเชียนอิ่งทอประกายลุ่มลึกวาบหนึ่ง นางไม่ได้ตอบ หากแต่เบี่ยงประเด็นออกไป “ที่เจ้ากล่าวไว้ก่อนออกจากเมืองหลวงยังมีผลอยู่หรือไม่?”
หา?
กล่าวกระไร?
ฉินเฟิงเกาหัวคิดอยู่ครู่ใหญ่ กระทั่งสังเกตเห็นแววสังหารจากสายตาจิ่งเชียนอิ่งถึงนึกออก เขาทำหน้าตาเหนียมอาย “ท่านหมายถึง… เรื่องแต่งงานกับท่านหรือ?”
ใบหน้าจิ่งเชียนอิ่งพลันแดงระเรื่อ
นางคือจิ่งเชียนอิ่งนะ เขินเป็นด้วยหรือ?!
ฉินเฟิงตะลึงกับภาพนี้จนตาโต อ้าปากค้าง

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ