บทที่ 262 ผู้สูงศักดิ์มาร่วมงานศพ
ไม่เพียงแต่เหล่านายน้อยในเมืองหลวงและฉินเทียนหู่เท่านั้นที่เข้าร่วม กระทั่งหนิงกั๋วกงก็ยังมาโดยไม่ได้รับเชิญ
บรรดานายน้อยที่ก่อนหน้าคิดเพียงอยาก ‘ร่วมชมเรื่องสนุก’ เห็นดังนี้ก็เริ่มมองหน้ากัน จากนั้นก็กรูเข้าไปในโถงตั้งศพ แล้วต่อแถวกราบไหว้
พวกเขาไม่ได้โง่ ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักมาถึงสองคน ในฐานะนายน้อยในเมืองหลวง ย่อมต้องออกไปแสดงตัวตนแล้ว
แต่จะจริงใจหรือไม่นั้น เป็นอีกประเด็นหนึ่ง
เหตุที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของทหารองครักษ์ผู้สิ้นชีพหรือทหารองครักษ์ที่เหลือในที่นี้ต่างก็ตะลึง
ด้วยระดับพิธีการขนาดนี้ นี่เทียบเท่าแม่ทัพใหญ่แล้ว!
งานเช่นนี้นับว่าเอิกเกริกอย่างแท้จริง
หนิงเหวินอวี่ผู้รับแขกอยู่ในจวนทราบข่าวแล้วเช่นกัน ขณะกำลังลังเลว่าควรไปหรือไม่ เขาก็ได้ยินผู้บัญชาการสูงสุดออกปาก
สายตาของผู้บัญชาการสูงสุดลุ่มลึก เขาเอ่ยขึ้นอย่างรีบร้อน “แม้ว่าเรื่องเช่นนี้จะไม่เคยมีในต้าเหลียง ทว่าทหารองครักษ์สามนายนี้ล้วนมีความดีความชอบต่อการสังหารจงหลิง เดินทางไปกราบไหว้ไม่ถือว่าไม่เหมาะสม”
ความคิดของผู้บัญชาการสูงสุดนั้นเรียบง่าย
กราบไหว้ทหารองครักษ์ผู้สละชีพเป็นเรื่องรอง หากส่งบุตรชายของตน จ้าวอวี้หลง เข้าไปในค่ายเทียนจีได้ถึงนับว่าสำเร็จสมประสงค์
ถึงอย่างไร จวบจนบัดนี้ในรายนามพลทหารใหม่สี่นายก็ยังขาดอยู่สองตำแหน่ง
หนิงเหวินอวี่ไม่ลังเล พาเหล่าแม่ทัพใหญ่ทั้งหลายมุ่งหน้ายังค่ายเทียนจีทันที
เหล่าแม่ทัพใหญ่ฝ่ายบู๊เคลื่อนไหว บัดนี้ด้านขุนนางฝ่ายบุ๋นก็ได้รับข่าวเช่นกัน
หลี่ซวี่กำลังจะไปเยี่ยมจวนตระกูลเกา เมื่อรู้เรื่องนี้ก็แค่นหัวเราะ “ฉินเฟิงคนกระจอก ถนัดสร้างเรื่องขบขันยิ่งนัก ทหารองครักษ์เพียงสามคน กลับต้องให้ขุนนางทั้งฝ่ายบู๊ฝ่ายบุ๋นเดินทางไปกราบไหว้ ตลกสิ้นดี!”
ทว่าเกาหมิงกลับขมวดคิ้วมุ่น
หนนี้ที่ฉินเฟิงเดินทางไปยังเมืองเป่ยซี เขาได้ออกอุบายหมายจะถ่วงฉินเฟิงไว้ที่นั่น ผู้ใดเล่าจะคาดคิด ฉินเฟิงใช้วิธีสร้างคุณูปการใหญ่หลวง เพียงไม่กี่วันก็ทลายอุบาย หวนกลับสู่เมืองหลวงได้
ความสามารถของคนผู้นี้เป็นที่หวาดหวั่นของเกาหมิงแล้ว เขามิกล้าชะล่าใจสบประมาทศัตรูอีก
และเวลานี้ เมื่อได้ยินว่าฉินเฟิงจัดงานศพให้ทหารองครักษ์ผู้สละชีพทั้งสามอย่างยิ่งใหญ่ เกาหมิงก็ยิ่งกลัดกลุ้ม “คนผู้นี้รู้จักซื้อใจคนจริง ๆ!”
“มีข่าวจากในวังว่า ฉินเฟิงทูลขออย่างโอหังในการประชุมราชการ แม้ฝ่าบาทจะไม่ได้ตกปากรับคำซึ่งหน้า ถึงกระนั้นก็ได้ตกลงทางอ้อมไปอย่างลับ ๆ แล้ว ทหารองครักษ์สามร้อยนายนั้น บัดนี้คือทหารใต้บัญชาของฉินเฟิงโดยตรง แล้วนี่มาเจอเหตุการณ์งานศพ เหอะ ๆ พวกเขาคงต้องติดตามฉินเฟิงอย่างจงรักภักดีไปตราบชั่วชีวิตนี้แล้วกระมัง”
“ซ้ำทหารองครักษ์เหล่านี้ยังมีกำลังรบล้ำเลิศ วันหน้าคิดจะเข้าใกล้ฉินเฟิงคงยากเย็นยิ่งกว่าไต่ขึ้นนภาแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่ซวี่ก็ผงะไป สายตาฉาบฉายความตกตะลึง “มหาเสนาเกา เจ้าเด็กฉินเฟิงแยบคายปานนั้นจริงหรือ?”
เกาหมิงแค่นเสียง “เจ้าไม่ได้ยินที่บ่าวรับใช้เข้ามารายงานหรือ? ศพสามร่างนั้นมีนักพรตนำทางกลับมา หากเป็นการนำทางธรรมดา ผ่านไปอีกครึ่งเดือนคงยังมาไม่ถึง มาคิดดูแล้ว ฉินเฟิงคงสั่งให้ส่งศพมายังเมืองหลวงตั้งแต่วันแรกที่ตาย และคงเพิ่งนำเข้าโลงยามมาได้ครึ่งทางแล้ว”
“ทหารองครักษ์ตายในการรบ ใบไม้ร่วงคืนสู่ราก จัดงานศพอย่างยิ่งใหญ่ ซื้อใจผู้คน ได้รับความภักดีจากทหารองครักษ์สามร้อยนาย ทั้งยังยกย่องท่านโหวน้อยหนิงหู่ ช่วยให้เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บังคับกองพัน เช่นนี้แล้ว เขาย่อมเป็นที่อยากเข้าหาของแม่ทัพใหญ่ฝ่ายบู๊เกือบครึ่งราชสำนัก…”
“เหอะ เจ้าว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องบังเอิญหรือ ข้าไม่เชื่อ! คนทั่วไปเฝ้าดูทีละก้าว คนฉลาดมองดูล่วงหน้าไปสามก้าว แต่เจ้าฉินเฟิงนี่ดูล่วงหน้าไปถึงสิบก้าวแล้ว เขาแสร้งโง่ทั้งที่ปราดเปรื่อง!”
สายตาหลี่ซวี่เลื่อนลอยไปครู่หนึ่ง เขารู้ว่าฉินเฟิงฉลาด และต่อกรด้วยยากยิ่ง แต่คิดไม่ถึงว่าจะแยบคายเพียงนี้!
งานศพดูยิ่งใหญ่เกินจำเป็นนั่น สร้างผลประโยชน์ได้มากเพียงนี้เชียวหรือ…
หลี่ซวี่ยังไม่ตายใจ เขาหันไปถามบ่าวรับใช้ “ขุนนางฝ่ายบุ๋นในราชสำนักได้เดินทางไปค่ายเทียนจีบ้างหรือไม่”



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ